การันเดินกลับไปที่สนามประลองของตนเองหลังจากที่ได้เห็นสถานที่แห่งนี้พอสมควร
หลังจากที่เขาเชยชมใบหน้าสวยสดงดงามของว่าที่เมียเขาในอนาคตแล้ว เขาก็เลือกจะปลีกตัวเดินออกมาในทันทีโดยไม่รีรอให้ต้องเสียเวลาเปล่า
การันจงใจปล่อยกลิ่นของตนเองให้ฟุ้งหลังจากที่เก็บกลั้นมันมาสักพักก่อนจะไปจัดการตนเองให้เรียบร้อยและเข้าสู่สนามประลอง
เขาเงยหน้ามองไปยังด้านบนห้องที่ตัวของเขาพึ่งลงมาได้ไม่นาน ความสามารถพิเศษอีกสิ่งอย่างก็คือเขาสามารถมองทะลุกระจกที่ดำมืดนั้นได้ ซึ่งมันเป็นความสามารถเบสิกสำหรับพวกอัลฟ่าอยู่แล้ว แล้วเขาก็คิดว่าหล่อนเองก็อาจจะรู้ดี
ก็ดูใบหน้าที่แดงกล่ำกับการยืนบิดเร้าตัวนั่นสิ หล่อนคงพยายามระงับอารมณ์ของตนเองสุดขีดหลังจากที่ได้กลิ่นจากตัวของเขาที่จงใจปล่อยมันเป็นกลิ่นพิเศษเพื่อให้โอเมก้าอย่างหล่อนได้กลิ่นแต่เพียงผู้เดียว
การันยกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่คนที่กำลังกัดริมฝีปากล่างจนห้อเลือด แววตาของเจ้าหล่อนหวานเยิ้มอย่างระงับอารมณ์สุดขีด เขานับถือเธอเลยว่าเป็นคนที่มีความอดทนขั้นสูงถึงยังยืนอยู่กับที่ได้โดยไม่คลานมามอบตัวให้เขาเสียก่อน
“ผู้ชนะจากศึกเมื่อครู่นั้นคือฝ่ายของคุณกอตต์ ผมจะให้เวลาคุณไปเตรียมตัวอีกสิบนาทีก่อนลงสนามนะครับ” เบต้าคนเก่าผายมือให้ชายตรงหน้าของเขาที่มีใบหน้าบวมช้ำเดินกลับไปยังห้องแต่งตัว
ส่วนชายอีกคนที่แพ้ในการประลองก็กำลังถูกลากลงจากสังเวียนโดยฝีมือของพวกเบต้าที่ต้องเข้ามาพยุงร่างของเขาถึงสี่คนด้วยกัน
ตลอดระยะเวลาที่การันรอคู่ต่อสู้ของตนเขาก็พยายามจะปั่นประสาทคนในห้องกระจกนั้นอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตัวของเขาถึงรู้สึกอยากกลั่นแกล้งหล่อนนัก แต่เวลาที่เห็นหล่อนขมวดคิ้วฉงนนั้นตัวของเขากลับรู้สึกชอบใจที่ได้พบเห็น
“คุณการันเชิญขึ้นสังเวียนเลยครับ” การันหันไปพยักหน้าให้กับเบต้าคนเดิมพร้อมกับร่างสูงโปร่งก้าวเข้าสู่สังเวียน
เขาหันหน้ากลับไปมองที่เจ้าหล่อนอีกครั้งก่อนจะยกยิ้มออกมาอย่างท้าทายและเริ่มลงมือต่อสู้กับชายตรงหน้า
คู่ต่อสู้ของเขาคนนี้มีรูปร่างที่สูงใหญ่กว่าเขาอยู่ประมาณหนึ่งช่วงตัว แน่นอนว่าจุดอ่อนของเขาที่กำลังบาดเจ็บอยู่ตอนนี้คือข้อเท้าด้านขวาและข้อมือด้านซ้ายจากการต่อสู้เมื่อสักครู่
การันทำแต่เบี่ยงหลบหมัดมั่ว ๆ ของเขาที่วาดไปมาเพื่อหวังจะให้โดนเขาเข้าสักมัด แต่ของแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรเขาที่สายตาเฉียบแหลมดั่งเหยี่ยวได้
“ฉันให้เวลาอีกสิบวินาที...”
“อะไรนะ!”
“สิบ...เก้า” ทันทีที่ชายตรงหน้าของเขาได้ยินการนับเลขนั้นเขาก็เหมือนคนไร้ซึ่งสติ
หมัดของเขายิ่งวาดไปมั่วเรื่อยเปื่อยจนการันได้แต่รู้สึกสมเพชกับเขา แต่ก็ยังคงให้โอกาสเขาได้ลองเพราะถือเสียว่าเรานั้นเกิดมาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน
“หนึ่ง...หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว!” เพียงเท่านั้นการันก็วาดหมัดขึ้นไปชกใบหน้าของเขาแค่เพียงหนึ่งครั้งก่อนที่มันจะล้มลงไปอย่างง่ายดาย
“ว้าว! พวกตาสีฟ้านี่แข็งแกร่งสมคำล่ำลือ” เบต้าคนนั้นปรบมือให้เขาอย่างชอบใจ
แต่ตอนนี้เขาสนใจแค่เพียงสิ่งเดียว...ก็คือเจ้าหล่อนที่กำลังมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
เราสบตากันราว ๆ ห้าวินาทีก่อนที่เจ้าหล่อนนั้นจะหลบสายตาและเดินจากออกไป การันหาได้สนใจเสียงนกเสียงกาที่กำลังเอ่ยชมเขาไม่ขาดปาก แต่ตอนนี้เขากำลังตีตราความเป็นเจ้าของให้เข้าไปในจิตใต้สำนึกผ่านกระแสจิตที่มีแต่พวกตาสีฟ้าเท่านั้นที่สามารถทำมันได้
แต่มันยังไม่ครบขั้นตอน...เพราะยังเหลืออีกสิ่งหนึ่งที่เขาต้องแสดงความเป็นเจ้าของไม่ให้ใครหน้าไหนกล้ามาทำยุ่มย่ามกับหล่อนได้อีก!
“เริ่มงานตอนนี้เลยเป็นไง” เบต้าคนเก่ายังเอ่ยชมจ้อเขาไม่หยุดปากจนการันเริ่มจะรำคาญหู
เขาหันกลับไปมองขวางใส่พร้อมทั้งดวงตาสีแดงกล่ำที่เผยชัดขึ้นมาอย่างรำคาญเต็มที ชายคนนั้นรู้ดีว่าควรจะทำเช่นไรจึงสงบปากสงบคำและพูดในสิ่งที่ต้องพูดที่เขาควรจะต้องทำมาตั้งนานแล้ว
“ต่อไปนี้เธอคือคนใกล้ชิดและดูแลคุณหนูตระกูลแม็ค เธอเพียงแค่ต้องดูแลความปลอดภัยและห้ามให้ใครเข้าใกล้คุณหนูเกินระยะหนึ่งร้อยเมตรหากไม่ใช่คนของเรา เดี๋ยวเธอไปรอที่ห้องแต่งตัวฉันจะนำชุดประจำตำแหน่งเข้าไปให้ อ้อ! ห้องทำงานคุณหนูอยู่ที่ชั้นสามสิบแปด แต่งตัวเสร็จแล้วขึ้นไปรอได้เลยเดี๋ยวฉันจะแนะนำให้เอง” และหลังจากนั้นเขาก็เดินจากไปให้การันได้แต่โล่งอกที่หลุดพ้นเสียที
แต่เขาไม่จำเป็นต้องทำตามคำบอกกล่าวไอคนเมื่อครู่ การันจึงกดลิฟต์และพาตัวเองขึ้นไปยังชั้นสามสิบแปดเลยโดยที่ตัวของเขาสวมเพียงแค่เสื้อกล้ามและกางเกงออกกำลังกายเท่านั้น
ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกเขาก็ได้กลิ่นโอเมก้าสองคนกำลังตีกันรวน กลิ่นหนึ่งเป็นกลิ่นกายอ่อน ๆ ที่เขาเดาว่าคงเป็นคุณเลขาที่นั่งวุ่นอยู่กับกองเอกสาร ส่วนอีกกลิ่นคงไม่ต้องบอกให้มากความเพราะมันเป็นกลิ่นที่ฉุนและรุนแรงจากโอเมก้าสาวที่กำลังมีรอบฮีท
และกลิ่นมันจะยิ่งหนักหน่วงตีจมูกเขามากขึ้นไปอีกเมื่อเขาได้ทำการตีตราความเป็นเจ้าของกับตัวของเธอแล้ว...
โดยธรรมดาพวกอัลฟ่าจะสามารถตีตราแสดงความเป็นเจ้าของพวกเบต้าหรือโอเมก้าได้จากการกัดที่ต้นคอของคน ๆ นั้นเพื่อสร้างกลิ่นของตนเอง
แต่ถ้าหากที่เป็นพวกตาสีฟ้าคุณจะสามารถตีตราจองคน ๆ นั้นได้เลยผ่านการจ้องตากันไม่ต่ำกว่าสามวินาทีและส่งผ่านทางกระแสจิต ซึ่งแน่นอนว่าทางฝ่ายนั้นจำต้องรู้ตัวอยู่แล้วว่ากำลังถูกรบกวนทางจิตใต้สำนึก แต่พวกอ่อนแอเช่นนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อต้านพวกอัลฟ่าได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
ยิ่งพวกโอเมก้าที่มีรอบฮีทยิ่งทำให้ง่ายต่อการตีตราจอง เพราะช่วงนั้นโอเมก้าจะอ่อนแอและเปราะบางมากที่สุด หากไม่ได้รับยาเพื่อต้านมันเธอคนนั้นจะรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นหากไม่ได้รับการปลดปล่อยจากเจ้าของที่ตีตราจอง...
พวกตาสีฟ้านั้นเปรียบเสมือนตัวโกงที่ยิ่งกว่าการเป็นเจ้าป่า แต่ปัจจุบันนั้นคนจำพวกนี้เหลืออยู่น้อยมาก อาจจะมีไม่ถึงร้อยคนแล้วด้วยซ้ำไป
ต่อให้อัลฟ่าตาสีฟ้าทั้งสองมีอะไรกัน แต่มันก็ไม่แน่นอนเสมอไปเพราะบุตรที่ออกมาไม่จำเป็นต้องตาสีฟ้าเหมือนกับพวกเขาเหล่านั้น...
การันอาศัยจังหวะที่เลขาหน้าห้องลุกยืนขึ้นเพื่อไปทำอะไรบางอย่างกับเอกสารของเจ้าหล่อน และพุ่งตัวเข้าไปในห้องของเธอในทันทีอย่างง่ายดาย
เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่พ่อของเขาบอกว่าเจ้าหล่อนจัดกำลังคนอย่างแน่นหนานั้นมันเป็นจริงอย่างนั้นหรือ? หรือว่าพ่อแค่เพียงต้องการให้เขาจับหล่อนทำเมียสะแค่นั้นก็สิ้นเรื่อง
กลิ่นกายรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อเขาเห็นร่างบอบบางของเจ้าหล่อนอยู่ใกล้เขาเพียงแค่เอื้อมมือ
แม้เราจะเคยเจอกันมาแล้วแต่มันก็ไม่ได้ใกล้ชิดจนสามารถแตะเนื้อต้องตัวกันได้มากถึงเพียงนี้
การันเดินย่ำเท้าเข้าไปใกล้ด้วยความสามารถในการย่องเบา เขากัดไปที่ลำคอของเธออย่างแรงให้ไม่ทันตั้งตัวจนเจ้าหล่อนเข่าอ่อนและล้มพับลงไปในที่สุด
“นี่!” แม้ตอนนี้เธอคงมีคำด่ามากมายที่กำลังจะพรั่งพรู แต่เพราะว่าเธอกำลังอ่อนแอถึงขีดสุดในช่วงฤดูนี้
อาริสายกมือขึ้นมาจับลำคอของตนเองที่ถูกคนตรงหน้ากัดไปเมื่อครู่ ดวงตาสีเหลืองอร่ามฉายชัดขึ้นเมื่อความรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังแทรกซึมเข้ามาในร่างกายของเธอทำให้เธอต้องค่อย ๆ ปรับอัตราการหายใจอย่างเร่งด่วนเพราะกลิ่นกายของเขามันกำลังทำให้เธอปั่นป่วน
“เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าเธอจัดคนคุ้มกันได้ดีพอน่ะ...หืม” การันยิ้มเยาะคนที่ใบหน้าแดงกล่ำที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเขา
แววตาของเธอหวานเยิ้มจากการที่ได้กลิ่นกายของเขาสอดแทรกอยู่ทุกอณูในร่างกายของเธอ ขาทั้งสองข้างเบียดชิดเข้าหากันอย่างคนที่กำลังระงับอารณ์ของตนเองสุดขีด
“อ่า...เธอต้องการฉันหรือเปล่าอาริสา...” เขายังคงยียวน ส่วนอาริสาเองก็ไม่ได้ตอบโต้เพราะเธอกำลังพยายามสงบสติอารมณ์
แต่เพราะกลิ่นกายของเขาที่เริ่มรุนแรงและแผ่ซ่านมากยิ่งขึ้นก็ทำให้เธอนั้นแทบจะทนต่อไปไม่ไหว สิ่งเดียวที่จะหยุดเธอได้ในตอนนี้คือการกินยาแต่เพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงแม้กระทั่งจะลุกยืนเลยด้วยซ้ำไป
และถ้าหากว่าเธอจะต้องเก็บกลั้นมันเอาไว้ สุดท้ายแล้วถ้าตัวของเธอไม่ระเบิดออกมาเอง...เธอก็อาจจะล้มป่วยจากความอ่อนแออยู่เป็นสัปดาห์
“ฉะ ฉันไล่เธอออก!” แต่ละคำที่เปล่งออกมาจากปากของเธอช่างแผ่วเบาและแหบพร่าจนการันได้แต่นึกขัน
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่ได้ทรมานคนเล่นแบบนี้มันก็สนุกดีเหมือนกัน เพราะโดยปรกติเขาจะลงมือฆ่าและจบงานในทันที แต่ดูเหมือนงานนี้จะมีอะไรให้เขาเล่นอีกเยอะเลย หึ!
“เธอขาดฉันไม่ได้แล้วเด็กดี...ดูใบหน้าของเธอแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าฉันอยู่พอควร” การันนั่งลงยอง ๆ ให้ตนนั้นเสมอกันกับคนที่นอนลงและดีดดิ้นอย่างทรมาน
การันเชยปลายคางของเธอขึ้นมาเล็กน้อย แต่สิ่งที่เขาคิดและอยากจะกลั่นแกล้งนั้นก็ต้องหยุดชะงักลงในทันใด
แววตาที่แสนคุ้นเคยนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน!
การันจ้องตาเธอไม่ลดละ แต่ยิ่งเขาใกล้เธอมากเท่าไหร่ อาริสาเองก็ยิ่งระงับอารมณ์ของตนไม่ได้มากเท่านั้น
สุดท้ายแล้วสัญชาตญาณของอาริสาก็ทำให้เธอต้องเปล่งคำเอ่ยร้องขอออกไป...
“ได้โปรด...” เสียงแหบพร่านั้นทำให้การันได้สติ
เขากลับเข้ามาสู่โลกตรงหน้าของเขาอีกครั้งพร้อมด้วยแววตาหวานเยิ้มของเธอที่อดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
“ได้โปรดช่วยฉัน...” คำเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงหวานหูนั้นทำให้แววตาของการันแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อน
แต่มันก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะกลับมาเป็นฟ้าครามดังเดิมพร้อมทั้งรอยยิ้มมุมปากอย่างระคนสมเพช
โอเมก้านั้นมันช่างอ่อนแอ...น่าสมเพชสิ้นดี!
การันยกมือขึ้นไปลูบกรอบหน้าของเธอบางเบา สัญชาตญาณดิบเถื่อนบางอย่างของเธอเผยชัดขึ้นจนต้องจับมือของเขามาโลมเลีย
การันเลิกคิ้วแปลกใจเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยกร่างของสาวน้อยตรงหน้าเข้ามาสู่อ้อมแขนแข็งแรง
“ในห้องทำงานของเธอมีที่สะดวกกว่านี้ไหม?” เขาถามหยอกเย้าให้คนที่หน้าแดงกล่ำและหลับตาพริ้มต้องเงยหน้ามาสบสายตา
“ดะ ด้านหลังห้องทำงานของฉันเป็นห้องนอน...ได้โปรด ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว อื้อ!”
“อดใจรอเดี๋ยวสิเด็กดี...เธอได้เป็นเมียฉันสมใจเธอแน่ พวกโอเมก้าน่าสมเพช!”