“แต่วันนี้ข้าต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องการให้ใครมารบกวน เจ้าวางสำรับไว้แล้วกลับไปเถอะ ข้าไม่มีอะไรจะต้องเรียกใช้อีก” เขาพยายามบ่ายเบี่ยง
“หากทำเช่นนั้น อีอีจะมีหน้ากลับไปพบฮูหยินได้เยี่ยงไร ในเมื่อนางสั่งให้ข้าน้อยมาอยู่ปรนนิบัติรับใช้คุณชาย หากกลับไปตอนนี้เกรงว่าอีอีคงถูกสั่งโบย” สาวใช้พยายามขอความเห็นใจ
“นั่นสิขอรับ ปกติท่านก็ไม่เคยจะสนใจว่าอีอีจะอยู่หรือจะไป เหตุใดวันนี้ถึงได้รบเร้าให้นางกลับนักล่ะขอรับ หรือว่า…ท่านมีอะไรที่ให้เราสองคนรู้ไม่ได้” หานเสี่ยวไป๋บ่าวคนสนิทที่เพิ่งกลับจากไปทำธุระให้เจ้านายมองมาอย่างกำลังจับผิด
“หรือว่า…เฮ้ย!” ยังไม่ขาดคำ
“ว้าย!” คนที่พยายามแง้มประตูเพื่อเงี่ยหูฟัง เสียหลักล้มคะมำอยู่หน้าประตู ทำเอาทั้งหมดถึงกับหันขวับไปมองเป็นตาเดียว
“แฮ่…” คนที่ล้มคะมำค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วหันมาส่งยิ้มแหยๆ แก้เก้อ ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อหันไปสบกับนัยน์ตาดุๆ ของอีกคน
“เจ้ากำลังทำให้เรื่องมันยุ่งยากมากขึ้น” ฝูฟาหยางกระซิบเสียงเขียว ขณะช่วยพยุงเธอขึ้นมา
“ขอโทษ แต่ความเผือกกับผู้หญิงมันเป็นของคู่กันไม่รู้รึไง ยิ่งพยายามปิดมันก็ยิ่งอยากรู้นี่นา” เธอบอกเสียงอ่อย
“เจ้านี่พูดจาไม่รู้ความ บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าคิดจะอยู่ที่นี่ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะพูดให้เหมือนกับคนที่นี่” คนถูกเอ็ดถึงกับทำปากยื่นปากยาว
“อะเอ่อ…แม่นางท่านนี้คือ…” เสี่ยวไป๋ที่ถูกถงอีอีสะกิดยิกๆ จำต้องยอมเป็นหน่วยกล้าตายเป็นฝ่ายถามออกมา ทำเอาคนถูกถามนิ่งไปพักใหญ่ก่อนตอบออกมาในที่สุด
“อืม…นี่ลู่อวี๋ เป็นเอ่อ…ช่างเถอะ เอาเป็นว่าจากนี้ไปเจ้าสองคนก็คอยดูแลนางด้วยแล้วกัน” ดูเหมือนคำถามของเสี่ยวไป๋จะเป็นอะไรที่ตอบยากเกินไป คุณชายแห่งสกุลฝูจึงได้อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ลู่อวี๋นี่เสี่ยวไป๋ ส่วนนั่นก็ถงอีอี ทั้งสองเป็นคนของข้า ไว้ใจได้” หลี่ลู่อวี๋พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะหันไปยิ้มให้สาวใช้ถงอีอี ที่กำลังจ้องเขม็งมา
“แล้วเหตุใดท่านจึงแต่งกายพิลึกเช่นนั้นเจ้าคะคุณหนู” หลังจากมองอยู่พักใหญ่ ถงอีอีจึงตัดสินใจถามออกมาในที่สุด ทำให้ทั้งสองหนุ่มจำต้องหันมามองด้วย และสภาพเสื้อผ้าที่หลุดรุ่ยของนางก็ทำให้ฝูฟาหยางถึงกับต้องรีบเอาตัวมาบังให้ทันที
“เจ้านี่มัน” เขาเอ็ดเสียงเขียว ครั้นพอเหลือบลงมองก็ต้องรีบเบือนหน้าไปอีกทาง
“อีอี พานางไปจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยที”
“ไปเจ้าค่ะคุณหนู” ถงอีอีรีบดึงลู่อวี๋ให้เข้าไปด้านในตามคำสั่ง
ไม่นานสตรีทั้งสองก็กลับออกมาในสภาพที่บุรุษทั้งสองเห็นแล้วยังต้องลอบขำ ทำเอาคนที่ไม่ชอบใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถึงกับหน้างอง้ำขึ้นอีกเท่าตัว
“ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าสตรี อีกทั้งเสื้อผ้าของคุณชายก็ดูจะใหญ่เกินไปสำหรับคุณหนู อีอีไร้ความสามารถ ทำให้คุณหนูพอใจมิได้ อีอีสมควรถูกลงโทษ” เห็นสีหน้าของนายสาวคนใหม่ ถงอีอีจึงรีบค้อมศีรษะให้ด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่ใช่ความผิดเธอ เอ่อเจ้าสักหน่อย จริงๆ จะว่าไปข้าเองก็มีความรู้เรื่องเสื้อผ้าพอตัวอยู่ แต่ยังขาดอุปกรณ์แล้วก็เวลา ไม่งั้นข้าคงเปลี่ยนชุดเชยๆ นี่ให้เช้งกระเด๊ะได้ไม่ยาก” คนที่จบแฟชั่นดีไซน์ก้มมองสภาพตัวเองยามนี้แล้วก็คันไม้คันมือ นึกอยากทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด
“อะไรเด๊ะๆ นะเจ้าคะ อีอีไร้ความสามารถ ฟังคุณหนูไม่เข้าใจเลยเจ้าค่ะ” อีกครั้งที่ถงอีอีก้มหน้าสำนึกผิด เมื่อจับใจความที่อีกฝ่ายพูดไม่ได้
“เฮ้อ! ช่างเถอะ ข้าผิดเองแหละ ที่พูดอะไรไม่ถูกที่ถูกเวลา เอาเป็นว่าจากนี้ข้าจะระวังให้มาก ดีไหมเต้าคะคุณชาย” เธอแสร้งหันไปประชดคนที่จ้องจะต่อว่าอยู่ก่อนแล้วด้วย
“มีแรงพูดมากขนาดนี้ คงไม่หิวแล้วสินะ ข้าจะได้ให้เสี่ยวไป๋เก็บไปซะ” เขาว่าพลางหยิบจานบะหมี่ออกจากตะกร้า
“ได้ไงล่ะคะ เอ่อเจ้าคะคุณชาย ถ้าท่านให้คนเก็บอาหารนี่ไป ข้าคงต้องหันมากินท่านแทน” เธอขู่พลางแย่งจานบะหมี่กลับมา โดยไม่ได้สนใจคนที่ยืนหน้าแดงอยู่ข้างๆ เพราะคำขู่นั้น กระทั่ง…
“ปลานึ่ง ปลาต้ม แล้วก็…ปลาทอด” เธอครางพลางกะพริบตาปริบๆ ขณะมองอาหารบนโต๊ะ แน่นอนการได้ลองเป็นปลา ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ทำให้เธอกินเจ้าปลาพวกนี้ไม่ลง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ล่ะ
“วันนี้ได้ปลามาสดๆ ฮูหยินจึงกับลงครัวด้วยตัวเอง คุณหนูโชคดีมากเลยนะเจ้าคะ มาวันแรกก็ได้กินอาหารฝีมือฮูหยินเลย” เห็นถงอีอีภูมิใจนำเสนอ หลี่ลู่อวี๋ก็ยิ่งทำหน้าแหย
“เอ่อคือว่า…ข้าแพ้ปลาน่ะ” เธอบอกออกไปอย่างไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรที่ดีกว่านี้
“หา?” ถงอีอีมองมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“เอาเป็นว่า…ข้าไม่กินปลา จบนะ”
“เอ้า! เช่นนั้นจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ ในเมื่ออาหารมื้อนี้มันก็มีแค่เอ่อ…ปลา”
“ใครว่าล่ะ อย่างน้อยก็มีนี่กับนี่ที่ไม่ใช่ปลา” เธอว่าพลางหยิบชามบะหมี่กับหมั่นโถวขึ้นมาหนึ่งลูก
“แต่ว่า…” ถงอีอีตั้งใจจะพูดต่อ แต่พอเห็นอีกฝ่ายคีบบะหมี่เข้าปากสลับกับกัดหมั่นโถว นางจึงได้แต่ยืนอ้าปากค้าง และไม่ใช่แค่นาง แต่ยังมีบุรุษทั้งสองที่ความรู้สึกไม่ได้ต่างกัน กระทั่ง…
“อื้อ…เอาคืนมานะ” เธอครางประท้วงพร้อมกับพยายามจะคว้าชามบะหมี่และหมั่นโถวคืน เมื่อจู่ๆ ฝูฟาหยางก็แย่งไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
“ลุกขึ้น” ไม่เพียงแต่ไม่คืน เขายังสั่งเสียงเข้มอีก
“คุณก็รู้ว่าฉันหิว ได้ยินไหมว่าฉันหิว ฮือๆๆ” คนโมโหหิวตะโกนก่อนปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ทำเอาคนที่ยืนอยู่ถึงกับทำหน้าไม่ถูก เช่นเดียวกับคนรับใช้ทั้งสองที่กำลังทำหน้าเหวอไม่ต่างกัน
“เอ่อ…ข้ามิได้จะกลั่นแกล้ง แต่จะพาออกไปหาอะไรกินในเมืองต่างหาก” คนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นถึงกับชะงักก่อนรีบปาดน้ำตา แล้วหันมาถาม
“จริงเหรอ” ครั้นพอเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า เธอก็ร้องไห้โฮอีกครั้ง
“ฮือๆๆ แล้วจะรออะไรเล่า รีบไปสิ หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย หิว!” ตะโกนเสร็จเธอก็รีบเดินนำออกไปโดยไม่สนอะไรอีก ทำเอาทั้งสามจำต้องรีบตามออกไปแบบงงๆ