ดวงตาอ่อนล้าของชายวัยใกล้ลาโลกเปิดขึ้นช้าๆ ช่วงเย็นในห้องนอนใหม่บ้านหลังใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เด็กสาวจัดไว้ให้ดีอย่างหาที่ติไม่ได้ ขยับปากส่งยิ้มให้เด็กสาวที่ขยันขันแข็งบิดน้ำนำผ้ามาเช็ดตัวให้ท่าน พิยดาเป็นเด็กดี น่ารัก ยิ้มเก่ง หล่อนยิ้มทุกครั้งทำให้คุณไกรสรต้องยิ้มตาม
“พิมกวนให้ตื่นเหรอคะ กลัวเช็ดตัวตอนดึกพ่อจะหนาว”
“ไม่หรอกลูก พ่อหลับไปนานหรือเปล่า”
“ไม่นานค่ะ ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้วหิวหรือยังคะ พิมหุงข้าวไว้ ว่าจะออกไปซื้อกับข้าวกับพวกพี่ออร่า คุยกันว่าจะทำหมูกระทะกินกัน”
“พิมมีเงินพอใช้หรือเปล่าลูก พ่อพอจะมีเงินอยู่บ้างเหลือจากพี่เดือนเคยให้ พิมเอาไปซื้อของอร่อยๆ มาเลี้ยงเพื่อนนะลูก ตอบแทนเพื่อนที่พาไปรับพ่อที่โรงพยาบาล แล้วยังช่วยพิมย้ายของมาบ้านใหม่”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พ่อเก็บไว้เถอะ เงินไม่เท่าไหร่พิมเลี้ยงเพื่อนได้ รอถึงวันพรุ่งนี้ก็ได้กลับมาหลายเท่า พี่ออร่าแนะนำงานถ่ายแบบให้พิมค่ะ บอกว่ามีงานเยอะมาก ถ้าพิมทำงานดี เข้าตาเจ้านาย ก็จะถูกเรียกตัวเข้าไปถ่ายแบบทุกวัน พิมจะทำรอ ระหว่างที่ยังไม่รู้ว่าจะทำงานอะไร ได้เงินก้อนแรก พิมจะเอาไปซื้อกล้องวงจรปิดสักสองสามตัว เอามาติดที่บ้าน เวลาพิมออกไปทำงานข้างนอก พิมจะได้ส่องกล้องดูพ่อกับแม่บ่อยๆ พิมจะทำอาหารไว้ พ่อกับแม่อยู่บ้านสองคนได้ไหมคะ”
“พ่ออยู่ได้ แขนพ่อแข็งแรง ขึ้นลงวีลแชร์เองได้ กินข้าว กินยา เข้าห้องน้ำเองได้หมด พิมไปทำงานเถอะนะ ห่วงทางนี้มากๆ ไม่ได้ไปไหนกันพอดี พ่อเข้าใจ ว่าพิมต้องออกไปทำงาน”
“ทำงานเสร็จแล้ว พิมไม่เถรไถลไปที่อื่น จะรีบกลับบ้านค่ะ”
“ไม่ต้องรีบก็ได้ เลิกงานไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ใช้ชีวิตของพิมให้มีความสุข อย่าเครียดเรื่องพ่อกับแม่มาก พ่ออยู่ทางนี้จะช่วยดูแลแม่แทนพิม ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน พ่อจะช่วยออกนะลูก พี่เดือนทำงานที่เมืองจีน มีธุรกิจร้านอาหาร ถ้าพ่อขอ พี่เดือนก็ให้ พิมจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”
“พิมไหวค่ะ ถ้าพิมไม่ไหวจริงๆ พิมจะบอกพ่อนะคะ”
ตอบให้ท่านสบายใจ เอาเข้าจริงพิยดาไม่มีความคิดจะขอเงินจากดุจเดือน ดุจเดือนรู้ดีว่าบ้านถูกยึดและรู้อาการป่วยของพ่อ แต่เจตนาไม่กลับมาดูแล แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้ว ว่าใจร้ายมากแค่ไหน มีเหรอ ดุจเดือนจะยอมให้เงินเผื่อแผ่มาถึงหล่อน
“เรื่องยายไปถึงไหนแล้ว จากวันนั้นได้โทรคุยกันสักครั้งหรือยัง”
“ยังไม่ได้คุยเลยค่ะ ลุงกับป้ายุ่งๆ กับเรื่องที่บ้านมั้งคะ”
นับจากยายย้ายกลับบ้านเกิดไม่มีวันไหนที่พิยดาไม่คิดถึง ขยันโทรหาทุกเช้าเย็นทว่าไม่สามารถติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ของใครสักคนได้ ทุกคนพร้อมใจปิดเครื่อง หรือไม่ก็เปลี่ยนเบอร์ตัดขาดการติดต่อจากหล่อน
พิยดาคิดถึงยาย แม่ก็คิดถึง เพราะรักยายเหมือนแม่แท้ๆ ถึงขั้นนอนๆ อยู่ผวาตื่นขึ้นมาร้องไห้ พิยดาไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะติดต่อยายได้ จะไปเยี่ยมก็ไม่ได้ ภาระบนบ่ามีมากเกินไป ต้องหางานทำกับดูแลผู้พิการสองคน ไม่ตกอยู่ในสถานะเดียวกัน ไม่มีทางรู้ว่าการดูแลคนป่วยเหนื่อยแค่ไหน นอนหลับไม่เต็มอิ่ม เครียด ค่าใช้จ่ายก็เยอะ ทำหล่อนท้อแท้ใจ
“พ่อผิดเอง ทุกคนโกรธพ่อ ที่พ่อไม่มีเงินจ่ายค่าจ้าง”
“ยายอาจจะสนุกกับการเลี้ยงเหลนจนลืมติดต่อกลับมา ไม่เป็นไรหรอกค่ะ จะกี่วันกี่เดือนพิมก็จะรอ พ่อพักผ่อน อย่าคิดมากเลยนะคะ”
ลูกสาวคนเล็กมองโลกในแง่ดีเสียจนคุณไกรสรท้อใจ ยกมืออ่อนแรงขึ้นสัมผัสแก้มนุ่ม หล่อนแสนจะน่ารักเอียงหน้ามาซบเข้าที่มือเหี่ยว
“ต่อไปนี้ ถ้าพิมมีเรื่องไม่สบายใจมาคุยกับพ่อนะลูก พ่อสัญญาว่าจะรับฟัง เรื่องไหนพ่อก็จะรับฟังพิมทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องหัวใจ”
“ไม่มีเรื่องหัวใจหรอกค่ะ พิมโสดสนิท แค่คนคุยสักคนยังไม่มี ในหัวของพิมคิดแค่เรื่องงาน งาน งาน แล้วก็เงิน เงิน เงิน”
“ไม่แน่นะ ผู้ชายคนที่พ่อเห็นตอนกลางวันชื่ออะไร พ่อคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นหน้าหลายครั้ง แต่ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”
ถามถึงหนุ่มเสียงแหบเสน่ห์เจ้าของรถบิ๊กไบท์คันที่จอดในโรงรถ เพื่อนสนิทออร่า ที่ดูเหมือนว่าจะแอบชอบลูกสาวคนเล็กของท่าน
“พี่บลูค่ะ รุ่นพี่ที่คณะ เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับพี่ออร่า”
“หน่วยก้านดีใช้ได้เลยนะ เขามีแฟน แต่งงานหรือยัง”
“ไม่รู้สิคะ พิมไม่ได้ชอบก็เลยไม่สนใจเรื่องของเขา” ตัดบทดื้อๆ ให้ท่านรับทราบ ว่าหล่อนไม่ต้องการสานสัมพันธ์กับชายหนุ่มรุ่นพี่
“เขาทำงานอะไร มีงานมั่นคงหรือเปล่า”
แต่คนที่ดื้อกว่าคือท่าน ถามในสิ่งที่อยากรู้มากกว่าใส่ใจคำพูดลูกสาว การศึกษาคร่าวๆ ทราบว่าจบจากที่เดียวกัน ถือว่าใช้ได้ ถ้ามีหน้าที่การงานที่ดีมาเสริมก็น่าจะดียิ่งขึ้น
“พี่บลูทำงานหลายอย่าง พี่เขาเป็นช่างภาพอิสระ นักดนตรีอิสระ เคยประกวดร้องเพลงเวทีดัง มีเพลงฮิตในยูทูบร้อยล้านวิวหลายเพลง รับงานร้องเพลงกลางคืนกับวงของเขาบ้าง แล้วก็เปิดร้านอาหารกึ่งร้านเหล้าร่วมกับเพื่อนในวง พี่เขาจีบพิม แต่พิมไม่ได้ชอบเขาค่ะ”
“รู้ว่าเขาชอบ ทำไมไม่ลองเปิดใจเรียนรู้นิสัยใจคอสักครั้ง”
“พิมไม่ได้ชอบเขา พิมไม่อยากให้ความหวังทั้งที่เป็นไปไม่ได้ อย่าเชียร์แบบพี่ออร่าเลยนะคะ พิมอึดอัดมากกว่ามีความสุข พิมบอกไม่ชอบก็คือไม่ชอบ จะวันนี้ พรุ่งนี้ หรืออีกสิบปี ความรู้สึกของพิมไม่มีวันเปลี่ยน”
ไม่ได้ว่าพี่บลูไม่ดี พี่เขาดีมากๆ แต่หล่อนไม่เคยรู้สึกชู้สาวกับเขา
“ไม่มีวันเปลี่ยน เหมือนที่พิมรัก และรอพี่รันมาตลอดงั้นเหรอ”
“พ่อ... พูดถึงเรื่องอะไรเหรอคะ พิมกับพี่รันไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ห้องนอนพ่ออยู่หลังบ้านนะลูก แค่ขยับผ้าม่านขึ้นก็เห็นหมดว่าใครมาหาพิมตอนสี่ทุ่มทุกคืน ยังรักพี่เขาอยู่ใช่ไหม รักมาถึงทุกวันนี้”
สี่ทุ่ม คำนั้นคำเดียวกระตุ้นต่อมน้ำตาให้ไหลพรากลงมาบนแก้ม ดึกดื่นง่วงนอนมากแค่ไหน ยอมถ่างตารอจะได้เจอกันแค่สิบยี่สิบนาที ความรักในวัยเด็กของคนอื่นสุขสดใส แต่ของพิยดาเจ็บปวดและมีรสชาติขมปี๋
มันขมถึงขั้นที่ทำให้พิยดาเจ็บปวดทุกครั้งที่หวนคิดถึงความทรงจำในวันวาน จะมีผู้หญิงคนไหนหน้าโง่เท่าหล่อน มองไม่ออกเลยสักนิดว่าเขาตั้งใจมาหลอก ไม่ใช่ตั้งใจมารัก เพราะไม่อย่างนั้น ก็คงไม่ถูกเขาเขี่ยทิ้งทันทีหลังจากมีอะไรกันแค่ครั้งเดียว
“วันนั้นพิมยังเด็ก แต่วันนี้พิมโตเป็นผู้ใหญ่ พิมเข้มแข็งขึ้นมาก พ่ออย่าห่วงพิมเลยนะคะ พิมรู้ค่ะ ว่าพิมกับเขา ต่างกันมาก”
พ่อรู้ลึกรู้จริงถึงขั้นนี้ ไม่มีเหตุผลให้พิยดาปฏิเสธว่าไม่เคยมีช่วงเวลานั้นร่วมกับเขา
นับถือความพยายามของเขา เพื่อการนี้ เขาเสียเวลามาคุยเล่นกับหล่อนเป็นปีๆ ช่างเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า หรือมันเป็นรสนิยมของเขา แค่สนุกๆ ล่าแต้มไปโม้กับเพื่อนๆ พิยดาก็แค่คนโง่ ไม่ใช่คนรัก หรือสถานะอะไรก็ตามแต่ที่มีคุณค่าทางจิตใจ
“พิมไม่ได้ปฏิเสธพ่อ ว่าตอนนี้พิมไม่ได้รักพี่เขา”
หัวใจดวงเล็กของลูกสาวมอบให้ผู้ชายที่อยู่ไกลเกินเอื้อม ทั้งในด้านฐานะทางสังคม และความเกลียดชังส่วนตัว ที่ครอบครัวของเขามีให้กับครอบครัวของท่าน ไกรสรสงสารลูกสาวจับใจ จะมีสักวันไหม ที่เด็กจิตใจดีคนนี้จะมีความสุข
“ความรู้สึกของพิมไม่มีค่าหรอกค่ะ ไม่มีประโยชน์จะพูดถึง”
พิยดาหลบสายตา ไม่ได้อยากร้องไห้ แต่คิดถึงเขาทีไร หัวใจหล่อนยังปวดแปลบ
ซื่อสัตย์กับเขาไปแล้วได้อะไร เป็นคนอื่น คงจะหมดรักไปนานแล้ว แต่หล่อนเสียสติไปหรือเปล่า ถึงยังภักดีกับเขา รักเขายาวนานตราบจนปัจจุบัน รักมาก... ถึงขั้นที่เตรียมใจจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต ไม่อยากคบหากับผู้ชายคนไหน
เพราะรู้ใจตัวเอง ว่าไม่มีใครสามารถแทนที่เขาได้
“พ่อผิดเอง ถ้าพ่อยอมรับพิม ก็จะไม่มีใครดูถูกลูกพ่อ”
“ไม่จริงหรอกค่ะ ถ้าเขารักพิม ไม่ว่าพิมจะเป็นลูกพ่อ หรือลูกใคร เขาก็จะรัก แต่ที่เขาทิ้งพิม เพราะเขาไม่ได้รักพิมมากพอ หรืออาจจะไม่เคยรักพิมเลย อย่าหาเหตุผลกับคนหมดใจเลยนะคะ พ่อว่าพิมสวยหรือเปล่าคะ”
ปรับอารมณ์ให้สดใส ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ขยับจมูกหมูอ้อนบิดา ไม่อยากให้ปัญหาหัวใจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกคนป่วย หากท่านอาการทรุดเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง หล่อนก็จะแย่ไปด้วย เพราะไม่ได้นอนหลับเต็มตา
“สวยสิ ลูกสาวพ่อมีแต่คนสวยๆ ทั้งนั้น”
พิยดาสวยเหมือนแม่ของหล่อนสมัยสาวๆ อายุยี่สิบต้นๆ เจอพัดชาครั้งแรกอยู่ข้างถนน สะดุดตาเข้ากับความสวยของหล่อนจนต้องพากลับมาบ้าน ศรันย์คบกับลูกสาวท่าน น่าจะเพราะความสวยของเด็กสาว แต่ท่านไม่มั่นใจว่าศรันย์จะเหมือนท่านหรือเปล่า ที่แค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจัง ถ้าศรันย์คิดแบบเดียวกัน ท่านคงเจ็บปวดไม่ใช่น้อย ที่เป็นต้นเหตุทำให้เด็กสาวไม่ได้รับโอกาสในหลายๆ อย่าง
ถ้าคนอื่นรู้ว่าพิยดาไม่ใช่คนรับใช้ แต่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่าน หล่อนอาจได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างมากกว่านี้
“ถ้ามั่นใจว่าพิมสวย ก็ไม่ต้องไปสนใจคนที่เขาไม่รักไม่เห็นค่าพิม ดูถูกพิม พิมจะอยู่ของพิมต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอคนที่ดีที่รักพิมเข้ามาในชีวิต พ่อไม่ต้องเป็นห่วง กลัวว่าพิมจะขึ้นคานนะคะ คนจีบพิมเกินสิบค่ะ”
“จริงเหรอ ไหนเมื่อกี้ว่าโสดสนิท”
อดีตนักธุรกิจหัวเราะอกกระเพื่อม ไม่เคยคุยเป็นกันเองมาก่อน ไม่รู้ว่าลูกสาวเป็นคนตลก
“พิมไม่ได้โกหก เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันชวนพิมเดตตั้งหลายคน เพื่อนพี่ไรอันก็ส่งข้อความมาหา แต่พิมสวยเกินไป ก็เลยไม่อยากรีบตัดสินใจว่าจะเดตกับใครดี”
พิยดาคุยโวเหมือนเวลาคุยกับเพื่อน ชายแก่ที่ป่วยหนักหัวเราะจนเหนื่อย ยื่นแขนอีกข้างให้ลูกสาวเช็ด
“โม้หรือเปล่า แล้วทำไมยังไม่มีแฟน ปลายปีจะยี่สิบห้าแล้วนะลูก”
“ที่ไม่มีแฟน เพราะพิมไม่รีบมี ไหนว่าพิมสวย ทำไมไม่เชื่อล่ะคะ”
“เชื่อจ้ะ พ่อเชื่อ พิมพูดอะไรมาพ่อเชื่อหมดเลยนะลูก”
“เสร็จแล้วค่ะ”
พิยดาวางแขนสองข้างลงแนบลำตัว นำภาชนะใส่น้ำกับผ้าเปียกไปเก็บ
“พิมจะออกไปซื้อของกับเพื่อนๆ พ่ออยากออกไปนั่งเล่นดูทีวีเป็นเพื่อนแม่ไหมคะ นอนอยู่ในห้องทั้งวันเบื่อแย่เลย”
“ก็ดีนะ แก้เมื่อย”
วางมือสองข้างบนที่นอนลงน้ำหนักเต็มแรง พาร่างกายท่อนล่างไร้ความรู้สึกมาทางขอบเตียง ทุลักทุเลแต่คุณไกรสรก็สามารถขึ้นมานั่งบนวีลแชร์ได้ด้วยตัวเอง หมุนล้อตามมาส่งถึงหน้าบ้าน
“อย่าไปนานนะ รีบไปรีบกลับ ข้ามถนนก็ระวังรถด้วยนะ”
“พิมนั่งรถไปกับเพื่อน ไม่ได้เดินไปเอง ไม่อันตรายหรอกค่ะ พิมออกจากบ้านพ่อล็อกประตูไว้เลยนะคะ รอพิมกลับมาค่อยเปิด”
สวมรองเท้าหุ้มส้นเสร็จเรียบร้อย หมุนตัวกลับมาหอมแก้มเป็นการอ้อน ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะถามมากกว่านี้ วิ่งออกไปขึ้นรถนอกรั้ว ไม่ได้มองกลับมาว่าชายสูงวัยมีรอยยิ้มกว้างมากแค่ไหน
“น่ารักอะ อยากมีลูกสาวสวยๆ มาหอมแก้มแบบนี้บ้าง”
ออร่าแซวทันทีที่พิยดาตามมาขึ้นรถ ไม่ลืมที่จะขอความเห็นเพื่อนสนิท
“ว่าไหมบลู”
เพื่อนสนิทครางอืม ไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนตอนกลางวัน ก่อนออกมาเอาของไปเก็บหลังบ้าน เผลอสะดุดล้มหน้าฟาดขอบประตูหรือไร ถึงได้หน้าเศร้าขนาดนี้ ออร่าชะเง้อคอมองหน้าบลูใกล้ๆ พลขับชายหนึ่งเดียวในกลุ่มผู้หญิง ขับรถเก๋งคันเล็กออกไปทางป้อมยามหน้าหมู่บ้าน ใช้ถนนเส้นเดิมกับที่ไปรับคุณไกรสรในโรงพยาบาลไม่นานก็มาถึงห้างฯ ค้าปลีก
“รถโคตรเยอะเลยจะหาที่จอดเจอไหม ไอ้บลู จอดๆ ฉันกับน้องๆ จะเข้าไปซื้อของรอ แกวนหาที่จอดรถเจอแล้วค่อยโทรมาแล้วกัน”
เพื่อนครางรับในลำคอเหมือนเดิม ออร่าผิดสังเกตแต่ปล่อยไปก่อนค่อยถามทีหลัง โซนห้างฯ ค้าปลีกตั้งอยู่บนชั้นสอง สาวๆ มาถึงดึงรถเข็นออกมาสองคัน เนื่องจากพิยดาต้องการซื้อของเข้าบ้านหลายรายการ ออร่าถือโอกาสนั้นลากแขนอีฟให้ไปช่วยเลือกของสดจะมาทำหมูกระทะ
อนึ่งคืออยากซักถามอีฟ ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าตอนที่ไปโรงพยาบาล
เงินเก็บเหลืออยู่น้อยนิดทำพิยดาถอนหายใจ
จากคนเคยมีเงินเก็บเจ็ดหลักในบัญชี กลับผลาญเงินที่หามาได้เกือบเกลี้ยงภายในระยะเวลาหนึ่งปีเศษ กับการเรียนต่อปริญญาโทตามฝัน ซึ่งผลสุดท้ายหล่อนเรียนไม่จบ
ถอนเงินออกมาแค่ส่วนปลาย ไว้ใช้จ่ายในครัวเรือน ออกห่างจากตู้ ATM แล้วจิตใจยังเหม่อลอย ถ้าไม่รีบหางานทำให้มีรายได้มากกว่ารายจ่าย อาจจะลำบากในภายภาคหน้า พิยดาทำงานหาเงินคนเดียว แต่ต้องเลี้ยงดูสามปากสามท้องให้กินอิ่มนอนหลับ ความเครียดเรื่องเงินทำให้หญิงสาวรู้สึกเศร้า
เลือกซื้อของแต่ละชิ้นคิดแล้วคิดอีกว่าจำเป็นหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะเดินไปโซนไหนก็จำเป็นทั้งหมด ไปได้ไม่ถึงไหนข้าวของกองเต็มรถเข็น คิดได้ว่าพอแค่นี้ดีกว่า ไว้ขาดเหลืออะไรเพิ่มเติมค่อยทยอยซื้อเข้าบ้านทีละนิดทีละหน่อย ให้ซื้อทั้งหมดรวดเดียวมีหวังเงินเก็บอันน้อยนิดหมดในวันเดียว
คุณแม่ยังสาวหน้าตาอ่อนเยาว์ลักษณะคล้ายน้ามากกว่าแม่ ร้องห้ามลูกสาวตัวเล็กนิดเดียวไม่ให้แตะต้องกล่องตุ๊กตา หนูน้อยว่านอนสอนง่าย แม้จะเสียดาย แต่เมื่อแม่ไม่มีเงินซื้อให้ก็วางกล่องตุ๊กตา
ถ้าพิยดามีลูก แล้วลูกว่านอนสอนง่ายไม่ดื้อไม่ซนไม่เอาแต่ใจแบบนี้คงดี ของที่เด็กหญิงอยากได้คือกล่องสี่เหลี่ยมบรรจุตุ๊กตาราพันเซลถือโคมลอย แพงมาก ตัวแค่นี้ราคาหนึ่งพันห้าร้อยบาท
มิน่า คุณแม่ยังสาวถึงไม่ยอมตามใจลูกน้อย
ตุ๊กตาตัวนี้ทำให้พิยดานึกถึงความทรงจำวัยเด็ก ในวันที่ถูกศิรินทร์รวมหัวกับดุจเดือนรุมแกล้งเอากรรไกรมาตัดผมหล่อนจนสั้นถึงใต้ติ่งหู พิยดายังเด็กมาก หลบไปนั่งคุดคู้ร้องไห้บนโคนต้นไม้ใหญ่ เสียใจที่ผมตัวเองยาวไม่เท่าราพันเซล
แต่เด็กหญิงก็หายเศร้าด้วยไอศกรีมหนึ่งถ้วยจากศรันย์
ครั้งแรกที่มีโอกาสได้นั่งกินไอศกรีมในร้านและได้ดูการ์ตูนสนุกๆ ผ่านโทรศัพท์ของเขา เขาเปิดราพันเซลให้ดูจนจบ บอกว่าตอนท้ายราพันเซลผมสั้นแต่ก็ยังสวยอยู่ดี เด็กหญิงหายเศร้า ถูกหลอกแค่นี้ก็เชื่อ นึกย้อนแล้วตลกตัวเอง ยังมีหน้าไปบอกศิรินทร์กับดุจเดือนว่าหายโกรธแล้ว มิน่าถึงถูกแกล้งไม่เลิก
ตัดใจวางลงที่เดิม หล่อนไม่มีเงินซื้อ เอาเงินไปซื้อข้าวกินยังจะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวมากกว่า ปล่อยให้ของมีราคาแพงไปอยู่ในมือคนที่จ่ายไหว ส่วนหล่อนขอมองดูอยู่ห่างๆ ไม่แตะต้องมันอีก
พิยดาบังเอิญสะดุดสายตาเข้ากับชายหนุ่มรูปร่างกำยำสูงใหญ่ที่ยืนขวางทางอยู่ตรงหน้า ดวงตาหญิงสาวขยายออก ไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่เคยเจอในโรงพยาบาลหลายครั้ง วันที่ศรันย์ฟุบล้มบนพื้นก็ได้ชายคนนี้มารับช่วงดูแล
“ผมอรรถพลครับ เรียกเอ็มก็ได้ ผมทำงานเป็นเลขานุการของคุณรัน คุณพิมน่าจะคุ้นหน้าผม เราเคยเจอกันหลายครั้งในโรงพยาบาล คุณรันให้ผมเป็นตัวแทนมาเชิญคุณพิมไปรับประทานอาหารมื้อค่ำวันนี้ครับ คุณรันไม่ได้จะชวนไปไหนไกล หาร้านเงียบๆ ในห้างฯ นี้ก็ได้ครับ”
“ไม่ไปค่ะ ฉันมากับเพื่อน ไม่ได้มาคนเดียว ขอตัวนะคะ”
พูดเสียงเบา จะเข็นรถหนักสินค้าไปทางอื่นทว่าชายหนุ่มพาร่างกายกำยำมาขวางทาง
สีหน้าท่าทางชายหนุ่มขึงขัง ยังคงขวางทางไม่ยอมเคลื่อนไหว คล้ายกับจะคุกคาม ส่งผลให้พิยดากลัวจนมือเริ่มสั่น
“ได้โปรดตอบตกลงเถอะนะครับ คุณรันอยากคุยกับคุณพิมจริงๆ เขาไปรอเจอคุณพิมในโรงพยาบาลหลายครั้ง แต่คุณพิมไม่ยอมคุยกับเขาเลย เขามาที่นี่กับผมด้วย คุณพิมจะปลอดภัยจนถึงบ้าน ผมรับประกันครับ”
“พวกคุณเห็นฉันเป็นตัวอะไรเหรอคะ ถึงคิดจะสั่งให้ฉันทำอะไร หรือสั่งไปไหนมาไหนด้วยก็ได้ ฉันพูดชัดเจนว่าไม่ไป ก็คือไม่ไปค่ะ หน้าตาคุณดีนะคะ แต่งตัวก็ดี ท่าทางมีการศึกษา ไม่น่าจะฟังที่ฉันพูดไม่เข้าใจ”
“ผม... ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้คุณพิมไม่สบายใจนะครับ”
เพียงแต่... ต้องทำตามคำสั่งเจ้านาย
หน้าถอดสีไม่กล้ามีปากเสียง ภายนอกพิยดานุ่มนิ่ม ไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะกล้าโต้อย่างไม่เกรงกลัว
“คุณกลับไปบอกเขาให้เลิกยุ่งกับฉัน แล้วต่างคนต่างอยู่เถอะนะคะ ถ้ายังตามไม่เลิก ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกนายหญิงของคุณ ถ้าคุณทำงานกับเขามานาน น่าจะพอเข้าใจสถานการณ์ใช่ไหมคะ ถ้าหากคุณนฤมลทราบเรื่องนี้ คนที่เดือดร้อนจะเป็นใคร”
เลขานุการหนุ่มไม่เหลือเค้าโครงความน่าเกรงขาม เม็ดเหงื่อผุดซึมเต็มหน้า คิดไม่ออกจะโน้มน้าวอดีตคนรักเจ้านายด้วยวิธีไหน อรรถพลปรายสายตากลับไปทางป้ายโฆษณาชนิดตั้งพื้น พบดวงตาคู่หนึ่งที่โผล่ออกมาศูนย์จุดหนึ่งมิลลิเมตร เสี้ยวพริบตาหลบกลับเข้าที่เดิม พนักงานจัดของบริเวณนั้นมองตาม งงว่าไปยืนหลบอยู่ตรงนั้นทำไม ไม่ใช่แค่พนักงาน เขาก็งง เจ้าตัวควรมาพูดเองไหม จะให้เขาพูดแทนทำไม ช่วงหัวค่ำตรงกับผู้คนเลิกงานมาใช้บริการหนาแน่น บังเอิญว่าแผ่นป้ายโฆษณาตัวนั้นตั้งโดดเดี่ยวกีดขวางทางเดินลูกค้า สังเกตเห็นทิศทางการเดินของพนักงานชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะตรงไปทางป้ายโฆษณา
อรรถพลกลืนน้ำลายอึดใหญ่ลงคอ เหงื่อซึมเมื่อพนักงานชายคว้าเข้ากลางแผ่นป้ายยกมันไปวางที่อื่นเปิดเผยที่ซ่อนศรันย์ ใบหน้าศรันย์หล่อเร้าใจ ส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตรเสริมให้รูปร่างเขาสูงสมส่วน ดึงดูดความสนใจจากสาวๆ ไร้ที่ซ่อนเขากลายเป็นอาหารตาชั้นดี แต่พูดก็พูดเถอะ ไม่มีสายตาสาวคนไหนน่ากลัว เท่ากับหญิงสาวตรงหน้าเขาอีกแล้ว หล่อนกลับหัวรถเข็นผลักมันไปทางอื่น เดินหนีจากคนตัวสูงที่ยังคงก้มหน้าดูโทรศัพท์
“คุณรัน! คุณพิมเธอเดินไปนู่นแล้วครับ มัวทำอะไรอยู่ รีบไปง้อสิครับ คุณพิมเธอโกรธจะแย่แล้ว” เสียงเรียกดังไกลไปถึงชายหนุ่มที่หันรีหันขวาง งุนงงว่าแผ่นป้ายโฆษณาเมื่อครู่หายไปไหน
“ไม่ได้เรื่องเลยเอ็ม” ถ้าอรรถพลบ่นกลับได้ ก็คงจะด่าว่าเขานั่นแหละที่ไม่ได้เรื่อง!
ศรันย์วิ่งตามไปคว้าท่อนแขนหญิงคนรัก สบประสานสายตาคู่งดงามในระยะใกล้ หล่อนน้อยใจจนน้ำตาคลอปัดมือเขาทิ้ง เขาไม่ยอมจับอีกครั้ง แต่พลังแห่งความน้อยใจก็สั่งให้ปัดทิ้งอีกรอบ
“พี่ไม่เข้าใจ! ทำไมพิมชอบเดินหนีพี่อยู่เรื่อย เจอหน้ากันครั้งไหนไม่เดินหนี ก็วิ่งหนี พิมจะหยุดคุยกับพี่สักครั้งได้ไหม แค่ครั้งละสิบนาทีก็ได้ ถ้าพิมจะโกรธ จะเกลียดพี่ พี่รู้ พี่ยอมรับ แต่พิมอย่าเดินหนีพี่เลยนะ หันหน้ามาคุยกันดีๆ สักครั้ง มาปรับความเข้าใจกัน ที่โรงพยาบาล พี่ไปหาพิมทุกวัน แต่พิมก็ไม่ยอมหันมามองพี่อีกตามเคย ตามมาถึงที่นี่ ก็ยังจะไม่ยอมคุยกับพี่อีก พี่ตื๊อจนท้อแล้วนะ”
“แล้วใครขอให้ตื๊อ! ที่พิมไม่มอง ก็เพราะพิมไม่อยากมองไงคะ มันเข้าใจยากตรงไหน พี่รันคิดว่าตัวเองเป็นใคร วิเศษเหนือคนอื่นนักเหรอ ถึงได้คิดว่าทุกคนจะต้องให้ค่า ให้ความสนใจพี่ พี่เลิกตื๊อพิมเถอะค่ะ พิมไม่อยากเจอพี่ พิมไม่ได้ต้องการพี่อีกแล้ว!”
“พูดว่าไม่ต้องการพี่ทั้งที่น้ำตาไหลเต็มหน้า จะให้พี่เชื่อได้ยังไงคะ เรามาคุยกันดีๆ เถอะนะ พิมจะดุด่า จะลงโทษพี่ยังไงก็ได้ เรื่องที่ผ่านมาพี่ขอโทษ พี่รักพิม ไม่เคยหยุดรักพิมได้เลยสักวัน พี่อยากขอโอกาสให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ตามคำสัญญาที่เราเคยให้กันไว้ตอนนั้น พิมยังจำได้ไหม เราจะกลับมาคบกันในวันที่เราสองคนโตเป็นผู้ใหญ่ มันถึงเวลานั้นแล้วนะพิม เวลาที่พวกเรารอมาทั้งชีวิต...” จากจับแขนหล่อนมือเดียว เปลี่ยนมาสาวท่อนแขนบาง ตรึงร่างกายอรชรที่แสนคิดถึงไว้ในอ้อมแขนกว้าง เห็นหล่อนร้องไห้ หัวใจเขายิ่งทรมาน อยากใกล้ชิด อยากสวมกอด อยากจูบ แต่หล่อนกลับผลักไส
“ปล่อย! พิมบอกให้ปล่อย! ฮึก... พี่มันคนทุเรศ! เก้าปีนะ ไม่ใช่เก้าเดือน หรือเก้าวัน! มาพูดว่าไม่เคยหยุดรัก จะมีคนหน้าโง่ที่ไหนยอมเชื่อ พี่รันเห็นพิมเป็นของตายหรือไง ถึงคิดจะกลับมาหาพิมตอนไหนก็ได้ พิมไม่เคยง้อ ไม่เคยสนใจว่าพี่จะกลับมาหาพิมหรือเปล่า เพราะไม่มีพี่ พิมก็อยู่ของพิมได้! ไปให้ไกลเลยนะคนบ้า คนเห็นแก่ตัว พิมเกลียดพี่รันที่สุด ไป แล้วอย่ากลับมาให้พิมเห็นหน้าอีก ฮึก...”
พิยดาตัวเล็กกว่าเขามาก แต่เพราะความโกรธผสมรวมกับความน้อยใจ ส่งผลให้หญิงสาวมีเรี่ยวแรงเกินความจริง ทุ่มแรงผลักเข้าที่อกกว้างทีเดียว กายสูงใหญ่ของศรันย์ถอยหลังไปชนเข้ากับชั้นวางของ กระดูกบริเวณหัวไหล่กระทบเข้ากับขอบชั้นทำเขาเจ็บแปลบคว้าเรือนร่างหญิงสาวไว้ไม่ทัน
“คุณรัน เจ็บมากไหมครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันจะไปหาพิม”
เลขานุการหนุ่มมาดขรึมมองตามจนลับสายตา เห็นด้วยกับพิยดา มัวไปรีรอทำอะไรตั้งเก้าปี