ร่างสูงสง่ากำลังนั่งเปิดดูรูปภายในล็อกเก็ตที่ถูกเขารีโนเวทให้กลายมาเป็นจี้ห้อยคออันเล็ก ๆ
ภายในรูปถ่ายนั้นปรากฏเป็นตัวของเขาเองในวัยสิบปี กับเด็กน้อยตาใสที่มีรอยยิ้มเป็นเสน่ห์อายุสี่ปีนั่งอยู่เคียงข้าง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาหยิบมันขึ้นมาดู แต่มันถือเป็นเรื่องปรกติของเขาที่จะต้องหยิบมันมารำลึกความหลังก่อนที่จะลงมือทำเรื่องอะไรสักอย่าง
จวบจนที่การันคิดว่าตัวเองนั้นคงได้เวลาแล้วที่ต้องทำหน้าที่ เขาเลือกจะเก็บเจ้าสิ่งนั้นใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงตามเดิม ไม่ได้คิดอยากจะหยิบมันขึ้นมาห้อยคอให้มันดูกลายเป็นจุดอ่อนของตัวเขาเอง...
ร่างสูงก้าวเท้าลงจากรถยนต์คันหรูพร้อมกับเอกสารในมือที่พ่อของเขาเป็นคนจัดการให้ แม้พ่อจะสงสัยว่าเขาจะต้องการสิ่งนี้ไปทำไมแต่การันก็เพียงแต่บอกให้พ่อเชื่อใจและรอดูผลสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ดวงตาสีฟ้าครามที่บ่งบอกถึงเผ่าพันธุ์ของการเป็นอัลฟ่านั้นฉายชัดไปที่ตึกสูงตระหง่าตรงหน้า การันไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปแต่เขาก็ถูกสกัดกั้นไว้ด้วยชายผู้มีแววตาสีม่วงอ่อนที่บ่งบอกถึงความเป็นเบต้า
“มีธุระอะไรกับที่นี่ครับ...” พวกเขายังคงวาดมาดสุภาพภายใต้ใบหน้าที่นิ่งเฉยและพร้อมจะเฉือดเฉือนเขาทุกเมื่อหากเขาก้าวเท้าผิดข้าง
การันยื่นซองเอกสารในมือให้กับพวกนั้นเปิดดูก่อนที่พวกมันจะเงยหน้ามาสบตาเขาอีกหน การันจ้องหน้ากลับอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนที่เหล่าเบต้าพวกนั้นจะเป็นฝ่ายที่หวาดกลัวและหลบสายตาไปเอง
“เชิญไปนั่งรอที่ห้องรับรองก่อนครับ...ผมจะไปแจ้งหัวหน้าให้มาพบคุณ”
ข่าวคราวเกี่ยวกับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้มีข่าวหนาหูอยู่มากให้การันต้องทำการศึกษา ซึ่งในนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจบางอย่างที่ทำให้เขาเลือกที่จะมานั่งรออยู่ที่นี่...เพราะข่าวนั้นบอกว่าบอสใหญ่ที่โดนคนของพวกเรานั้นลอบฆ่าไปเมื่อไม่นานมานี้เกลียดพวกอัลฟ่าเข้าไส้ จึงจัดระเบียบให้คนภายในบริษัทนั้นมีแต่พวกโอเมก้าและเบต้าเท่านั้น
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงได้โดนลอบฆ่าตายอย่างง่ายดายนัก ในห่วงโซ่อาหารของพวกเราอัลฟ่านั้นคือผู้ที่อยู่สูงสุด แต่มันกลับโง่เขลาจึงพลาดท่าต้องตายอย่างน่าอนาถขนาดนั้น
และแน่นอนว่าพวกอัลฟ่าไม่ได้มีแค่พวกเราเท่านั้น อัลฟ่าที่ยังอยู่กับครอบครัวปรกติเขาก็ใช้ชีวิตเหมือนกับบุคคลทั่ว ๆ ไป แต่แค่พวกเขาจะมีทางเดินในชีวิตที่มากกว่าเนื่องจากเป็นพวกสูงส่ง ถ้าเปรียบกับสัตว์ร้ายสักตัวอัลฟ่าก็เหมือนกับเจ้าป่าอย่างสิงโต และเบต้ากับพวกโอเมก้าก็เป็นเพียงกระต่ายน้อยที่รอให้สิงโตมาขย้ำก็เพียงเท่านั้น
“ทีนี้คงมากันครบแล้วนะครับ...” เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนเรียกสติให้กับการัน
ก่อนจะปรากฏร่างของชายตัวสูงใหญ่กำยำเดินเข้ามาภายในห้องอีกประมาณสามคน แต่พวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ดวงตาสีเขียวมรกตทั้งสิ้น และแน่นอนว่าพวกอัลฟ่านั้นยังมีการแบ่งแยกชนชั้นกันอีกหน
อัลฟ่าที่มีดวงตาสีฟ้าครามนั้นคือผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดเฉกเช่นตัวเขา แต่พวกดวงตาสีเขียวมรกตต่อให้เป็นอัลฟ่าเช่นกันแต่พละกำลังและความสามารถย่อมมีน้อยกว่า
“ผมจะไม่ตัดสินพวกคุณจากดวงตานะครับ...เพราะฉะนั้นการประลองนี้ก็ต้องทำให้เต็มที่” เขายกยิ้มขึ้นมา ก่อนที่พวกอัลฟ่าทั้งสามคนจะหันมาจดจ้องเขาเป็นตาเดียว “ผมให้เวลาพวกคุณเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวกันก่อนนะครับ อีกสิบห้านาทีผมจะให้คนพาพวกคุณไปลานประลองที่ชั้นใต้ดิน”
การันเดินปลีกตัวมาทางด้านนอกก่อนที่เขาจะยกมวนบุหรี่เข้ามาสู่ปอด กลิ่นเบอร์รี่จากบุหรี่อังกฤษช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้าง
สิ่งที่เขากำลังจะทำต่อจากนี้คือการแฝงตัวเข้าไปเป็นคนของตระกูลแม็ค เพราะหลังจากที่บอสคนเก่าของพวกมันตายไป ก็มีหุ้นส่วนอีกจำนวนมากที่เริ่มจะหวาดกลัวว่าตัวเองอาจจะเป็นรายต่อไป พวกมันเลยยกเลิกกฎที่ห้ามรับพวกอัลฟ่าเข้าทำงาน และเปิดรับสมัครทันทีเพื่อให้มันมีคนคุ้มกะลาหัว ส่วนตำแหน่งที่เขาต้องการจะช่วงชิงแน่นอนมันต้องไม่ใช่การคุ้มกันพวกกระจอกนั่น
เป้าหมายของเขาเพียงหนึ่งเดียวคือคุณหนูแห่งตระกูลแม็ค ลูกสาวเพียงคนเดียวของไอชาร์ลที่กลายเป็นศพเมื่อไม่นานมานี้เพราะความโง่เขลาของตัวมันเอง!
การันเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดสูทที่เขาสวมมาก่อนหน้าให้กลายเป็นเสื้อกล้ามธรรมดาที่มันจะคล่องตัว เขาสามารถรับรู้ได้เลยว่าคนที่เขาจะต้องร่วมประลองด้วยนั้นมันมีจุดอ่อนจากตรงไหนด้วยแววตาสีฟ้าครามของเขาที่พวกดวงตาสีเขียวจะไม่มีทางทำได้
เขายืนมองรูปร่างของตัวเองในกระจกอย่างคนเหม่อลอย รอยขีดข่วนจากของมีคมทำให้ร่างกายของเขามีแผลเป็นจนแทบจะไม่เหลือที่ว่าง หุ่นกำยำที่แม้จะไม่ใหญ่เท่าพวกผู้ชายแต่ก็ใหญ่มากเกินกว่าผู้หญิงธรรมดาทั่วไป
กล้ามเนื้อเป็นมัดแน่นอย่างคนถูกฝึกมาอย่างดีนั้นนูนปูดขึ้นอย่างเด่นชัด หน้าอกหน้าใจก็มีขนาดเกือบจะเท่าของผู้ชายนั้นบ่งบอกถึงเผ่าพันธุ์ได้เป็นอย่างดีว่าเขาเป็นอัลฟ่าผู้แข็งแกร่ง
ไม่ใช่พวกอ่อนแออย่างพวกโอเมก้าที่เขากำลังจะต้องไปรับใช้!
“เห้ย!” เสียงทุ้มหนาดังมาจากทางด้านหลังให้การันมีสติ
เขาหันหน้ากลับไปสบมองกับคนพวกนั้นด้วยแววตาเรียบเฉย แม้พวกมันจะสูงกว่าเขาอยู่มากแต่เขาได้เปรียบที่ตัวเองดวงตาสีฟ้าคราม
“ไปเจอกันที่สนามประลอง...ฉันยังไม่อยากฆ่าใครตายโดยไม่เป็นธรรม” การันเอ่ยบอกเพียงเท่านั้นและก็เตรียมจะเดินจากไป
ชายหัวโจกเผยแววตาพิโรธขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินประโยคปากดีจากผู้หญิงที่กำลังจะเดินจากออกไป เขาวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วเพื่อหวังจะจัดการไอเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
แต่การันกลับรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแม้ว่าตัวของเขานั้นกำลังหันหลังอยู่ ดวงตาสีฟ้าครามของเขาสว่างวาบขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้ไอคนที่วิ่งเข้าใส่นั้นพุ่งโดนล็อคเกอร์อย่างจังจนเลือดไหลซิป
“ฉันบอกพวกแกไปแล้ว...ว่าฉันยังไม่อยากฆ่าพวกแกโดยไม่เป็นธรรม!” แววตาสีฟ้าครามสลับกลายเป็นสีแดงเพลิงเพียงเสี้ยววินาทีแล้วเปลี่ยนกลับไปเป็นสีฟ้าดังเดิม
ดวงตาสีเขียวมรกตของคนที่นั่งเลือดไหลนองนั้นสลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มเมื่อยามที่พวกมันหวาดหวั่น ก่อนที่มันนั้นจะหลบสายตาไม่กล้าสู้หน้าของการันจนเขาหัวเราะหึแล้วเดินจากไป
“กติกาไม่มี...ใครชนะก็แค่ได้งานนี้ไป ตกลงไหม” เสียงชายหนุ่มคนเดิมที่มีดวงตาสีม่วงอ่อนเอ่ยบอกแก่พวกเราทั้งสามคน
ที่เหลือเพียงสามเพราะชายคนที่ไล่ขวิดเขาเมื่อครู่นั้นขอถอนตัวออกไปก่อนแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ จึงทำให้เหลือเพียงตัวของเขากับชายอีกสองคนที่ยังยืนกรานว่าจะรับงานนี้ให้จงได้
แน่นอนว่าค่าตอบแทนต่อเดือนนั้นสูงลิ่วกว่าพวกทำงานบริษัทมาทั้งปี พวกป่าเถื่อนและหลงตัวเองอย่างอัลฟ่ามีหรือไม่อยากจะได้เงินก้อนใหญ่นั้นกัน
“เชิญชายสองคนเปิดสนามประลองก่อนเลยครับ ส่วนคุณจะนั่งดูการต่อสู้หรืออยากจะไปพักผ่อนตามอัธยาศัยก็จงได้”
แน่นอนว่าการันเลือกที่จะปลีกตัวออกไปเพื่อสอดส่องดูลาดเลาดีกว่าต้องมาเสียเวลาดูคนมันตีกัน
การันเดินออกมาจากห้องประลองชั้นใต้ดินก่อนที่ตัวของเขาจะเดินไปเรื่อยเปื่อย จมูกของพวกอัลฟ่านั้นดีเยี่ยมราวกับสุนัขหมาป่าก็มิปาน
ตัวของเขาเดินไปตามทางเดินที่มืดสนิท ถ้าจะให้เดาที่แห่งนี้คงมีไว้ทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างแน่แท้ มันมีห้องอยู่หลายห้องที่อยู่ข้างใต้นี้ แต่เขาเองก็ไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ว่าในห้องเหล่านั้นมีอะไรอยู่บ้าง เพราะพวกมันเองก็รอบคอบพอสมควรที่เลือกจะใส่สิ่งดับกลิ่นเอาไว้ไม่ให้พวกอัลฟ่าอย่างเขานั้นได้กลิ่น
แต่แล้วกลิ่นหอมอ่อน ๆ บางอย่างก็แตะเข้ามาในโพรงจมูกให้อัลฟ่านั้นเผลอสูดดม แววตาของเขาจากสีฟ้าครามแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนเมื่อยามที่ตัวเองกำลังรู้สึกหลงใหลและเพ้อฝันกับสิ่ง ๆ นั้น
ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปตามกลิ่นที่มันเริ่มรุนแรนขึ้นก่อนที่เขาจะรับรู้ได้ถึงต้นตอของกลิ่นว่ามันอยู่ภายในห้องแห่งนี้
การันใช้ความสามารถของตนเองในการย่องเบาเข้าไปในห้องนั้นได้อย่างเงียบเชียบโดยไม่มีใครรู้ตัว ความสามารถของพวกตาสีฟ้าอย่างเขาคือการระงับกลิ่นกายของตัวเองไม่ให้ฟุ้งแผ่จนคนรอบข้างนั้นรับรู้ แต่มันก็หยุดเอาไว้ได้เพียงไม่นานและผลเสียของมันคือพอเวลานั้นหมดลงกลิ่นนั้นจะรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนพวกโอเมก้าที่กำลังอยู่ในช่วงฮีทนั้นแทบจะยอมถวายตัวให้เขาเลยก็เป็นได้
แผ่นหลังเล็กบอบบางตรงหน้าของเขาที่ถูกชายชุดดำสองนายยืนขนานข้างกันนั้นทำให้เขาเผลอมองมัน
ผมสีเทาขาวของเจ้าหล่อนพร้อมทั้งกลิ่นกายที่หวานหอมจนแสบจมูกทำให้การันรับรู้ได้ในทันทีว่าเธอคนนั้นเป็นโอเมก้า และแน่นอนว่าที่กลิ่นของเธอรุนแรงมากถึงเพียงนี้เพราะตอนนี้ตัวของหล่อนอยู่ในช่วงฮีท แต่สามารถระงับอารมณ์ของตนเองได้ด้วยยาต้าน แต่มันไม่สามารถกลบกลิ่นที่ฟุ้งของเจ้าหล่อนได้ แต่มันจะมีเพียงพวกอัลฟ่าเท่านั้นที่ได้กลิ่น
“ให้เขาเริ่มเลย” เสียงหวานเอ่ยสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านข้างจนเขาต้องพยักหน้ารับ
การันเพิ่งสังเกตว่าตรงหน้าของเจ้าหล่อนเป็นกระจกที่สามารถมองทะลุไปด้านล่างได้ แล้วด้านล่างนั้นก็เป็นลานประลองที่ชายสองคนนั้นกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
จังหวะที่เจ้าหล่อนหันข้างมาเพื่อพูดคุยกับลูกน้องนั้นทำให้คนที่หลบอยู่หลังเสานั้นเผลอยกยิ้มออกมาอย่างยินดี
นี่สินะ อาริสา แม็ค ทายาสของไอชาร์ลที่เขาจะต้องลงมือฆ่า สายตาของการันมองคนตรงหน้าด้วยแววหื่นกระหายอย่างไม่ปิดบัง และเธอคนนี้กำลังจะตกเป็นของเขาคนนี้ในอีกไม่ช้า...
อ่า...ช่วงนี้หล่อนนั้นกำลังฮีทหนักเพราะกลิ่นมันฉุนจนขึ้นจมูกขนาดนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย...นางนี่จะเป็นคนยอมพลีกายให้กับเขาเองด้วยความเต็มใจของมัน
อีกไม่นานเกินรอ...เราได้เจอกันแน่ อาริสา!