‘ไอ้บลูมันเป็นเหี้ยอะไร โพสต์เพ้อแชร์เพลงไร้สาระเต็มเฟซ’
‘เมามั้ง อาจจะถูกสาวๆ ในร้านมอมเหล้างี้’
มีอีฟคนเดียวที่เข้าไปตอบเชิงขำขันในกลุ่มไลน์
พิยดาแค่อ่านอย่างเดียวไม่ได้แสดงความคิดเห็น ห้องนอนใหญ่บนชั้นสองกว้างขวาง เตียงนอนก็นุ่ม ในช่วงที่เครียดๆ ได้ล้มตัวนอนในห้องนี้ก็คงดี แต่พิยดายังคงทำตัวเป็นลูกที่ดี แบกทุกอย่างไว้ด้วยตัวคนเดียว ไม่ถึงขั้นเข้าไปนอนเฝ้าในห้องพ่อหรือห้องแม่ แต่หล่อนหอบหมอนหอบผ้าห่มลงจากบนบ้านเตรียมเอาไปปูนอนง่ายๆ บนโซฟาเบดหน้าทีวี
ตีหนึ่งก็แล้ว
ตีสองก็แล้ว
อีกสิบนาทีจวนจะเข้าสู่เวลาตีสาม
พิยดายังนอนไม่หลับ กายอรชรกระสับกระส่ายไปมาใต้ผ้าห่มหอมกรุ่นที่แถมมากับตัวบ้าน ไม่ใช่แค่ผ้าห่ม แต่เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ข้าวของทุกชิ้นล้วนใหม่หมด แค่ค่าติดตั้งผ้าม่านทั้งบ้านพิยดาคาดว่าน่าจะหมดไปหลายแสน บ้านคุณภาพระดับนี้เอามาปล่อยเช่าในราคาหนึ่งหมื่นจริงเหรอ ช่วงจนตรอกไม่ได้คิดมากคว้าอะไรดีๆ ได้คว้าไว้ก่อน ได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ลองใช้สมองคิดวิเคราะห์อีกครั้ง พิยดารู้สึกเอะใจคลับคล้ายจะมีบางอย่างผิดพลาด
แง้มเปิดประตูหน้าบ้านเล็กน้อยแค่กายอรชรผ่านออกมาได้ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าไร้ดาวสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ฉ่ำปอด อากาศแบบนี้ถ้ามีชิงช้าสักตัวอยู่บนสนามหญ้าให้นั่งเล่นก็คงดี แสงสว่างจากถนนเส้นกลางหมู่บ้านสว่างเข้ามาถึงเฉพาะหน้ารั้ว พิยดาสวมรองเท้าแตะเดินออกห่างจากตัวบ้านมาอีกนิด ไม่ให้เสียงคุยโทรศัพท์ยามดึกรบกวนการนอนของคุณไกรสรซึ่งห้องนอนท่านอยู่หน้าบ้าน
แต่ก่อนที่จะกดเบอร์โทรออกหาแพทริเซีย กลับมีเรือนร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งขยับกายยืนขึ้นจากซอกเล็กๆ ระหว่างกำแพงบ้านกับประตูรั้วเหล็กมองมาที่หล่อน เรียวขาบางถอยกลับหลังโดยอัตโนมัติตกใจกับการเคลื่อนไหวนั้น หัวใจของหล่อนหล่นวูบลงไปหล่นบนตาตุ่ม เกือบวิ่งหนีเข้าบ้านเสียด้วยซ้ำเพราะกลัวชายหนุ่มรุ่นพี่จะกลับมาระรานเพียงเพราะถูกหล่อนปฏิเสธรัก
“พิม...” ไม่ใช่เสียงพี่บลู
แววตาพิยดาไหวสั่น เลิกล้มความคิดจะวิ่งหนีเข้าบ้านกลับมายืนตัวตรงตามเดิม เสียงกระซิบรอบที่สองกระตุ้นความสงสัยให้พิยดาก้าวเท้าไปข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อจะมองในที่สว่างให้ชัดๆ จะใช่คนเดียวกับที่หล่อนคิดว่าอาจจะเป็นเขาหรือเปล่า
“พิม...” ศรันย์กระซิบเป็นครั้งที่สาม
ฝ่ามือสองข้างคว้าเข้าที่ซี่เหล็กบนประตูรั้ว ดีใจที่หัวใจพวกเขาสื่อถึงกันจนหล่อนยอมออกมาเจอ ทว่าเขาสุขไม่สุด เมื่อหล่อนเลือกจะหยุดอยู่ตำแหน่งที่ไกลเกินกว่าเขาจะเอี้อมถึง
ชายหนุ่มในชุดสูทตัวเดิมจากที่ทำงานลดแขนทั้งสองข้างลงแนบลำตัว ไม่อยากร้องขออะไรที่เป็นไปไม่ได้ ดวงตาหล่อนแคบลงมีแววไหวสั่น เพียงเท่านี้ศรันย์ก็ประเมินสภาพอารมณ์อ่อนไหวของหล่อนได้
“พี่ขอโทษ...”
การที่เขามาอยู่ตรงนี้ในเวลานี้ และที่เขาตามตื๊อมาตลอดเวลาเกือบสิบวันที่หล่อนกลับมาถึงเมืองไทย ยอมทำถึงขั้นลากเสาน้ำเกลือมาเฝ้าหล่อนหน้าห้องพักฟื้นของพ่อ ดักรอตอนหล่อนซื้อของกับเพื่อน ตามมาถึงบ้าน ต้องการอะไร
“ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง แค่ขอให้เลิกยุ่งกับพิม ทำให้ไม่ได้เหรอ ฮึก...”
“...”
“อะไรที่พิมมี พิมให้พี่รันไปหมดจนพิมไม่เหลือความภูมิใจในตัวเอง พี่รันยังจะต้องการอะไรอีก! ฮึก... หรือที่พี่รันมาอยู่ตรงนี้ เพราะที่นี่คือบ้านของพี่ใช่ไหม แค่บอกมาว่าใช่มาคำเดียว พิมจะเก็บข้าวของย้ายออกไปให้หมด แล้วพิมจะไม่กลับมาให้พี่เห็นหน้าอีกเลย! ฮึก...”
“พี่ต้องทำยังไงถึงจะได้พิมกลับคืนมา ช่วยบอกพี่ได้ไหม...”
เด็กร้องไห้ในสิ่งที่อยากได้ แต่ผู้ใหญ่อย่างศรันย์กลับร้องไห้ในสิ่งที่เสียไป
“พี่รันเคยขอให้น้องสาวพี่ฟื้น มันสำเร็จหรือเปล่าล่ะ”
“คนเป็นกับคนตาย จะเอาไปเทียบกันได้ยังไงพิม”
“เทียบได้สิ! กับสิ่งที่พี่รันทำกับพิมมาตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีวันไหนที่พิมรู้สึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ มีจิตใจ! พี่รันหลอกพิม ทิ้งพิม มองพิมถูกทุบตีโดยที่ไม่รู้สึกรู้สา ทิ้งพิมไปเรียนต่อเมืองนอก แค่จะโทรหาพิมสักสาย แค่จะส่งข้อความมาหาพิมสักประโยคก็ไม่มี พิมมันยิ่งกว่าคนตายในสายตาของพี่รัน!”
“ทำไมพี่จะไม่โทร พี่โทร! พิมเอาโทรศัพท์เก่าไปซ่อมมาดูการแจ้งเตือนได้เลย”
“...”
“พิมเรียนจบ ม.6 พี่ไปหาที่โรงเรียนในวันปัจฉิม พิมไม่สนใจพี่ พิมเรียนมหา’ลัย พี่ไปหาในฐานะผู้บรรยายพิเศษ พิมเดินหนีออกจากห้องไม่กลับเข้าคาบเรียนอีกเลย วันพิมรับปริญญาพี่ก็ไป พิมก็ยังไม่ยอมคุยกับพี่อีกตามเคย พิมไปเรียนต่อเมืองนอก พี่บินไปหาพิมทุกเดือน ไม่เชื่อหรอก ว่าพิมไม่เห็น บังเอิญเจอกันในสนามบินพี่ก็แคร์พิมมากที่สุด ไปตามหาพิม”
“...”
“พิมลองย้อนกลับมาถามตัวเองดูดีๆ เถอะ ว่าใครกันแน่ ที่เป็นฝ่ายเมินพี่มาตลอด!”
“พี่รันจะพูดเยอะแยะไปทำไม ในเมื่อพี่รันรู้ดีแก่ใจ ว่ามันสายเกินไป ฮึก... วันที่พิมต้องการพี่มากที่สุด คือวันเดียวกับที่พี่ทิ้งพิมให้ถูกพี่เมศตีหน้าโรงพยาบาล พิมเจ็บ พิมร้องไห้ ร้องขอให้ช่วย พี่กลับเดินหนี พี่รันตอบแทนความรักของพิมด้วยการหนีไปเรียนเมืองนอก ไม่มาดูดำดูดีพิมเลย แล้วยังจะมีหน้ามาพูดอีกเหรอคะ ว่ารักพิม...”
“...”
“พี่ก็แค่คุ้นชินกับการชี้นิ้วสั่ง การเอาแต่ใจตัวเองไม่ต่างไปจากพี่เมศ ถึงได้กลับมาตื๊อพิม เพื่ออยากเอาชนะ แต่พิมไม่หลงกล พิมโตแล้ว พิมไม่ใช่เด็กหน้าโง่คนเดิมที่บูชาความรัก ยอมพี่ไปหมดทุกอย่าง พิมไม่ได้รักพี่รันแล้ว ได้ยินชัดไหมคะ ว่าพิมไม่ได้รักพี่รันแล้ว ฮึก...”
“ถ้าแน่จริง! ตอนบอกว่าไม่รักพี่แล้ว พิมอย่าร้องไห้สิ แล้วพี่จะยอมเชื่อสักครั้ง แต่ถ้าพิมทำไม่ได้ ก็ไม่มีความหมายอื่น นอกจากพิมยังรักและรอพี่คนเดียว เหมือนที่พี่ยังรัก และรอพิมคนเดียวมาตลอด”
“ไม่ต้องมาพูดหรอก ว่ายังรัก ยังรอพิม ในเมื่อข้างๆ พี่รันมีคนอื่นอยู่แล้ว! ฮึก... ผู้หญิงคนนั้นชื่อเหมือนกับพิมใช่ไหมคะ มันคงตลกดีนะ ถ้าเมียหลวงกับเมียน้อยชื่อเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวจะโป๊ะแตก ถูกใครจับได้ในวันที่พี่รันอยู่กับพิม... ฮึก...”
“...”
“ระหว่างเรา ไม่ได้มีแค่กำแพงความเกลียดชังของสองตระกูลเท่านั้นที่ขวางไว้ แต่ยังมีอีกกำแพงกั้นกลางที่มีชื่อ ฐานะ จะมีพ่อแม่คนไหนเต็มใจรับเด็กไร้หัวนอนปลายเท้าเป็นแค่ลูกคนใช้อย่างพิม ไปอยู่ในวงศ์ตระกูล คนอื่นเขาพูดถึงพิมยังไงรู้ไหม ฮึก... พวกเขาบอกว่าเลี้ยงพิมสนุกๆ ได้ แต่จะไม่เอาพิมไปทำเมีย... ที่เป็นเมียจริงๆ เพราะพวกเขากลัวลูกจะพิการทางสมองเหมือนแม่ของพิม ฮึก...”
“...”
“แล้วใครว่าพิมอยากได้พวกเขา... กับพี่รัน... พิมก็ไม่อยากได้ พิมไม่สนใจว่าพี่จะร่ำรวยมีเงินทองสักกี่มากน้อย พิมไม่เคยสนใจฐานะของพี่ ฮึก... พิม อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากมีใคร อยากทำงาน ทำงานเสร็จกลับบ้าน... อยู่กับพ่อแม่ ไม่ต้องรักใคร ไม่ต้องมีใครมาทำให้พิมร้องไห้เสียใจ พี่รันกลับไปเถอะ กลับไปอยู่ในที่ของพี่ พิมเหนื่อยจะไล่พี่แล้ว กับพี่ พิมพอ... พอแล้วจริงๆ”
“แต่พี่ไม่พอหรอกนะ... พี่รักพิม พี่จะมาหาพิมทุกวันจนกว่าพิมจะใจอ่อน เชิญพิมปฏิเสธพี่ให้ถึงวันพี่ตายเมื่อไหร่ วันนั้นแหละ พี่ถึงจะหยุด”
“ฮึก...”
“เพราะถ้าไม่ใช่พิม พี่ก็ไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว...”
คนหน้าหนามากกว่าปูนซีเมนต์ตะโกนเสียงเข้ม ทว่าแฝงเร้นความนุ่มนวล ผ่านความมืดในเวลากลางดึกไปบอกเจ้าของกายอรชรที่วิ่งร้องไห้กลับเข้าไปในบ้าน มีเสี้ยวนาทีหนึ่งที่หล่อนหันหลังมองกลับมาทางนี้ ศรันย์มุ่งมั่นจะเอาชนะใจหญิงคนรักให้ได้ เขายังยืนอยู่ที่เดิม แม้หล่อนจะเมินแต่เขายังคงส่งยิ้มให้... ทั้งน้ำตา
“อย่าหนีนะ”
ความทรงจำเมื่อครั้งที่มีศรันย์อยู่ข้างๆ ไล่ตามมาจากด้านหลัง พิยดาวิ่งหนีอดีตจับราวบันไดขึ้นชั้นสองไปนั่งกอดเข่าในซอกเล็กๆ ข้างเตียง เอามือปิดหูปิดตาไม่อยากคิดถึงความทรงจำทั้งช่วงเจ็บปวดและหวานแหวว เรือนร่างเล็กบางของเด็กสาววัยอ่อนต่อโลกในชุดกระโปรงสั้นเสมอเข่าตัวใหม่เอี่ยม ที่ศรันย์เพิ่งจะซื้อให้ก่อนพามาเที่ยวทะเล ออกวิ่งไปบนผืนทราย หลบหนีการโอบกอดระยะประชิดกดดันให้หล่อนตกอยู่ภายใต้วงแขนกว้างของแฟนหนุ่ม
“จับได้แล้ว มาให้หอมซะดีๆ”
“พี่รันเอาเปรียบพิม ไม่ใช่แค่หอมแล้วมั้ง จุ๊บพิมตั้งหลายครั้ง”
“ก็พิมน่าจุ๊บ”
“จริงเหรอคะ”
“จริงที่สุดค่ะ”
ทั้งที่เพิ่งจะพบเจอเหตุการณ์สะเทือนใจที่ควรจะย้ำเตือนให้หล่อนพาตัวเองออกห่างจากเพศตรงข้าม หากไม่อยากตกอยู่ในสถานะเดียวกับแม่ ที่ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงจะถูกใครทำอะไรตามใจชอบก็ได้
หล่อนไว้ใจศรันย์มาก ยอมให้เขาหอมแก้มเลยเถิดไปถึงจูบดูดดื่มใต้แสงอาทิตย์ที่จวนจะลาลับขอบฟ้า การตอบรับทั้งหมดมาจากการยินยอมพร้อมใจคำเดียว เชื่อว่าที่เขาลดตัวลงมาคุยด้วยมาขอคบเป็นแฟน ถึงแม้จะเป็นได้แค่แฟนในความลับก็ยังมั่นใจว่านี่คือ ‘ความรัก’ เพียงแค่รอเวลาเหมาะสม ให้หล่อนกับเขาเติบโตมากกว่านี้จึงจะป่าวประกาศบอกคนอื่นถึงสถานะ
การจูบครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่จึงตามมาไม่รู้จบ เม็ดฝนหล่นลงจากฟากฟ้า ทั้งสองหักห้ามใจตัวเองจูงมือกันวิ่งตัวเปียกปอนกลับไปที่รถ
“ฝนตกหนักมาก เราจะกลับบ้านได้ไหม”
“กลับตอนนี้จะอันตราย พิมว่าเราหาที่หลบฝนกันก่อนดีไหมคะ”
“อืม ไปเซเว่นกัน หิวแล้วด้วย หมดแรง เพราะวิ่งไล่จับใครบางคน”
“ไม่ได้ขอให้ไล่จับสักหน่อย”
อยู่ต่างจังหวัดพวกเขาจับมือกันเดินได้ ไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนตอนอยู่กรุงเทพฯ อาหารกล่องจากร้านสะดวกซื้อริมชายหาดอร่อยขึ้นมาร้อยเท่าพันเท่าเมื่อมีศรันย์คอยอยู่ข้างๆ
“พี่กดดูที่พักในแอป มีว่าง พิมลองดู อยากพักที่ไหน”
“โห ทำไมแพงนักล่ะคะ คืนละตั้งสามพัน”
“ไม่เป็นไร จองสองห้อง พี่จ่ายได้”
“มันแพงเกินไป พิมว่าเราถามห้องแถวนี้ก็ได้นะคะ อาจมีว่าง”
เกรงใจเขาไปหมดทุกอย่าง เขาจะซื้อข้าว ซื้อน้ำ จองโรงแรมดีๆ ให้นอนก็เกรงใจ เลือกพักโรงแรมถูกๆ ที่อยู่ใกล้ เข้าพลอตละครน้ำเน่ามีว่างห้องเดียวก็ยอมพักด้วยกัน เพื่อช่วยเขาประหยัดเงิน เขาจ่ายให้แค่นี้ซาบซึ้งใจไปกับเขา คิดไปเองว่าเขาใจดีด้วยเพราะเขารัก หน้าโง่มาก หารู้ไม่ กับผู้หญิงคนอื่นเขาลงทุนมากกว่านี้
ถ้าหากเขาจำเป็นต้องแบ่งเกรดพิยดากับผู้หญิงคนอื่น หล่อนคงจะอยู่อันดับท้ายที่สุด อาจจะไม่มีคุณค่ามากที่สุดสำหรับเศรษฐีอย่างเขา
“ฮือ... ฮือ... พี่รัน... ช่วยพิมด้วย... พิมเจ็บ...”
วันที่ถูกราเมศวร์ทุบตีจนเรือนร่างน้อยล้มลง น้ำตาไม่เหือดหายไปจากหน้าร้องขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับกลายเป็นความว่างเปล่า ตอกย้ำให้พิยดาจำให้ขึ้นสมองว่าคนรวย จะทำดีเฉพาะคนที่เท่ากันหรือสูงกว่า แต่กับคนที่ฐานะต่ำกว่าจะไร้คุณค่าเสมอในสายตาของพวกเขา ยืนยันได้จากการกระทำของคุณไกรสร ราเมศวร์ และศรันย์ที่ต่างก็ใจร้าย
หล่อนอาจจะโกรธเขาน้อยกว่านี้ ถ้าคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในเมื่อเขาคิดจะจบความสัมพันธ์แต่แรก หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ยืนยันจะไปเรียนต่อ ผลักไสหล่อนสักนิดได้ไหม อย่าปล่อยให้หล่อนโง่เขลารั้งเขาด้วยการเอาตัวเข้าแลก ถูกย่ำยีกายในตอนกลางคืนเช้ามาถูกย่ำยีทางใจต่อเนื่อง จากผู้ชายคนที่พร่ำบอก ‘รัก’ หลายครั้งจนหล่อนเชื่อหมดทั้งกายและใจ
บทลงโทษของผู้ชายที่ข่มขืนแม่ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาสิบกว่าปีไม่มี แต่บทลงโทษของเด็กที่เกิดจากการถูกข่มขืนกลับรุนแรงถึงขั้นเลือดตกยางออก เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนับสัปดาห์ เฝ้าประตูเหมือนหมาเฝ้าบ้านรอคอยให้ศรันย์มาเยี่ยม
แต่เขาก็ไม่มา...
คนที่มาเยี่ยมในเช้าวันที่หกกลับเป็นราเมศวร์ พี่ชายชั่วที่ทารุณกรรมหล่อนสารพัด
พิยดามีแม่กับยายคอยอยู่ข้างๆ เข้ามารั้งศีรษะดึงหล่อนเข้าไปกอดเมื่อราเมศวร์ก้าวเข้ามา หล่อนมองราเมศวร์แววตาเคียดแค้น เกลียดเหลือเกินไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับมัน ราเมศวร์ยังไม่ทักทายสักคำว่ามาเยี่ยมด้วยเหตุผลอะไร ตรงเข้ามาตบลงบนหน้าผากโทษฐานที่พิยดากล้ามองเขาด้วยแววตาชิงชัง
“พ่อกูเกือบตายเพราะมึง! กูไม่กระทืบมึงให้ตายคาตีนกูก็บุญหัวมึงแล้วอีคนชั้นต่ำ!”
“พอเถอะค่ะคุณเมศ! อย่าให้ยายเหลืออดเหลือทนถึงขั้นแจ้งความเลยนะคะ! พ่อคุณยังเจ็บ คุณก็ควรจะไปดูแลท่านไม่ใช่มาหาเรื่องคนอื่น!”
“แต่คนอื่นที่ยายพูดถึง มันเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด!”
กับแม่นมที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะราเมศวร์ก็ไม่เคยให้ความเคารพ ชี้หน้ายายอย่างใจร้ายก่อนตบหัวน้องสาวคนเล็กซ้ำสอง
“มึงมองทำไม! เก็บความแค้นไว้ในใจมึงเถอะ ถึงจะแค้นให้ตาย คนอย่างมึงก็ไม่มีปัญญาลุกขึ้นมาเอาชนะกู กูแค่จะมาอัปเดตแผนการจับผัวรวยของมึง บอกให้มึงรู้ว่ามันล่มไม่เป็นท่า เพราะไอ้รันมันจะไปเรียนต่อเมืองนอกวันนี้ รู้ไว้ซะ ว่ามันไม่ได้จริงจังกับมึงเลย มันแค่หลอกนอนกับมึงแค่นั้น เพราะมึงมันหน้าโง่!”
ฟาดฝ่ามือหนักฉบับชายฉกรรจ์ลงบนหน้าผากพิยดารอบสาม ท่ามกลางการต่อสู้น้อยๆ เพื่อปกป้องลูกสาวของนังพิการบ้าใบ้ราเมศวร์จึงยอมล่าถอย คนเจ็บร้องไห้จนตาบวม ฉวยโอกาสตอนแม่นอนหลับและยายไปเยี่ยมคุณไกรสรซึ่งยังอยู่ในห้องไอซียูหนีออกจากโรงพยาบาล เพื่อพบกับความจริงหน้าคฤหาสน์อรัญรัตนา ที่ว่าถ้อยคำพร่ำเพ้อบอกรักต่างๆ นานาจากศรันย์ ไม่มีความจริงเลยแม้แต่ประโยคเดียว
แค่กลัวความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเขากับเด็กรับใช้จะล่วงรู้ไปถึงหูผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ถึงขั้นรีบเก็บข้าวของเลื่อนกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศเข้ามาให้เร็วขึ้น เด็กสาวหน้าชาจนเอาสมุดหนาๆ มาตบใส่แก้มก็ไม่เจ็บ อยากเอาช่วงเวลาที่คอยมองประตูห้องพักฟื้นไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนเพื่อเฝ้ารอเขากลับคืนมา จากมุมนี้เด็กสาวมองเห็นคนรับใช้ในบ้านทยอยยกกระเป๋าเดินทางหลายใบขึ้นท้ายรถตู้หรู
ไม่นานนัก คุณเขมราช คุณนฤมล ออกมาจูบแก้มบอกลาลูกชายคนโต โบกมือให้เขา ก่อนศรันย์จะขึ้นรถไปสนามบินกับน้องสาว ม่านน้ำใสเอ่อเคลือบดวงตาคู่หม่นหมอง ไม่ได้หลบเลยด้วยซ้ำทว่ารถตู้คันใหญ่กลับขับผ่านไปโดยไม่สนใจ
ช่วงรอยต่อสั้นๆ 3 เดือนที่ศรันย์ไปเรียนเมืองนอก เขาไม่โทรหา ไม่ส่งข้อความมา ไม่สนใจไยดีหล่อนเลย จนกระทั่งได้ข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของน้องสาว จึงรีบบินตรงกลับประเทศบ้านเกิดเมืองนอน ในงานศพศิรินทร์คนอื่นเสียใจกันหมดมีแค่พิยดายิ้มสะใจคนเดียว สาปส่งคนอย่างมันตายๆ ไปซะก็ดี ไม่ได้ระมัดระวังว่าพฤติกรรมน่ารังเกียจนั้นได้ตกอยู่ในสายตาศรันย์กับมารดาของเขา
ผลชันสูตรศพออกมาระบุชัด ศิรินทร์เสียชีวิตจากการตกเลือดระดับรุนแรงภายหลังจากการทำแท้งเถื่อน!
ไม่มีใครรู้ว่าศิรินทร์ตั้งครรภ์แม้กระทั่งคนในครอบครัว ศิรินทร์บอกเพียงจะไปเที่ยวภูเก็ตช่วงปิดเทอมกับเพื่อน แต่สอบปากคำเพื่อนหล่อนทุกคนกลับไม่มีใครเลยที่ไปภูเก็ตกับศิรินทร์ ประวัติการจองตั๋วเครื่องบิน ศิรินทร์ก็จองไว้สำหรับบินไปคนเดียว
‘ราเมศวร์’ เถียงหัวชนฝาไม่เคยล่วงเกิน คิดกับศิรินทร์แค่น้องสาวเท่านั้น ก่อนจะถูก ‘ศรันย์’ กระชากหน้ากากใสซื่อแสร้งไม่ได้เป็นคนทำให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ หลังจากเขาตรวจพบข้อความในเฟซบุ๊กที่ศิรินทร์คุยกับเพื่อนสนิทก่อนจะเสียชีวิต ระบุอย่างชัดเจนว่าราเมศวร์คือพ่อของลูก!
ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลเข้มแข็งมาหลายสิบปีพังทลายลงในวันเดียว รถยุโรปราคาแพง ศรันย์ขับชนรั้วบ้านอัศวเมฆินทร์เหมือนมันคันละสองพัน เหยียบมิดเท้าชนทุกอย่างที่ขวางหน้าจนแหลกละเอียด พิยดาที่อยู่ตรงนั้นเบิกตาโพลงเกือบถูกรถหรูพุ่งชน ชายผู้อยู่หลังพวงมาลัยเหยียบเบรกมิดเท้า อาจเปลี่ยนใจหรือไม่ก็กลัวติดคุกข้อหาพยายามฆ่า ส่งสายตาอาฆาต ก้าวอาดๆ ลงจากรถเข้ามากระชากข้อมือบาง เขย่าเรือนร่างพิยดารุนแรงเหมือนเกลียดชังหล่อนมาเป็นชาติ
“ไอ้เมศอยู่ไหน! ไปตามมันออกมาพบพี่!”
นัยน์ตาเขาแดง เพิ่งจะหยุดร้องไห้ไปได้ไม่นาน กลับบุกเข้ามาเอาผิดราเมศวร์ถึงบ้าน ทั้งที่บิดามารดาขอร้องให้ตัดขาดจากคนบ้านนี้ อย่ากลับมายุ่งกับพวกตระกูลชั่ว แรงเขย่าจากเขาทำให้พิยดาเจ็บและหล่อนก็เริ่มจะหมดความอดทนเต็มที ที่เขาทำเหมือนไม่ใช่คนเคยรักกัน
“พี่รัน ปล่อยพิม พิมเจ็บ! อยากเจอพี่เมศก็ตามหาเองสิ แค่เข้าไปในบ้าน จะมาใช้งานพิมทำไม!”
“ก็เพราะพิมเป็นคนใช้ไง! ไม่ให้พี่ใช้งานคนใช้ จะให้ไปใช้งานใคร!”
กระดูกหัวไหล่พิยดาเกือบแหลกละเอียดคาอุ้งมือร้ายกาจ
วันคืนดีๆ ที่เคยมีร่วมกันและถ้อยคำว่ารักที่เขาเคยเอื้อนเอ่ย ในวันนี้ไม่เหลืออีกแล้วในใจเขา พิยดาน้ำตาไหล ถูกทิ้งโดยไม่มีคำลานานกว่าสามเดือน เขากลับพูดจาใจร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย ความโกรธส่งเสริมให้พิยดาแสดงพฤติกรรมต่อต้านผลักไสเขาออกไปให้พ้น
“พิมไม่ใช่คนใช้บ้านพี่ อย่ามาบ้าอำนาจแถวนี้!”
สมาชิกอาศัยในคฤหาสน์อัศวเมฆินทร์ทั้งนายและบ่าววิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ เรือนร่างอ้อนแอ้นของพิยดาถูกใครสักคนดึงกลับมายืนรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีเพียงราเมศวร์คนเดียวเท่านั้นที่เข้าไปเผชิญหน้า
“ไอ้รัน! มึงขับรถชนกำแพงบ้านกูทำไม ทำอะไรของมึง! กูบอกไปว่าไม่ใช่กู! ไม่คิดจะเชื่อกูเลยใช่ไหม กูเป็นเพื่อนมึงนะ กูรักน้องรินเหมือนน้องสาว!”
“ถ้าคิดกับยายรินแค่น้องสาว แล้วมึงนอนกับน้องกูทำไม!”
หมัดหนักพุ่งเสยเข้าที่แนวกรามกระแทกจนกายสูงใหญ่ของราเมศวร์ล้มลง ในบ้านอัศวเมฆินทร์มีแค่ผู้หญิงกับคนแก่ ตัวของคุณไกรสรเองก็ออกมาไม่ได้ เนื่องจากความพิการที่เกิดขึ้นหลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ดุจเดือนเป็นคนเดียวที่ร้องกรี๊ดลั่นบ้าน ขอร้องให้ศรันย์หยุด ถูกเขาผลักจนล้มไม่เข็ดพยายามจะเข้าไปงัดแขนศรันย์ให้หยุดต่อยตีพี่ชายของหล่อน
“มึงไม่รักยายรินมึงไม่บอกกูดีๆ วะ! หลานกู กูดูแลได้ กูไม่ได้อยากให้น้องกูตายเพราะคนเลวอย่างมึง! เอาน้องกูคืนมา! มึงเอาน้องกูคืนมา! มึงคืนน้องมาให้กู!”
“พี่รัน อย่าทำพี่เมศ ทำอะไรสักอย่างสิ มัวแต่ยืนมองอยู่ได้!”
ดุจเดือนกรี๊ด ร้องไห้ตามพี่ชายที่มีสภาพใบหน้าอาบไปด้วยเลือด ข้อเท้าของดุจเดือนพลิก ไม่อาจเข้าไปช่วยพี่ชายได้อีก แผดเสียงออกคำสั่งกลุ่มคนรับใช้ ทว่ากลับไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือพี่ชายหล่อนสักคน
ผลัวะ!
ออกหมัดแต่ละครั้งไม่เคยพลาดเป้า กระแทกหมัดเข้ากลางเบ้าตาจนมีเลือดสีแดงคั่งในนัยน์ตาขาว กระแทกเข้าที่ปาก ปากก็แตก กระแทกเข้าที่จมูก จมูกก็หัก ศรันย์ควรจะหยุดแต่เขากลับไม่ยอมหยุดความบ้าคลั่งไว้แค่นั้น ถ่ายเทน้ำหนักบนตัวนั่งกดทับตัวราเมศวร์ ง้างหมัดกระแทกเข้าที่ใบหน้านั้นจนไม่เหลือเค้าโครงของความเป็นมนุษย์ ราเมศวร์เหมือนเค้กก้อนสีขาวที่ถูกละเลงไปด้วยเนื้อสตรอว์เบอร์รีเหนียวๆ จนไม่เห็นเนื้อครีม
“พี่รัน หยุด เดือนบอกให้หยุด! มึงไม่คิดจะญาติดีกับพวกกูแล้วใช่ไหม ฮือ! มึงต่อยพี่กู พี่เมศ!” ดุจเดือนตะเกียกตะกายไปตามพื้นมุ่งหมายจะช่วยเหลือพี่ชาย เคียดแค้นต่อชายหนุ่มที่คิดจะฆ่าเขาให้ตายคามือ
แต่แล้ว... ผลัวะ!
“จะเลิกบ้าในบ้านคนอื่นได้หรือยัง!”
ตาคู่กลมโตของนางเอกสาวน้องใหม่มาแรง และกลุ่มคนรับใช้ในบ้านต่างพากันอึ้งกันเป็นแถบ เสียงดังสนั่นไม่ได้มาจากแรงหมัดของศรันย์ แต่มาจากท่อนไม้ขนาดใหญ่ที่พิยดาลากมาฟาดใส่กลางแผ่นหลังของศรันย์ ร่างกายของเขาเลื่อนล้มลงไปนอนข้างราเมศวร์ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายไปทางไหนได้ เพราะชายหนุ่มบาดเจ็บจนหมดสติไปแล้ว
เรี่ยวแรงของผู้บุกรุกกลับคืนมา เมื่อได้เห็นหน้าค่าตาคนทำ เคลื่อนกายเร็วเข้ามากระชากเรือนร่างบอบบางผลักแผ่นหลังของหล่อนไปชนกับกำแพง บทราเมศวร์ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเหลือเปลี่ยนเป็นพิยดาทั้งยายทองและลุงสมศักดิ์ต่างพยายามจะเข้ามาดึงตัวเขา ศรันย์เป็นบ้าไปแล้ว ไม่มีใครเอาชนะพละกำลังคนหนุ่มอย่างเขาได้ กดไหล่พิยดาแรงหล่อนควรจะปริปากบ่น หรือพูดหวานๆ ขอให้เขาปล่อย ทว่ากลับกัดปากเงยหน้าขึ้นสู้
คนเคยรักกันต่อให้มีเรื่องบาดหมางใจก็ยังคง ‘รัก’ พิยดาควรเข้าข้างคนสูญเสียอย่างเขา แต่หล่อนกลับเข้าข้างราเมศวร์เพียงเพราะมันนามสกุลอัศวเมฆินทร์เหมือนกับหล่อน! คนสองคนรักกันหวานชื่นไม่เคยคิดจะเกลียดชังกันได้ลง เพิ่งจะมีวันนี้ วินาทีนี้ ที่ทั้งศรันย์และพิยดาต่างเกลียดกันเข้าไส้ ไม่อยากจะทะนุถนอม และมีกันในอ้อมแขนอีกต่อไป
“ขอโทษพี่มาเดี๋ยวนี้ แล้วพี่จะยกโทษให้ จะไม่โกรธเคืองพิม!”
“พี่รันเป็นฝ่ายเข้ามาทำลายข้าวของ ทำร้ายคนในบ้านพิม คนที่ควรขอโทษควรจะเป็นพี่ ไม่ใช่มาบังคับให้พิมพูดในสิ่งที่ตรงข้าม!”
“จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม เข้าข้างมันโดยไม่สนใจผิดชอบชั่วดี! ได้ พิม ได้ งั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป เราสองคนจบกัน!”
ศรันย์ที่เพิ่งจะเสียน้องสาวไปอย่างไม่มีวันหวนกลับกระซิบเสียงเคียดแค้นข้างขมับเล็ก คลายแรงขยุ้มบนต้นแขนบางผลักหล่อนกลับไปอยู่ในอ้อมแขนคนในครอบครัวคนรับใช้ของหล่อน ที่ไม่มีคุณสมบัติข้อไหนคู่ควรกับเขา น้ำเสียงที่เปล่งออกมาและสายตาชิงชังคู่นั้นพิยดาจำไม่เคยลืม เขาหันหลังให้หล่อนถึงสองครั้งแล้วยังกล้าคิดจะกลับเข้ามาในชีวิต คนสารเลวตัวจริงน่าจะเป็นเขามากกว่า!
คืนนั้นทั้งคืนพิยดาข่มตาหลับไม่ลงเลยสักนาที พลิกกายไปมาจนกระทั่งเสียงเรดาร์ตั้งปลุกดังในเวลาหกโมงเช้า กายสาวค่อนข้างอ่อนเพลียทว่าเมื่อถึงเวลาตื่นก็ต้องตื่น หล่อนต้องลงไปจัดเตรียมอาหารเช้าอาหารกลางวันแบ่งสองชุดไว้ให้พ่อกับแม่ ก่อนจะต้องออกเดินทางไปอารานีสตูดิโอเพื่อแต่งหน้าทำผมเตรียมถ่ายแบบและถ่ายโฆษณา
งานนี้อาจจะกะทันหันไปหน่อย ได้รับเสนองานวันวานก็ตอบรับและต้องไปถ่ายในวันรุ่งขึ้น และเสี่ยงไปพบเจอศรันย์หรือสมาชิกคนอื่นในครอบครัวของเขา
พิยดาไม่อยากปฏิเสธโอกาส ทำงานนี้สำเร็จหล่อนสามารถนำมาโพสต์ลงในอินสตาแกรมส่วนตัวเพื่อโพรโมต อาจนำมาสู่การจ้างงานจากแบรนด์อื่นในอนาคต
บิดขี้เกียจพอใจแล้วพิยดาไปล้างหน้าแปรงฟัน ลงครีมประทินผิวบางๆ ไม่ให้หน้าแห้ง ไปเปิดประตูดูพ่อกับแม่ตื่นหรือยัง แม่ตื่นแล้ว ส่วนพ่อยังไม่ตื่น แม่ลูกใช้ภาษามือคุยกันให้แม่ไปล้างหน้าแปรงฟัน สายตาแม่แย่มาก พิยดาต้องเข้าไปทำมือใกล้ๆ แม่จึงจะเห็นและส่งเสียงอือๆ ขานว่าเข้าใจ เดินขาปัดลงจากเตียงนุ่มดูดวิญญาณไปจัดการตัวเอง
พิยดาพับผ้าห่มเก็บหมอนให้เรียบร้อยก่อนไปเก็บที่นอนของตัวเองที่ปูไว้หน้าทีวีตั้งแต่เมื่อคืน เข้าครัวไปเปิดตู้เย็นหยิบวัตถุดิบที่เหลือจากการกินหมูกระทะเมื่อคืนมาดูว่าพอจะเอามาเนรมิตให้เป็นเมนูอะไรได้บ้าง
วัตถุดิบมีครบ แต่ไหนล่ะเครื่องปรุง ไม่มีเหลือจากบ้านเก่าให้เก็บมาด้วยเลยสักอย่าง เลือกใส่รถเข็นไว้เมื่อวานก็ไม่ได้เอาไปจ่ายเงิน เดินคอตกไปเอาเสื้อแขนยาวกับกระเป๋าเงินจะออกไปเซเว่นหน้าหมู่บ้าน
ศรันย์ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ทว่าหล่อนกลับก้าวขาไม่ออก ในความรู้สึกราวกับว่าเพิ่งจะคุยกับเขาชั่วโมงที่แล้ว น้ำเสียงเขา แววตาเขา ยังดังก้องในหัว
“แต่พี่ไม่พอหรอกนะ... พี่รักพิม พี่จะมาหาพิมทุกวันจนกว่าพิมจะใจอ่อน...”
คนรวยเนี่ย เขามีเวลาว่างมากจังเลยนะ ถึงคิดจะมายุ่งวุ่นวายกับคนอื่นตอนไหนก็ได้
สองมือเล็กซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อเตรียมจะเดินเท้าออกไปหน้าหมู่บ้าน เผอิญเหลือบไปเห็นถุงพลาสติกขนาดปานกลาง ข้างในมีโจ๊กสามถุงกับน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องสามถุงเบียดกันในนั้น ห้อยไว้กับซี่เหล็ก ในระดับสายตาที่พิยดาสามารถมองเห็นได้
ไม่ได้มีแค่อาหารเช้าที่ขวางหูขวางตาพิยดา หล่อนเหลือบสายตาลงมองพื้น ยังมีถุงผ้าจากห้างฯ ค้าปลีกวางเรียงเป็นระเบียบไว้จำนวนสี่ถุง ของข้างในทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องปรุงของใช้ในบ้านที่พิยดาเลือกใส่รถเข็นไว้เมื่อวาน
ควรจะดีใจ พิยดากลับคิ้วหงิกสาวเท้ายาวเข้าไปเปิดถุงโจ๊ก หยิบเอากระดาษโพสต์อิทสีชมพูอ่อนหวานแหววมากวาดตาอ่าน
ของใช้ในบ้าน
ยอด 2,252.25 ลดให้เหลือ 2,000 ถ้วน
โจ๊กกับน้ำเต้าหู้ แถมฟรี
เตรียมเงินไว้ ตอนเที่ยงจะไปเก็บที่สตูดิโอ
- พี่รัน -
อ่านจบพิยดากลอกตาหวานขึ้นมองฟ้า บ่นเสียงดัง “ตาบ้า!”