ตอนที่ 7/1 วอนขอโอกาส.

4879 คำ
“พันท้ายนรสิงห์” “กวางตุ้งสูตรพริกกะเหรี่ยง” “พันท้าย!” “กวางตุ้ง!” ออร่ากับอีฟเลือกเนื้อหมูสไลด์ หมูสามชั้น เบคอน ปลาหมึก ผัก เส้น วัตถุดิบที่จะนำไปปิ้งย่างครบเรียบร้อยมาตกม้าตายที่น้ำจิ้ม เถียงกันหน้าตั้งแต่ละคนอยากกินน้ำจิ้มแบรนด์โปรดตัวเอง ในชั้นขวดเล็กหมดเกลี้ยง เหลือแค่ขวดใหญ่ จะซื้อไปทั้งสองขวดก็กระไร ถูกพิยดาบ่นว่าสิ้นเปลือง ขี้เกียจฟัง สองสาวมองหน้ากันได้ข้อสรุปว่า... “ยัน ยิง เยา ปั๊กกะเป้า ยิ้งงงงงงงงง ฉุบ!” กรรไกรสอง ค้อนสอง อีฟค้างค้อนไว้ ออร่าออกกระดาษ ออร่าร้องกรี๊ด กระดาษชนะค้อน “ไม่แฟร์เลย ใครสอนก็ไม่รู้ ค้อนสิควรชนะ ตีทีเดียวกระดาษขาด” อีฟขี้แพ้ชวนตี วางน้ำจิ้มแบรนด์โปรดของตัวเองกลับเข้าชั้น เผอิญเหลือบไปเห็นพิยดากำลังมองหาพวกหล่อน “พี่พิม ทางนี้ รถเข็นหายไปไหน ไหนพี่พิมบอกว่าจะซื้อของเข้าบ้าน ให้อีฟกับพี่ออร่ามาเลือกของที่จะเอาไปทำกินเย็นวันนี้” “พี่เปลี่ยนใจ ของใช้จุกจิกเยอะ ไว้รอมาซื้อวันหลังดีกว่า ห้างฯ กับบ้านใกล้กันแค่นี้ พี่ไม่อยากให้เพื่อนเหนื่อยมาช่วยพี่ถือของ” “พี่พิมร้องไห้เหรอ อีฟว่าตาพี่แดง ก่อนออกจากบ้านยังปกติ” น้องน้อยประจำกลุ่มอ่านภาษากายอยากกลับบ้านเต็มประดาของพิยดาไม่ออก ช่างสอดรู้สอดเห็นยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจะสิงร่างหญิงสาว “เปล่านะ ก็ปกติดี อาจจะเผลอขยี้ตานิดหน่อยเลยแดง พี่หิวแล้ว อีฟกับพี่ออร่าก็น่าจะหิวเหมือนกัน เรารีบกลับกันเถอะนะ” พิยดารีบคล้องแขนน้องน้อย ยิ้มกลบเกลื่อนไม่ให้อีฟท้วงรอบสอง “อ๊ะๆๆ ยังกลับไม่ได้ เหลือโซจูของยายอีฟ กับเบียร์ของไอ้บลู หายหัวไปไหนของมัน เดี๋ยวหยิบซ้ำซ้อนกัน พิมเดินมาไม่สวนทางกับมันเหรอ” ถามเพื่อนสนิทได้ความว่าเอาของไปเก็บหลังบ้าน ได้ยินผู้หญิงที่ตัวเองหลงรักบอกพ่อว่าไม่ได้รักไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย อกเดาะเป็นหมาหงอย ไม่ทันไรหายเศร้า กลัวพิยดาได้เข็นรถหนักๆ ขอไปตามหาและช่วยเข็น “ไม่ค่ะ ไม่เห็น พี่บลูอาจจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้” จะเห็นได้อย่างไร ทิ้งห่างศรันย์ได้ก็เดินฉับๆ มารวมกลุ่มกับเพื่อน ดวงตาคู่อ่อนหวานกวาดมองรอบทิศทางกลัวเขาจะตามมาราวี ไม่อยากให้ศรันย์พูดจาบ้าๆ ต่อหน้ากลุ่มเพื่อน ไม่ต้องการอธิบายเรื่องราวในวันเก่าๆ ให้ใครฟัง เลิกกันแล้วก็ควรจะเลิกกันเลย จะรื้อฟื้นไปทำไม “พี่ออร่า อีฟ กลับกันเถอะ โซจูกับเบียร์แวะซื้อเซเว่นก็ได้” “เอ๊ะ” ออร่าจิ๊ปากรำคาญ “มาถึงที่แล้วทั้งทีจะแวะเซเว่นให้เสียเวลาทำไม ไม่ต้องพูดมาก ชัท ยัวร์ เมาส์ อีฟ ลากแขนพี่มึงมา” “ได้เลย” ว่าง่ายก็คราวนี้ อีฟอยากซดโซจูพลางคีบตะเกียบกินปิ้งย่าง ลากแขนพิยดาตามหลังออร่าที่เข็นรถออกหน้าชวนคุยเรื่องอื่นไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้สนใจว่าตอนนี้พิยดาหน้าเสียมากแค่ไหน ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าพิยดารบเร้าอยากกลับบ้านเพราะไม่อยากอยู่กับบลูตามลำพัง ออร่าหงุดหงิด จะอะไรกันนักกันหนากับแค่ไอ้บลู รำคาญมันมากนักจะเอามือผลักหรือใช้เท้าเขี่ยมันออกไปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องจิตตก เดินหนีมันมาไกลขนาดนี้ หรือออร่าควรจะปรามเพื่อนสนิท บอกให้มันโรคจิตให้น้อยๆ ลงหน่อย ไปตามติดพิยดามากน้องมันกลัว บ่นให้เพื่อนเพลินๆ ออร่าหลุดปากส่งเสียงร้อง ฉิบหาย! ทันทีที่เลื่อนรถออกมาจากโซนอาหารสด ก็ชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่รีบร้อนเดินออกมาจากมุมลับตา เขาอุทานเสียงเบา งอตัวเจ็บบริเวณหน้าขา อย่าว่าแต่เสียงเลยที่คุ้นหู แค่เห็นเส้นผมจากด้านหลังก็จำได้ว่าใคร แน่นอนน่ะสิ ก็หล่อนถูกผู้ชายคนนี้ด่าที่บริษัททุกวันนี่นา! ฉิบหายของจริงก็งานนี้แหละเว้ยไอ้ออร่า! “พี่ออร่าเข็นรถไม่ดูทางเลย ขอโทษนะคะ พวกเราไม่ได้ตั้งใจค่ะ เจ็บไหมคะ” อีฟเข้าไปช่วยประคองชายหนุ่มรูปร่างดีแต่งตัวดี คนอะไรโคตรหล่อ โคตรเท่ กลิ่นตัวก็หอม อีฟตาหวานเยิ้ม ร่างกายกระชุ่มกระชวยได้แตะเนื้อต้องตัวคนหล่อ กำลังเคลิ้มๆ มือมารพุ่งจากไหนไม่รู้พุ่งมากระชากท่อนแขนกลับมา ออร่านั่นเอง โธ่... สาวผมสั้นหน้าตาน่ารักแถมยังโสดสนิท ทำหน้าบึ้งใส่สาวรุ่นพี่ ก่อนจะแปลกใจ เมื่อรุ่นพี่ที่ค่อนข้างแก่นเซี้ยวยกมือไหว้ชายหนุ่มหน้าตาดี อีฟไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เมื่อรุ่นพี่ไหว้ หล่อนยกมือไหว้ตาม “ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ ออร่าไม่ได้ดูทางให้ดี ไม่ได้ตั้งใจจะเข็นรถไปชนคุณรัน เจ็บมากหรือเปล่าคะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ” “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เจ็บ ผมผิดที่เดินไม่ดูทาง” “ขอโทษอีกครั้งนะคะ” พนักงานใหม่ประจำบริษัทแฟชั่นอารานียกมือไหว้ลูกชายเจ้าของบริษัทอีกครั้ง เขาพูดจาดีไม่ใส่อารมณ์ ทำให้หญิงสาวหายใจหายคอโล่งขึ้น มองไปรอบๆ เขามาคนเดียว ไม่ได้มีเลขาฯ หรือผู้ติดตามโขยงใหญ่ตามภาพจำ “คุณรัน... มา... ซื้อของเหรอคะ” “ครับ” ของในรถเข็น เนื้อหมูติดมัน น้ำจิ้มสุกี้ กวาดตามองแค่นี้ก็พอจะรู้ว่าสาวๆ จะทำอะไรกิน “เมนูเย็นนี้น่าอร่อยนะครับ” “อ๋อค่ะ ซื้อไปทำกินเอง กับเพื่อนอีก... สองสามคน” ออร่ายิ้มจนเหงือกจะแห้ง ในใจไล่ศรันย์ให้รีบไปเร็วๆ จะมาชวนคุยทำไม “ให้ผมช่วยไหมครับ ผมซื้อของเสร็จแล้วกำลังจะกลับเหมือนกัน” “ไม่เป็นไรค่ะ เบาๆ ออร่าเข็นไหว ขอบคุณนะคะที่มีน้ำใจ คุณรันตามสบายค่ะ ออร่าไม่รบกวนเวลา” นักธุรกิจหนุ่มส่งยิ้มเป็นมิตรทักทายหญิงสาวผมสั้น หล่อนแสดงออกนอกหน้าว่าชอบเขา ขยับเข้าไปกอดแขนเพื่อนเขย่าแรงและมองมาที่เขา แจกรอยยิ้มสดใสตั้งใจจะทักทาย ทว่านายบลูช่างภาพฟรีแลนซ์ประจำสตูดิโอที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาโผล่มาทำลายบรรยากาศ “บังเอิญจังเลยนะครับที่เจอกัน แต่ซื้อของแค่นิดๆ หน่อยๆ ซื้อในห้างฯ ตัวเองก็ได้มั้ง ไม่จำเป็นต้องถ่อสังขารมาไกลถึงที่นี่” สองหนุ่มประจันหน้ากัน บุคลิกภาพและส่วนสูงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บลูเตี้ยกว่าเกือบสิบเซนติเมตร แต่งกายง่ายๆ ด้วยเสื้อยืด กางเกงยีนแนบเนื้อ มีโซ่สายเล็กห้อยกระเป๋าตังค์ตรงเอว ศรันย์มาในมาดนักธุรกิจแบรนด์เนมทั้งตัว ใครก็เทียบเขาไม่ติด “เคยได้ยินคำว่ากบในกะลาหรือเปล่า ถ้ามัวแต่ขลุกอยู่ในที่แคบๆ เดิมๆ แล้วพูดกรอกหูตัวเองทุกวันว่ากะลาของฉันสวยที่สุด จะเอาความคิดสดใหม่จากไหนมาปรับปรุงธุรกิจให้อยู่รอด มันไม่ใช่สไตล์ผม” “ความคิดดี ดีมากๆ เลยค่ะคุณรัน ไอ้บลู มึงทำร้านเหล้า มึงยังไปกินเหล้าที่ร้านคนอื่นบ่อยๆ ไม่ได้ต่างกันเลย อย่าพูดขัดหูคุณรัน” ออร่าพุ่งเข้ามาคว้าแขนเพื่อนสนิท อยู่ไม่สุข เอานิ้วมาแตะปากสั่งแกมขอร้องให้บลูหยุดหาเรื่องชายหนุ่ม กลัวจะพากันซวยไปหมด บลูทำหน้าเซ็ง ไม่อยากยืนแช่ตรงนี้ เหม็น! กลัวได้ต่อยขอบตาใครบางคน “น้องพิมล่ะ โทรให้หน่อย กูเดินหาน้องไม่เจอ” “โทรทำไมเล่า ก็ยืนอยู่ด้วยกัน อ้าว” เหลียวหลังกลับ ว่างเปล่า ไม่มี เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้ ออร่าถอยหลังไปตามหา พบพิยดาซ่อนเรือนร่างน่าทะนุถนอมหลบหลังชั้นวางของ แล้วมาซ่อนอะไรอยู่ตรงนี้ ออร่าไม่สนใจแรงต่อต้านจูงมือพิยดาออกมา เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่คนสองคนได้สบตากัน ก่อนพิยดาจะก้มหน้าลงมองพื้น หล่อนหลบหน้าศรันย์ แต่ออร่าเข้าใจผิดคิดไปเองว่าพิยดาหลบหน้าบลู “รถเข็นน้องพิมไปไหนครับ พี่บลูช่วย” แมน 100% เฉพาะกับพิยดาคนเดียว ส่วนรถเข็นอีกคันปล่อยให้ออร่ากับอีฟลากกันเอง “พิม... เปลี่ยนใจไม่ซื้อแล้วค่ะ พี่บลู เรา... เอาของไปจ่ายเงินกันเถอะค่ะจะได้รีบกลับ” ตาวาวกันทั้งกลุ่ม มองตามมือของพิยดาที่คว้าข้อมือของชายหนุ่มรุ่นพี่ไปรับช่วงเข็นรถต่อจากออร่า “คุณรันคะ เอ่อ...” หยุดมองตามแผ่นหลังของคนสองคน ดึงสติกลับมาอยู่ที่ออร่ากับเพื่อนอีกคนในกลุ่มของอดีตคนรัก “พวกเรามากันหลายคน ซื้อของครบหมดแล้วด้วย ถ้าคุณรันไม่ว่าอะไร ออร่าขอตัวก่อนนะคะ เชิญคุณรันตามสบาย” “ครับ” “ปะ อีฟ” ไม่เอาแล้วเบียร์กับโซจู ซื้อเซเว่นก็ได้ กอดแขนอีฟลากมันออกมา มัวแต่ตาหวานเยิ้มมองผู้ชายอยู่ได้ หัวใจจะวาย ไม่น่าโชคร้ายมาเจอมิสเตอร์เพอร์เฟกต์ต์ที่นี่ ฟ้าจ๋าฟ้า ปล่อยสายฟ้าฟาดลงมาเลยเถอะฟ้าจ๋า ออร่าคนสวยคนนี้จะให้ฟาดใส่หลังเอาให้ลายกันไปข้าง ดีกว่าถูกผู้ชายคนนั้นด่า ฮือ... “พี่สองคนเป็นอะไรเนี่ย ขาไปพี่บลูเงียบ ขากลับสลับมาพี่ออร่าเป็นฝ่ายเงียบ” “ไม่ให้เศร้าได้ยังไง ทำงานไม่ถึงเดือนมีแววจะถูกไล่ออก” ดรามาจริงไม่ได้แกล้ง ออร่าเอี้ยวตัวกลับไปหาน้องๆ บนเบาะหลัง อีฟกับพิยดาไม่รู้ว่าเป็นมาเป็นไปอย่างไร แต่พร้อมปลอบโยนเพื่อนรุ่นพี่ “ไล่ออกยังไง เจ้เปลี่ยนงานใหม่เหรอ ตอนไหนไม่เล่าเลย” “อืม สัมภาษณ์งานผ่าน สะบัดตูดใส่หัวหน้าเก่า แกล้งเอาขนมเค้กไปทิ้งใส่กระเป๋าชาแนลใบใหม่ของนาง” พูดแล้วอยากจะร้องไห้ ทำถึงขนาดนั้นอย่าคิดเลยว่าถูกไล่ออกจากอารานีจะกลับไปทำงานบริษัทเดิมได้ “ไม่ใช่เรื่องตลกนะเว้ย” แยกเขี้ยวโวยใส่ทุกคนที่หัวเราะ “มึงอย่าแอคติ้งให้มันโอเวอร์มากนักได้ไหม แค่ผลักรถเข็นชนนิดหน่อยเขาไม่ไล่ออกหรอก เด็กอนุบาลยังรู้ว่าไม่ได้ตั้งใจ” “เจ้านายพี่ออร่าเหรอ หล่อจะตาย ว่ากันว่าคนหล่อมักจะใจดี” “ใจดีกับผีน่ะสิยายอีฟ ถามไอ้บลูได้ วีรกรรมผู้ชายคนนั้น” “ปากหมา หน้าเหี้ย มารยาทสถุล เอาแต่ใจ นิสัยไม่น่าคบ” บลูดีดนิ้วตามจำนวนข้อเสีย คิดได้ห้าข้อพอดี ครอบคลุมทั้งหมด แต่อีฟที่หลงใหลรูปลักษณ์ศรันย์มีหรือจะยอมปักใจเชื่อ “อีฟไม่เชื่อ! พี่บลูไม่ชอบคุณคนนั้นเลยดิสเครดิตเขาใช่ไหม” “ยายอีฟ ระหว่างพี่ กับผู้ชายที่เพิ่งเจอครั้งแรกเธอเชื่อใคร” “แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ชายอยู่แล้ว” อีฟทำตาหวาน ถ้าเขาขอไลน์หรือไอจีก็จะบอกว่าไม่ต้องคบให้เสียเวลา พร้อมแต่งค่ะ “คนอะไร๊ โคตรหล่อ โคตรสูง โคตรเท่ แต่งตัวก็ดี บริษัทที่พี่บลูกับพี่ออร่าทำงานชื่ออะไร อีฟจะลองเสิร์จเผื่อมีตำแหน่งงานว่างจะได้ทำงานที่เดียวกัน เราจะเจอกันทุกวันให้เบื่อหน้ากันไปข้าง” “เพื่อผู้ชายทำได้ทุกอย่างว่าอย่างนั้น ตอนทำงานกระตือรือร้นให้ได้เท่านี้บริษัทจะเจริญขึ้นมาก” แขวะสาวรุ่นน้องที่ฉีกยิ้มแก้มบาน ยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งว่าควักหัวใจออกมาก็มีแต่ผู้ชายทั้งสี่ห้อง “แฟชั่นอารานี ลองเสิร์จดู แต่ไม่แน่ พรุ่งนี้พี่อาจถูกไล่ออกก็ได้” “พี่ออร่าอย่าคิดมากเลยค่ะ พิมว่าเขาไม่ไล่ออกพี่ออร่าด้วยเรื่องแค่นี้หรอก ขอโทษไปแล้วก็น่าจะให้อภัย แล้วจบกันไป” ออร่ามีภาระต้องผ่อนคอนโดฯ อีกทั้งยังต้องเจียดเงินส่วนหนึ่งส่งน้องชายเรียนปริญญาตรี หมุนเงินใช้เดือนชนเดือน ถ้าเป็นเรื่องงานรุ่นพี่คนสนิทจะเครียดมากเป็นพิเศษ พิยดาพูดแทรกไม่ใช่ปลอบโยนไร้เหตุผล หล่อนรู้จักศรันย์มานาน เขาไม่น่าจะใจแคบ ถึงขั้นกลั่นแกล้งพนักงานตัวเล็กๆ เว้นเสียแต่ว่าจะทำไปเพราะโกรธหล่อน หน้าถอดสี เครียดตามออร่า กลัวเขาจะทำจริง “โอ๊ยๆ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้น ที่เครียด ไม่ใช่เครียดเพราะเรื่องเข็นรถชนเขา แต่... คือว่า... แบบว่า... เมื่อเช้าเค้าโทรไปลางาน แล้วโกหกเจ้านายเนียนๆ ไปว่า... ไม่สบาย” ขนตาแพใหญ่กระพือขึ้นลงถี่ยิบ ประจบรุ่นน้องคนสวยและเพื่อนชายที่พากันโห่ร้องใส่โดยไม่ได้นัดหมาย ทำหน้าแอ๊บแบ๊วเป็นผู้หญิงใสๆ ไม่ให้เพื่อนรุมด่า ถึงอย่างนั้นไอ้พวกใจร้ายก็ปากไวเหลือเกินด่าว่าสมควร! ไม่ควรคิดเรื่องเขาให้เปลืองพื้นที่สมอง แต่พิยดาไม่สามารถลืมความหรูหราของรถยนต์ป้ายประมูล ที่แอบขับเงียบๆ จากห้างฯ ตามมาเกือบจะถึงทางเข้าหมู่บ้าน อยากดุ อยากด่า อยากลงโทษเขาอย่างไรก็ได้ เรื่องที่ผ่านมาเขาขอโทษอย่างนั้นเหรอ เขาช่างเห็นแก่ตัว กว่าพิยดาจะรู้สึกตัวว่ามีชายคนหนึ่งเบียดอกแกร่งเข้ามายืนซ้อนด้านหลัง สายน้ำที่เปิดทิ้งไว้เป็นระยะเวลาหลายนาทีก็หยุดไหล เรียกสติที่ล่องลอยกลับคืนมาสู่เรือนร่างบอบบาง เรียวแขนเล็กเหยียดออกสุดความยาว ผลักช่วงลำตัวเพศชายที่หนาและน่ารังเกียจถอยออกไปให้ห่าง “ทำอะไรคะ” น้ำเสียงหล่อนสะบัดและถามหนุ่มรุ่นพี่ค่อนข้างดัง ไม่ชอบเขาที่จู่ๆ ก็เข้ามาแสดงพฤติกรรมคล้ายจะกอดจากด้านหลัง หวาดกลัวจนสั่นสะท้านทุกครั้งที่เพศตรงข้ามพยายามจะเข้ามาใกล้ชิด ดวงตาคู่สวยไม่อาจมองทะลุกำแพงบ้าน แต่หล่อนมั่นใจว่าบอกลาทุกคนไปแล้ว และรถเก๋งคันเล็กของพี่ออร่าก็เคลื่อนออกจากหน้าบ้านไปนานแล้ว เสียงลากประตูรั้วกลับเข้าที่เดิมพิยดาอยู่ในครัวก็ได้ยินชัดเจน เหตุใดชายหนุ่มรุ่นพี่จึงย่องกลับเข้ามาภายในบ้านของหล่อนตามลำพัง “เปิดน้ำใส่อ่างจนจะล้นอยู่แล้ว ลองดูให้ดีสิครับ” เขาหน้าเสียวันละหลายหนกับการไว้ตัวจนเกินงาม ทว่าก็ฝืนปั้นหน้ายิ้ม พิยดาไม่ชอบให้เพื่อนต่างเพศเข้านอกออกในบ้านตามใจชอบ หล่อนเป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่มีใครปกป้องอาศัยอยู่กับผู้พิการสองคน ถ้าบลูไม่ได้เป็นคนดีจริงตามที่แสดงออกจะเอาพละกำลังจากไหนไปสู้ ด้วยเหตุผลนี้ ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนหรืออยู่กับใคร หล่อนไม่เคยไว้วางใจเพศตรงข้ามเลยสักคน ประสบการณ์ชีวิตสอนให้พิยดาระวังภัย อะไรก็เกิดขึ้นได้ ความสวยเปรียบเหมือนดาบสองคม ทุกคนที่เข้าหาต่างก็หวังแค่จะเอาเปรียบ หล่อนหลุบตาหวานมองอ่างล้างจาน หน้าเสีย เพราะจริงตามที่เขาพูด “โทษทีค่ะ พิมเผลอคิดอะไรเพลินๆ นิดหน่อย ทำไมพี่บลูยังไม่กลับอีกคะ พิมนึกว่าพี่กลับไปเวลาไล่เลี่ยกับพวกพี่ออร่า” “พี่ว่าจะกลับพร้อมกัน แต่เห็นสภาพโต๊ะสกปรกมาก ไม่อยากให้น้องพิมเหนื่อยคนเดียว พี่เอาผ้าชุบน้ำไปช่วยเช็ดโต๊ะเก้าอี้ พ่อน้องพิมก็คอยมองพี่อยู่นะ ท่านยังไม่เข้านอน จัดการข้างนอกเสร็จแล้ว อยากเข้ามาช่วยล้างจาน เหลือล้างน้ำสะอาดใช่ไหม ถอยด่วนเลย ให้พี่ช่วย” เหตุผลนั้นทำให้พิยดารู้สึกผิด ที่พูดจาเสียงดังไม่น่ารักใส่เขา “ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้พิมทำไหว งานบ้านเป็นงานของผู้หญิง” “งานบ้านไม่มีเพศ จะผู้ชายผู้หญิงถ้าอยากทำ ทำได้หมดทุกคน มีแต่คนขี้เกียจมากกว่าที่จะไม่ช่วย หรือน้องพิมคิดว่าพี่ทำงานบ้านไม่เป็น พี่ลูกคนเดียวนะ อยู่กับแม่สองคน ถ้าไม่ทำแม่ก็ต้องทำคนเดียว ให้พี่เหนื่อย ดีกว่าให้แม่เหนื่อยแล้วมาบ่นปวดหลัง” เขาเบียดเข้ามายืนใกล้ๆ ผู้หญิงที่แอบชอบอีกครั้ง มองข้ามพฤติกรรมทุกอย่างที่บ่งบอกว่าพิยดารังเกียจ ดึงเอาเรื่องที่หล่อนจับมือเขาในที่สาธารณะมาปลอบประโลมจิตใจให้ยังมีหวัง ไม่ท้อถอดใจง่ายๆ เพราะเขาชอบพิยดามาก รู้จักกันมานาน ได้เห็นเนื้อแท้ของหล่อนที่น่ารัก จริงใจ จิตใจดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร พิยดาเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่อยากเข้าหาแค่เล่นๆ แต่เป็นผู้หญิงที่เขามองไกลไปถึงการแต่งงาน บลูไม่เคยรังเกียจสถานะของหญิงสาว หล่อนจะเคยเป็นคนรับใช้ เด็กบ้านจน มีแม่เป็นคนพิการทางสมอง ถูกข่มขืนจนท้องหล่อนอะไรก็ตามแต่ เขารับได้ทั้งหมด “ขอบคุณค่ะ” เขามีน้ำใจ พิยดาควรจะเคารพเขา บลูไม่ใช่ผู้ชายที่แย่นักหรอก เขาเรียนเก่ง กตัญญู มีอาชีพมั่นคงหลายแขนง พิยดาต่างหากที่ไม่เหมาะสมกับเขา ควรจะอยู่เป็นโสดมากกว่าเอาตัวเองไปเป็นภาระให้ใคร หล่อนมีพ่อกับแม่พิการให้ต้องดูแล ค่าใช้จ่ายสามปากสามท้องในแต่ละวันไม่ใช่น้อยๆ ไม่อยากดึงใครเข้ามาลำบากด้วยกัน แม่ของพี่บลูเคยเปิดร้านอาหารตามสั่ง หาเงินส่งเสียลูกชายคนเดียวเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี วันที่มีเรียนวิชาเอกช่วงเช้าตรงกัน ป้ามักจะทำอาหารกล่องมาฝากเพื่อนๆ ของลูกชายทุกคน นึกถึงสมัยเรียนแล้วก็หน่วงในใจ ยาวนานมาก ที่หล่อนกับเขารู้จักกัน “แม่พี่บลูสบายดีไหมคะ ฝากความคิดถึงไปถึงท่านด้วยนะคะ” “สบายดีครับ สบายดีมากๆ ขอบคุณนะที่ยังนึกถึงคนแก่ที่บ้านพี่ อื้ม! ได้ยินอ๊อฟมันพูด พรุ่งนี้น้องพิมจะไปถ่ายแบบที่อารานีเหรอ พรุ่งนี้พี่ก็มีคิวตอนเช้า น่าจะได้เจอกัน” “ฝากตัวด้วยนะคะ แนะนำพิมเยอะๆ ไม่ได้ถ่ายแบบนานแทบจะโพสต์ท่าไม่เป็นแล้วค่ะ กลัวจะไปยืนตัวแข็งขาแข็งหน้ากล้องของพี่บลู” “น้องพิมแค่ทำหน้านิ่งก็สวยแล้วครับ แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย” ถูกชม พิยดากลับไม่สบายใจ “น้องพิมโชคดีนะ เพิ่งกลับมาไม่นานก็ได้ร่วมงานกับบริษัทแฟชั่นระดับประเทศ ได้เป็นพรีเซนเตอร์ครีมรองพื้นคอลเล็กชันใหม่เชียวนะ คุณนฤมลเจ้าของบริษัทเลือกน้องพิมด้วยตัวของท่านเอง บังเอิญว่านางแบบที่สีผิวโทนเดียวกับน้องพิมถอนตัวกะทันหันจากอาการป่วย โชคดียิ่งกว่าโชคดี ถ้าบอกพี่ว่าน้องพิมรู้จักท่านมาก่อน พี่ก็จะเชื่อสนิทใจ” “ไม่หรอกค่ะ” คุณนฤมลน่ะเหรอ จะเลือกหล่อนด้วยตัวท่านเอง พี่บลูไปฟังจากใครมา เขาคว่ำจานใบสุดท้ายลงบนกล่องพลาสติกเก่าๆ พิยดาส่งผ้าให้เช็ดมือ “ขอบคุณนะคะที่ช่วย ที่เหลือพิมจัดการเองค่ะ พี่บลูกลับบ้านเถอะ ดึกแล้ว มันดูไม่ดีค่ะ” “น้องพิมอยู่กับพ่อแม่ไม่ใช่เหรอ รีบไล่เหมือนกลัวจะมีใครมาเห็น” “ไม่ตลกเลยค่ะ ก็รู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน จะมาอยู่ด้วยกันตามลำพังดึกๆ ดื่นๆ ได้ยังไงคะ ต่อให้ไม่มีใครเห็น แต่พิมไงคะ ที่เห็น และรับรู้ทั้งหมด พี่บลูอาจจะลืมไป คนที่สำคัญที่สุดในโลกนี้ก็คือตัวเราค่ะ” ซีเรียสตลอดเวลา หลายคนหมดสนุกเวลาคุยกับพิยดาเพราะหล่อนเป็นคนนิสัยแบบนี้ ไม่ได้เฮฮาทุกสถานการณ์ ในแต่ละวันตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน มีเวลาว่างก็จะขลุกอยู่ในห้อง เฉพาะกลุ่มเพื่อนผู้หญิงเน้นหนักไปที่แพทริเซียเท่านั้นที่พิยดาจะเปลี่ยนจากผู้หญิงเคร่งเครียดเป็นคนช่างพูด “โอเค พี่ขอโทษ น้องพิมอย่าดุนักสิ ทำเอาพี่จ๋อยเลย พี่แค่มีเรื่องอยากคุยด้วย เกริ่นถามเรื่องงานไปเพราะพรุ่งนี้... พี่อยากมารับน้องพิม พูดตรงๆ เลยแล้วกันนะ คิดว่าน้องพิมรู้อยู่แล้ว แต่พี่อยากบอกให้ชัดเจนอีกครั้ง พี่ชอบน้องพิม ชอบมานานแล้ว ตั้งแต่เห็นน้องพิมครั้งแรกตอนเข้าเรียน ปี 1 เลยก็ว่าได้ น้องพิมอาจจะยังไม่ได้ชอบพี่ แต่ถ้าลองเปิดใจให้พี่สักนิด 2 เดือน 3 เดือนต่อจากนี้น้องพิมได้เห็นพี่ในแง่มุมใหม่ๆ อาจช่วยให้น้องพิมตัดสินใจง่ายขึ้น” “พิมตัดสินใจไปนานแล้วค่ะพี่บลู... พิมคิดกับพี่บลูแค่เพื่อน แค่พี่ชายเท่านั้น วันนี้ไม่คิด พรุ่งนี้ไม่คิด อีกสิบปีข้างหน้าก็ไม่คิด พิมชัดเจนกับพี่มาตลอด เพิ่งจะมีวันนี้ที่พิมเผลอไปจับมือพี่ พิมไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น พิมทำไปทำไม พิมไม่รู้ตัว กลับมาถึงบ้านได้ยินพี่ออร่าแซวพิมเสียใจ ยกโทษให้พิมเถอะนะคะ พิมจะไม่ทำอีก” อยากถนอมหัวใจชายหนุ่มให้มากกว่านี้ ทว่าความต้องการของเขาชัดเจนและมีมากเกินไป เมื่อพิยดามั่นใจว่าให้ในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้ จึงไม่อยากจะให้ความหวัง หรือความสุขจอมปลอมแก่เขา ตลอดระยะเวลา 6-7 ปีที่รู้จักกัน พิยดาคุยกับเขาในฐานะเพื่อนรุ่นพี่มาตลอด ไม่เคยคิดเกินเลยแม้แต่วินาทีเดียว ในโลกยุคปัจจุบันคนฆ่ากันตายง่ายๆ รักก็ฆ่า เกลียดก็ฆ่า เพราะไปเล่นกับความรู้สึกของอีกฝ่ายมากเกินไป เมื่อไม่รักก็ควรจะซื่อตรงกับใจตัวเองบอกออกไปว่าไม่รัก แต่ถึงแม้ว่าจะรักเจียนตาย แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้รักตอบก็จะไม่ไปทำร้ายหรือเรียกร้องขอให้เขามารัก ทั้งหมดเป็นสิ่งที่พิยดาเคยทำกับศรันย์ และครั้งนี้หล่อนจะทำกับพี่บลู ทุกครั้งที่สบตาพิยดามักจะหลบสายตา แต่ครั้งนี้หล่อนจ้องมองมาที่เขาโดยไม่แม้แต่กะพริบตาหวาน แพ้แล้วบลู มึงแพ้ราบคาบ “เพราะผู้ชายคนนั้นใช่ไหม ทำให้น้องพิมเป็นแบบนี้ คนที่ชื่อรัน” “พี่บลูไปได้ยินชื่อนั้นมาจากไหน แพทยังไม่รู้ แล้วพี่ไปฟังใครมา!” นัยน์ตาหญิงสาวเผยความรู้สึกละเอียดอ่อนบางอย่างที่บลูอ่านไม่ออกก่อนจะหลบหน้าร้องไห้สร้างความตกตะลึงให้เขา ไม่คาดฝันว่าคำนั้นจะกลายเป็นจุดอ่อนเดียวที่หล่อนมี “คนที่พูดก็คือน้องพิม น้องพูดถึงผู้ชายคนนั้นกับลุงเมื่อตอนบ่าย! พี่หยุดฟัง ก็เพราะได้ยินชื่อของพี่ ที่น้องพิมบอกลุงว่าไม่เคยชอบพี่! แต่พี่มันดื้อ หลับหูหลับตาจีบน้องพิมทั้งที่พี่รู้ดีแก่ใจมากที่สุดว่าน้องพิมไม่สนใจ” “พิมไม่คิดเลยว่าพี่บลูจะอยากรู้เรื่องส่วนตัวของพิมมากขนาดนี้!” “ถ้าไม่พูดชื่อพี่ขึ้นมาก่อนพี่ก็คงไม่แอบฟังหรอกน้องพิม! ถ้าโกรธ เอาเป็นว่าพี่ขอโทษที่อยากเสือกเรื่องน้องพิมมากเกินไป! แต่ไหนๆ น้องพิมก็โกรธพี่ไปแล้ว ขอถามต่อสักคำถามเถอะนะ ว่าเขาคือรันคนเดียวกับรันที่เราเพิ่งเจอในห้างฯ วันนี้ แล้วน้องพิมเข้ามาจับมือพี่เดินหนีเขาหรือเปล่า! ไม่ตอบ! แต่เม้มปาก มองหน้าพี่ไม่หยุดก็หมายความว่าคนเดียวกัน” สายตาดูเหมือนจะเหยียดหยันในตัวพิยดา เขาทำไปโดยไม่รู้ตัว แต่พิยดาที่มองเขาตลอดเห็นเข้าน้ำตาชุดใหม่ไหลออกมามากกว่าเดิม “พี่ก็นึกเอะใจอยู่เชียว ทำไมเขามาเดินห้างฯ ไกลถึงขนาดนั้น ทั้งที่เขาเป็นลูกชายเจ้าของห้างฯ อันดับหนึ่งในไทย ฮึ! พี่เริ่มจะเข้าใจแล้ว ทำไมไม่มีผู้ชายคนไหนจีบน้องพิมติดเลยสักคน ก็เพราะน้องพิมชอบคนรวย คนอื่นที่มันจนๆ น้องพิมไม่เคยชายตามองคนพวกนั้นเลย!” “ฮึก...” “ไม่ต้องร้องไห้ ถ้าสิ่งที่พี่พูดมันคือความจริง แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ เขาระดับไหน แล้วน้องพิมระดับไหน เคยรู้ตัวไหม ว่าฐานะทางสังคมของเรากับเขาต่างกันมากแค่ไหน ถึงเขาจะสนใจน้องพิมถึงขั้นมาหา แต่จะได้คบกันเหรอ หวังสูงไปหรือเปล่าว่าเขาจะจริงจังกับผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง สู้ไปคบคนระดับเดียวกันไม่ดีกว่าเหรอ ผลสุดท้ายน้องพิมก็จะเป็นแค่ของเล่นคนรวยที่พอเบื่อเขาก็ทิ้ง!” “พี่บลูไม่มีสิทธิ์มาตัดสินพิม!” พิยดาตะโกนใส่เขาทั้งที่ร้องไห้หนักจนกายอรชรสั่นเทา “เพิ่งจะรู้จักพิมไม่กี่ปีกล้าดียังไงมาดูถูกพิม แค่เพราะพิมไม่ชอบพี่ ต้องว่าพิมแรงขนาดนี้เลยเหรอ! พิมไม่ได้ชอบคนรวย ไม่ได้รักใครที่เงินหรือเปลือกนอกของเขา ใช่! พิมรู้จักเขา แล้วเราก็เคยคบกัน แต่ไม่ใช่คบเพราะเขารวย พิมรักเขา เพราะเขาเป็นเขา ไม่ใช่เพราะเขานามสกุลอรัญรัตนา หรือเขาร่ำรวย!” “ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือเขารวยไงน้องพิม! ต่อให้จะบอกว่าไม่ได้ชอบที่เขารวย แต่การที่น้องพิมชอบเขาก็ตัดสินได้แล้วว่ามันจริงตามที่พี่พูด! ให้มีเท่าเขาถึงจะชนะใจน้องพิมได้ ชาตินี้ทั้งชาติพี่ก็ไม่มีปัญญาหรอกนะ อยากจะเรียกพี่ว่าไอ้ขี้แพ้ก็ได้ เพราะถึงจะสู้ให้ตาย พี่ก็ไม่มีวันชนะเขา น้องพิมอยากจะปฏิเสธพี่ ปฏิเสธทุกคน เพื่อเฝ้ารอเศษความรักจากเขา ก็เชิญรอตามสบายเถอะนะ พี่จะคอยดูอยู่ห่างๆ ว่าจะสมหวังหรือเปล่า แต่ถ้าให้พี่พูดในมุมมองของพี่ น่าจะยากนะครับ เขามีทางเลือกที่ดีกว่านี้มาก” “พิมรู้ ฮือ...” ผู้ชายทุกคนที่อยู่รอบตัวพิยดาทำไมถึงได้เลวร้าย ไม่ว่าใคร ก็ต่างพูดจาเสียดแทงใจให้หล่อนร้องไห้ เรื่องศรันย์ไม่ต้องตอกย้ำ หล่อนรู้ว่าไม่มีทางได้ลงเอยกับเขา ขอแค่รักอย่างเดียวไม่ได้เหรอ หล่อนไม่ได้ต้องการจะครอบครองหรือเรียกร้องให้เขาเป็นของหล่อนคนเดียว แค่รักเขาจากในความทรงจำที่เคยมีร่วมกัน คนอย่างบลูคงไม่เข้าใจ เพราะบลูไม่เคยมีความรักแบบนี้ให้กับใคร กับหล่อน ที่บลูแสดงออกมามันคือความรักที่ต้องการครอบครองกายใจ หาใช่รักบริสุทธิ์ “พอเถอะ ฮือ... พอแล้ว ออกไปสักที ไม่ต้องมาคุยกับพิมอีก!” เรียวแขนเล็กของคนอ่อนแอผลักไสแผ่นอกชายหนุ่มรุ่นพี่ให้ออกไปจากบ้าน ทนรอให้เขาไปเองไม่ไหว จับที่แขนแข็งแรงลากจูงเขาออกไปทิ้งไว้หลังบ้าน ปิดประตูใส่หน้า ก่อนเลื่อนตัวลงนั่งกอดเข่า ฟุบใบหน้าเจิ่งนองน้ำตาร่ำไห้พลางตำหนิตัวเองที่ไปเปิดเผยจุดอ่อนใหญ่ให้คนนอกรู้ “ถ้าแค่รักเขาก็ผิด พิมไม่รักแล้วก็ได้ ฮือ... ทำไมต้องมาว่าพิมด้วย” “อย่าเปิดบ้านให้เขาเข้ามาอีกนะลูก” การตะคอกอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในอนาคตอาจนำมาสู่การทะเลาะวิวาทและลงไม้ลงมือกับคนในครอบครัวได้ คุณไกรสรไม่ต้องการให้ลูกสาวพบกับความเสียใจ มือใหญ่หยาบกร้านทว่าอบอุ่นลึกล้ำวางบนศีรษะสั่นงันงก เรือนร่างอ่อนแอยังคงนั่งกอดเข่าคุดคู้ เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือกร้านเหนือวีลแชร์ ความรักจากพ่อไม่เคยได้รับมาก่อน อดทนรอนานกว่า 24 ปี ในที่สุดพิยดาก็ได้รับจากท่าน แก้มหล่อนเคยเปียกชื้นน้ำตาคนเดียว จะเจ็บจะปวดก็หลบมุมร้องไห้ตามลำพังจนรู้สึกดีขึ้น แต่ ณ เวลานี้ พิยดาไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป หล่อนมีใครอีกคนที่พร้อมจะอยู่ข้างๆ แชร์ทุกข์แชร์สุขเจ็บปวดไปพร้อมกัน หญิงสาวสะอื้นตัวโยนใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม คลานเข่าเข้าไปกอดบนเข่าท่าน “พ่อขา... พิมควรทำยังไงดี ฮือ... พิมไม่อยากรักเขาเลย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม