“เมื่อไหร่จะหายโกรธพี่สักที”
“ไม่มีทาง! และไม่มีวันด้วย”
“...” เสือเงียบลง เมื่อได้รับคำตอบจากไพลิน
ในตอนนั้นเขาทำผิดกับไพลินไว้มาก ไม่แปลกที่หญิงสาวจะยังคงโกรธเขามาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าเขาเชื่อใจของไพลินตั้งแต่แรก ทุกอย่างก็ไม่ต้องเลวร้ายขนาดนี้
“มีวิธีไหนที่พี่จะทำให้เธอหายโกรธได้บ้าง”
“ไม่มี มันสายเกินไปแล้ว ต่อให้นายพูดอะไรตอนนี้ก็คงไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาได้หรอกนะ”
“จริงสิ พี่ผิดเอง” สายตาที่เคยดุดัน เศร้าลงทันที ความรู้สึกผิดต่อคนตรงหน้าเกาะกุมไปจนถึงหัวใจ เพราะเขาปล่อยให้เธอต้องเผชิญหน้ากับเรื่องร้ายเพียงคนเดียวมาตลอด
“คุณเสือคะ สองคนนั้นมาแล้วค่ะ”
“ครับ ออกไปกันเถอะ” เสือทำท่าจะเข้าไปช่วยคนตัวเล็ก แต่ทว่าเธอกลับรีบเดินหนีออกมาหาป้าแจ่มที่กำลังสงสัยว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกันถึงมีสีหน้าไม่สู้ดีกันทั้งคู่
“นังชบา นังส้ม แกกล้าดียังไงมาทำร้ายคุณหนูกัน” แจ่มจันทร์เดินนำหน้ามาก่อน รีบต่อว่าทั้งสองคนทันที
“ก็มันน่าหมั่นไส้ ถามก็ไม่ยอมตอบ”
“แต่พวกเธอก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายร่างกายคนอื่นแบบนี้”
“คุณเสือ!!!” ชบาและส้มร้องด้วยความตกใจ พลางมองหญิงสาวที่ตัวเองได้ฝากรอยฟกช้ำเอาไว้บนใบหน้าและร่างกายเดินตามเข้ามาทีหลัง
“ฉันจะไล่พวกเธอออกทั้งสองคน”
“แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่พวกฉันออก คุณเสือคะ ชบากับส้มสำนึกผิดแล้วค่ะ ที่ทำอะไรลงไปโดยไม่ทันคิด”
“ฉันช่วยอะไรพวกเธอไม่ได้หรอก เพราะนี่คือ ไพลิน ลูกสาวของเจ้าของไร่ที่พวกเธอกำลังทำงานอยู่นี่ไง” เสือรีบแนะนำทุกคนให้รู้จักกับไพลินทันที
“หา! ไม่จริงอ่ะ ยัยนี่เนี่ยนะลูกสาวเจ้าของไร่”ส้มหลุดพูดออกไป โดยไม่ทันคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกไล่ออกจริงๆ
“ใช่ ฉันเนี่ยแหละลูกสาวเจ้าของไร่ คนที่พวกเธอทำร้ายไง”
“ตะ แต่ว่า ยัยนี่ก็ทำร้ายพวกเราเหมือนกันนะคะ ดูนี่สิคะ รอยฝ่ามือนังนั่นนะคะ” ชบารีบชี้รอยบนใบหน้าของตัวเองที่มีแค่นิดเดียว แทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าโดนตบ
“ฉันก็แค่ป้องกันตัว พวกเธอมีแผลแค่นั้น แล้วดูฉันสิ หนักกว่าพวกเธอเยอะ”
“ตามนั้น ฉันจะไล่พวกเธอออกและแจ้งตำรวจข้อหาทำร้ายร่างกาย” เสือยื่นคำขาดอีกครั้ง ก่อนจะคว้าข้อมือของคนตัวเล็กออกห่างจากสองคนนั้นและพามาที่รถ
“นายจะพาฉันไปไหน”
“กลับบ้าน วันนี้ไม่ต้องทำงานแล้ว พักผ่อนเถอะ”
“แต่ว่า…”
“ห้ามเถียง เรื่องนี้ฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้เธอทำงานหรือพัก”
“เอาแต่ใจที่สุด” ไพลินพึมพำด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อโดนสายตาดุๆ ของอีกฝ่ายจ้องกลับมาก็รีบขึ้นไปบนรถทันที ไม่อย่างนั้นก็คงจะได้มีเรื่องให้เถียงกันอีก
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย”
“พี่ทำอะไรเธอเหรอ” เสือทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจดีว่ากำลังทำอะไรอยู่
“ก็มาจับแขนฉันทำไมบ่อยๆ” ไพลินพยายามสะบัดแขนออกจากมือของเขา
“เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ” สงครามระหว่างทั้งสองคนยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งลงรถจนเดินเข้ามาในบ้านแล้วก็ยังไม่จบ
“ป้าแจ่มคะ”
“คะ? คุณหนู” แจ่มจันทร์หันมามองคุณหนูของตนสลับกับเสือ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงง
“ช่วยบอกคุณเสือของป้าให้เลิกกวนหนูสักทีเถอะค่ะ”
“ป้าแจ่มก็ช่วยบอกคุณหนูของป้าแจ่มให้เลิกทำตัวเป็นเด็กด้วยครับ”
“ฉันไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กสักหน่อย”
“ฉันก็ไม่ได้กวนเธอเหมือนกัน”
แจ่มจันทร์ถึงกับกุมขมับ เมื่อถูกดึงเข้าไปอยู่ในสงครามปะทะฝีปากของทั้งสองคน ถึงกับต้องรีบห้ามเอาไว้ไม่อย่างนั้นตัวเธอเองได้ความดันขึ้นเป็นแน่
“พอเถอะค่ะคุณหนูคุณเสือ จะเถียงกันไปทำไมให้เปลืองน้ำลายคะ” ทั้งสองยอมสงบลงเมื่อโดนแจ่มจันทร์ที่นับถือเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ดุขึ้นมา
“ก็ได้ค่ะ” ไพลินรีบเดินเข้าไปเกาะแขนของแจ่มจันทร์ พลางเอ่ยตอบอย่างออดอ้อน
“คุณเสือคะ ป้าขอพาคุณหนูไปพักข้างบนก่อนนะคะ”
“ครับ” เสือหลีกทางให้แจ่มจันทร์พาไพลินไปบนห้อง ถึงแม้ในใจจะยังมีบางสิ่งค้างคาอยู่