“อ้อนพ่อแม่ก็เป็น นอนพักเยอะๆ นะลูก จะได้มีแรงไปง้อสาว”
“ครับ ผมจะนอนพักเยอะๆ หายป่วยเมื่อไหร่ จะตามไปง้อให้สำเร็จ คุณพ่อคุณแม่จะได้มีลูกสะใภ้น่ารักกับหลานโขยงใหญ่มาคอยอ้อน”
“โขยงใหญ่จริงไหม คนสองคน น้อยไปนะ พอดีว่าสมบัติแม่เยอะ”
“สิบคนไปเลยครับ ผมรู้สึกดีขึ้นแล้ว คุณพ่อคุณแม่กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะครับ อยู่ที่นี่จะอึดอัด ผมอยู่คนเดียวได้ เอ็มกับซีเทียวไปเทียวมาระหว่างบริษัทกับโรงพยาบาล ยังไงก็ไม่เหงา”
“ไม่เป็นไร ห้องพักกว้างขวาง พ่อแม่ไม่อึดอัดหรอกลูก แม่รอกลับตอนเย็นทีเดียวดีกว่า กลับบ้านไปตอนนี้ก็อยู่ว่างๆ”
“ขอบคุณครับ ผมโชคดีที่สุดในโลก ที่มีคุณพ่อคุณแม่น่ารัก”
“ปากหวาน คุณเขมฟังลูกพูดสิคะ ปกติเคยอ้อนพ่อแม่เสียเมื่อไหร่”
มันเขี้ยวลูกชาย แต่ก็อดเขินไม่ได้ ดีใจที่สมาชิกในครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวกัน แม้ว่าทั้งบ้านจะมีกันอยู่แค่สามคนพ่อแม่ลูกก็ตาม
“บ่ายแล้ว คุณจะกินข้าวเลยหรือเปล่า ผมจะให้คนออกไปซื้อ”
“ฝากสารัชซื้อให้แล้วกัน ของมลเอาอะไรง่ายๆ ซูชิหรือสลัดก็ได้”
“ซูชิเผื่อผมด้วย ผมไม่อยากกินข้าวต้มฝีมือใครบางคน” คนป่วยเหน็บพิมพ์มาดาไม่จบไม่สิ้น จะถูกฝ่ามือมารดาฟาดก็คราวนี้ เขาหัวเราะมีความสุข นอนดูรายการโทรทัศน์กับมารดาช่วงที่บิดาโทรสั่งอาหาร
“คุณเขม ก่อนเข้ามาคุณถือกระดาษอะไรมาด้วยเหรอคะ”
“ข้อมูลบ้านเช่าครับ” คุณเขมราชนำกระดาษสองแผ่นไปให้ภรรยา เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ส่วนภรรยายังนั่งบนเตียงลูกชาย
“ย่านนี้อสังหาฯ ท่าทางจะแพงนะคะ ค่าเช่าหมื่นสองพันบาทต่อเดือน แต่สภาพบ้านเก่าเชียว คุณไปเก็บกระดาษพวกนี้มาทำไมคะ”
“คนรู้จักของเราทำตกไว้ น่าจะกำลังเลือก ว่าจะเช่าบ้านหลังไหน”
“ใครกันคะ สภาพบ้านไม่น่าอยู่เลย รันดูสิลูก” แม่มลส่งต่อให้ลูกชาย แต่ศรันย์ไม่อยากอ่าน ส่ายหน้าใต้มาร์กปฏิเสธ ขัดใจเสียจริง ได้นิสัยเอาแต่ใจจากแม่ แต่ไม่ยอมได้นิสัยสอดรู้สอดเห็นไปด้วย
“มลคิดว่าค่าเช่าประมาณนี้ เช่าคอนโดฯ อยู่ได้สบาย คุณภาพชีวิตดีกว่าทาวน์เฮ้าส์ มลเคยเห็นตามข่าว เพื่อนบ้านมีปัญหากันเรื่องใช้เสียง เรื่องที่จอดรถ ทะเลาะวิวาทกัน วันดีคืนดีเอาปืนออกมายิงกันตาย”
“ผมก็นึกเป็นห่วง บ้านที่มีแค่ตัวบ้านไม่มีกำแพงรอบล้อม ใครจะปีนเข้ามาตอนไหนก็ได้ ถ้าหากมีคนเข้ามาทำร้ายคงแย่น่าดู แต่ทำยังไงได้ น้องพิมคงจะหาได้ดีที่สุดเท่านี้ ถ้าเช่าคอนโดฯ ก็คงจะอยู่สามคนไม่ได้”
“ใครนะคะ? พิมไหน พักนี้รู้สึกเหมือนมลจะได้ยินชื่อนี้บ่อยเสียจริง”
เริ่มจากพิมพ์มาดา พิยดา แล้วยังมีผู้หญิงปริศนาคนนั้นที่ชื่อพิม คำบอกเล่านั้นสร้างความสงสัยให้คุณนฤมล และความตื่นตัวให้ ศรันย์ ที่ถึงขั้นพยุงร่างกายอ่อนล้ามานั่งข้างมารดา ขออ่านกระดาษแผ่นนั้นด้วยคน
“ทำเหมือนไม่รู้จักไปได้ เราเพิ่งเจอน้องพิมเมื่อวานเองนะ”
“อ๋อ หมายถึงเด็กรับใช้มือไม้แข็งคนนั้นเหรอคะ ถ้าเป็นคนบ้านนั้นไม่แปลกใจหรอกค่ะ ที่หาบ้านเช่าได้ดีเท่านี้ ก็หมดตัวทั้งนายทั้งบ่าวนี่นา”
“ทำไมพูดแบบนั้น คุณไม่เป็นห่วงเด็กเหรอคุณมล แล้วคำว่าเด็กรับใช้ อย่าพูดให้คนอื่นได้ยินเชียวนะ น้องพิมโตเป็นสาวแล้ว อาจจะอายได้”
“อายความจริง จะอายทำไมเหรอคะ คนเขารู้กันหมด ว่าเด็กคนนั้นอยู่บ้านในสถานะอะไร อย่ามาบิ้วให้มลสงสารพวกเขาหน่อยเลย ไม่ได้ผลค่ะ” มองสามีตาขวาง กลับมาสวมบทบาทคุณนายเอาแต่ใจคนเดิม
“ผมไม่ชอบ ที่คุณพูดจาเหน็บแนมไม่ให้เกียรติคนอื่น”
“ต้องเรียกคุณด้วยหรือเปล่าคะ ถึงจะถือว่าให้เกียรติ! หรือถ้าเป็นห่วงกลัวเด็กจะอยู่บ้านเช่าไม่ได้ หาคฤหาสน์ให้อยู่แทนไหมล่ะ”
“พอเป็นเรื่องคนบ้านนั้นเข้าหน่อย ทำไมคุณชอบหาเรื่องนัก น่าจะรู้จักแยกแยะไม่พาลเกลียดทุกคน บ้านเก่าที่น้องพิมอยู่มาตั้งแต่เด็กจนโตสภาพแย่กว่าในรูป น้องพิมยังอยู่ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในคฤหาสน์หรูอย่างที่คุณเหน็บแนม แต่ที่ผมอดห่วงไม่ได้ก็คือความปลอดภัย คนในบ้านย้ายกลับต่างจังหวัดหมด เหลือแค่น้องพิมที่ต้องดูแลพ่อแม่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ด้วยตัวคนเดียว ยังมีเจ้าหนี้ของเมศตามระรานข่มขู่ทำร้ายร่างกายอีก ผมเห็นกับตา พวกมันขี่มอเตอร์ไซค์ตัดหน้าน้องพิม จะมากระชากตัวให้ขึ้นรถไปกับพวกมัน ในโรงพยาบาลกลางวันแสกๆ มันยังกล้าทำถึงขนาดนี้ ผมไม่อยากคิดถึงตอนกลางคืนในสถานที่ลับตา พวกมันอาจจะทำร้ายร่างกายน้องพิมก็ได้ คุณจะโกรธจะเกลียดคนอื่นผมเข้าใจ แต่อย่าเกลียดน้องพิมได้ไหม เราเห็นน้องพิมมาตั้งแต่เด็ก คุณก็รู้ว่าน้องพิมเป็นเด็กดี ที่น้องพิมเรียนไม่จบไม่ใช่ไม่รักดีไม่มีความสามารถ แต่น้องตัดใจกลับบ้านกลางทางก็เพราะน้องทำเพื่อพ่อแม่พิการไม่ใช่เหรอคุณมล คุณสงสารเด็กบ้างสิครับ”
คำเตือนจริงจังจากสามีทำให้คุณนฤมลใจเย็นลงมาก เริ่มเห็นใจและสงสารเด็กสาวรุ่นลูกที่จำเป็นต้องละทิ้งความฝันกลับมาจมปลักกับชีวิตเดิม แบกพ่อและแม่ไว้บนหลังจนตัวแอ่น ทั้งที่ลำพังก็แทบจะเอาตัวเองไม่รอด ทว่าคุณนฤมลยังคงเชิดหน้าฉบับคุณนายผู้เอาแต่ใจ มีแค่ลักษณะการวางตัวเท่านั้นที่อ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ
“มีอะไรบ้างล่ะคะ ที่เราพอจะช่วยเหลือเด็กคนนั้นได้”
“ขอโทษนะที่อาช่วยหนูพิมได้มากที่สุดแค่นี้”
อดีตเลขาฯ คุณไกรสรพูดกับเด็กสาวน้ำเสียงอ่อนโยน เอ็นดูเด็กสาวที่ตนเห็นมาตั้งแต่เด็ก ที่แม้จะในช่วงเวลามืดมนของชีวิตใบหน้าสวยหวานยังคงมีรอยยิ้ม ด้านหลังมีคนจากบริษัทรับจ้างขนของเข้ามาช่วยกันเก็บของที่ใช้ได้ในคฤหาสน์อัศวเมฆินทร์ขึ้นท้ายรถหกล้อ มีทั้งส่วนที่หญิงสาวจะเก็บไปบ้านใหม่ เก็บไปทิ้ง และเก็บไปบริจาค คฤหาสน์หลังใหญ่โตใช้เวลาเก็บหลายวันกว่าจะเสร็จเรียบร้อยและถึงกำหนดย้ายออกในวันนี้
“แค่ช่วยให้พ่อแม่ได้มีที่พักพิงจนพิมกลับมา ก็ถือเป็นพระคุณมากแล้วค่ะ คุณอามีอะไรให้พิมช่วย บอกได้นะคะ พิมเต็มใจช่วยทุกอย่าง”
“ดูแลตัวเอง ดูแลท่านให้ดีก็พอแล้ว นามบัตรอา มีอะไรโทรมานะ” ไหว้รับนามบัตรนายธนาคารมาเก็บไว้อย่างทะนุถนอม ยืนส่งท่านขึ้นรถก่อนจะกลับมาเก็บหนังสือเก่าๆ ที่พอจะขายได้ใส่กล่อง จัดของในบ้านใหม่เสร็จเมื่อไหร่พิยดาจะนำเสื้อผ้าเก่าของดุจเดือนกับราเมศวร์ซึ่งล้วนแล้วแต่ติดแบรนด์เนมมาไลฟ์ขาย และนำหนังสือเก่าหายากไปให้ร้านหนังสือช่วยตีราคา แม้จะไม่ได้เงินมากเทียบเท่ามูลค่า แต่น่าจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนใช้ แม่นั่งเงียบๆ ในจุดห่างไกลผู้คน พิยดาไปนั่งด้วยไม่นานนักก็ลุกขึ้นมาสำรวจรอบบ้าน
คฤหาสน์บนที่ดินผืนกว้างขวางใจกลางกรุงเทพฯ มีค่ามากกว่าทองคำ ถูกยึดทรัพย์ไม่ทันไร กลุ่มนายทุนใหญ่แข่งกันประมูลเป็นว่าเล่น เดิมทีพิยดาตั้งใจไว้ว่าจะรอให้พ่ออาการดีขึ้นออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้าน ถึงจะเริ่มต้นตระเวนหาบ้านเช่าและทยอยย้ายของ แต่เมื่อเส้นตายมาถึงเร็วกว่าที่คาดการณ์ พิยดาจำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว กัดฟันจ่ายเงินจ้างพยาบาลพิเศษช่วยดูแลพ่อตอนกลางวัน จูงมือแม่ตากแดดตากลมหาที่อยู่ใหม่ที่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่พ่อรักษา
ตกเย็นกลับไปเปลี่ยนเวรเฝ้าพ่อด้วยตัวเอง เครียดหนักกินไม่ได้นอนไม่หลับหลายวันหลายคืน กว่าจะตามหาบ้านเช่าหลังที่รู้สึกรักตั้งแต่แรกพบเจอ รอบตัวพิยดาไม่ได้เงียบเหงา มีพนักงานหลายชีวิตจากบริษัทรับจ้างย้ายของช่วยกันลำเลียงกล่องหลายขนาดขึ้นท้ายรถหกล้อเตรียมการเคลื่อนย้าย ต่อให้เติบโตมาในสถานะคนรับใช้ แต่พิยดาก็รักและผูกพันกับบ้านหลังนี้ หล่อนเรียกมันว่า บ้าน แม้จะไม่ใช่บ้านของตนเอง
ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เหลือสำรวจรอบบ้านโล่งเปล่าเป็นครั้งสุดท้าย มาถึงประตูด้านหลังที่มีทางเดินยาวไปถึงบ้านไม้หลังเก่าโทรมของคนรับใช้ อาลัยอาวรณ์ไปหมดทุกอย่าง โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ข้างกำแพงสูง สถานที่ที่ซึ่งมีรักแรกเกิดขึ้น และเป็นรักเดียวประดับหัวใจมาถึงปัจจุบัน ตัวต้นไม้ตั้งตระหง่านแผ่กิ่งก้านใบข้ามกำแพงไปถึงทางเท้าข้างนอก
ภาพเก่าย้อนคืนมา ศรันย์มักจะเหยียบบนเก้าอี้โผล่หน้าข้ามมาคุยกับหล่อนเป็นประจำทุกคืน ความรักวัยเด็กอ่อนหวานติดตรึงในหัวใจมาถึงปัจจุบัน พิยดาคอยย้ำเตือนตัวเองไม่ให้หวั่นไหว ไม่ให้คิดถึง เขามาหาก็ห้ามคุยด้วย เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่าข้างกายเขาไม่ได้ว่างเปล่า หรือต่อให้ว่าง ผู้หญิงคนที่จะได้ยืนเคียงข้างเขา ไม่มีวันเป็นเด็กรับใช้ฐานะต้อยต่ำ
พิยดาย้ำเตือนตัวเองทุกวัน ที่เขาพยายามกลับมา ไม่ใช่มีใจ แต่เขาแค่มองว่าคนเคยๆ อย่างหล่อนมันง่าย จะทำอะไรด้วยก็ได้ สุดท้ายคนที่เจ็บก็หนีไม่พ้นต้องเป็นหล่อนอยู่ดี อาจจะฟังดูโหดร้าย แต่บ้านถูกยึดก็ดีเหมือนกัน จะได้ทิ้งอดีตขมขื่นไว้ข้างหลังแล้วออกไปมีชีวิตใหม่ ที่เป็นชีวิตของตัวเองจริงๆ จังๆ สักที คิดได้อย่างนี้พิยดามีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า ไม่อยากอาลัยอาวรณ์อดีตอีกต่อไป
“พี่พิม! ไปทำอะไรตรงนั้นคะ แดดร้อนจะตาย ผิวสวยๆ ไหม้พอดี” ต้นเสียงมาจากคฤหาสน์ พบน้องอีฟ เพื่อนรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยโบกมือทักทาย น้องแจกรอยยิ้มสดใสเรียกให้กลับเข้ามาในบ้าน การพบเจอรุ่นน้องคนสนิทโดยไม่ได้นัดแนะมาก่อน ทำให้พิยดาหายเศร้าเป็นปลิดทิ้ง กลับมายิ้มได้ รีบวิ่งเหยาะๆ กลับเข้าไปในบ้าน
“อีฟ! มาได้ยังไง”
“มาเพราะคิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“ตั้งปีกว่าแหนะ ที่ไม่ได้เจอ สวยขึ้นหรือเปล่า”
“แน่นอนอยู่แล้ว” สาวผมสั้นขนาดตัวเท่ากันสะบัดปลายผม มีความสุขที่ถูกชม “อีฟรู้จากพี่แพทว่าพี่พิมจะย้ายบ้าน วันนี้ว่างพอดี อีฟเลยมาช่วย”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ พี่จ้างบริษัทมาช่วยเก็บของ มืออาชีพกันมากช่วยกันเก็บไม่นานบ้านก็โล่ง ที่เหลือแค่ย้ายไปบ้านใหม่ก็เป็นอันเสร็จ”
“นี่ไง เหลือจัดของที่บ้านใหม่ อีฟว่าง เดี๋ยวตามไปช่วยจัด” สาวหน้าตาน่ารักยิ้มมีเลศนัย คอยกลอกสายตามองกลับไปทางด้านหลังตลอดเวลา ให้รุ่นพี่สังเกตเห็นว่าไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับรุ่นพี่อีกคน
“พี่ออร่าก็ว่าง เพิ่มมาสองแรงเร็วกว่าแรงเดียวแน่นอน”
พูดชื่อขึ้นมาให้รู้ อยากให้รุ่นพี่ทั้งสองคนกลับมาคุยกัน หลังจากมีปากเสียงและไม่ยอมแม้กระทั่งจะตอบข้อความในกลุ่มไลน์กว่าหนึ่งสัปดาห์
“เจ้ ซื้อชาเขียวปั่นมาหลายแก้วไม่ใช่เหรอ ละลายหมดแล้วมั้ง”
กาวประสานใจชั้นดีเดินวนกลับไปจูงแขนป้ารหัสเข้ามาหาพี่รหัส ชาเขียวปั่นแก้วน่ารักในมือข้างนั้นยื่นมาให้พิยดาด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“เหนื่อยมาทั้งวัน ได้น้ำปั่นหวานๆ อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น”
สายตาออร่าจับจ้องมองวงหน้าสวยโดดเด่นมากกว่าผู้หญิงคนไหน พิยดาไม่ยอมมองตายังคงลดสายตาลงซ่อนความรู้สึก แต่ก็ยอมรับไปโดยดี อีฟรู้งาน สาวเท้ากระดึ๊บออกไปเงียบๆ ให้สองคนได้พูดคุยกัน ไม่ได้ไปไหนไกล แอบฟังอยู่หลังกำแพงลุ้นให้รุ่นพี่ทั้งสองกลับมาร่าเริงสดใส
“ขอบคุณค่ะ” พิยดาพูดแค่นั้นและจะไม่พูดอีก คนสนิทจะรู้ดี ออร่าไม่อยากให้ความสัมพันธ์หลายปีจบลงด้วยการไม่พูดจา ยอมเป็นฝ่ายหันหน้าเข้าหาหญิงสาว ออกปากขอโทษเพื่อรักษาสภาพจิตใจสาวรุ่นน้อง
“พิม พี่ขอโทษ พี่โง่เองที่มองไม่ออกว่าคุณไกรสรเป็นพ่อแท้ๆ ของพิม อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่จะไม่ปากไว ปากเสียเรื่องของพิมอีก”
ออร่ารู้จากการบอกเล่าของแพทริเซีย หล่อนช็อกไปเลย มีพ่อที่ไหนเลี้ยงลูกให้เป็นคนรับใช้ ทั้งยังปล่อยให้พี่ชายคนโตทำร้ายร่างกายน้องสาวนับครั้งไม่ถ้วน จนเพื่อนๆ ต้องช่วยกันปกป้อง โทรไปบ่นให้แพทริเซียฟัง ว่าพิยดาทำตัวอ่อนแอ แม้จะเห็นด้วย แต่แพทริเซียพูดให้หล่อนฉุกคิด ว่าควรนึกถึงจิตใจพิยดามากกว่านี้ ไม่ใช่คิดเห็นอะไรก็พูดออกไป
พวกหล่อนไม่ได้ยืนอยู่จุดเดียวกับพิยดา ลองมีแม่พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างพิยดา มีกี่คน ที่ทิ้งแม่ได้ลง เรื่องทิ้งการเรียนกลับบ้าน เป็นใครก็ต้องกลับอยู่แล้ว พวกหล่อนเป็นเพื่อน ควรจะให้กำลังใจ และช่วยพิยดาหาลู่ทางทำมาหากิน อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้มันเป็นไป
“เอาอย่างนี้ไหม ถ้าพิมหายโกรธเย็นนี้พี่จะเลี้ยงหมูกระทะ เลี้ยงเบียร์ กับโซจูด้วย ให้เมาปลิ้นกันไปข้าง”
เอาของกินมาล่อพิยดา แต่คนที่พยักหน้ากลับเป็นยายอีฟที่หลบอยู่หลังกำแพงยื่นมาแค่หน้า ได้ยินคำว่าของฟรีไม่ได้น้ำลายไหลรอล่วงหน้า
“แถมแนะนำงานถ่ายแบบให้ด้วย พิมไม่อยากมีรายได้พิเศษช่วงตั้งต้นชีวิตใหม่เหรอ อาจจะมีงานเข้ามาเยอะ เก็บเงินได้เป็นล้านๆ เหมือนตอนสมัยเรียนปริญญาตรีก็ได้ พิมจะได้มีเงินเยอะๆ ไว้กิน ไว้เที่ยว ไว้ซื้อบ้านอยู่กับพ่อแม่ไง ดีไหม”
ถ้ายายอีฟแพ้คำว่าของฟรี พิยดาน่าจะแพ้คำว่าพ่อแม่ ได้ยินทีไรใจอ่อนทุกที ในที่สุดก็ยอมส่งรอยยิ้มอ่อนหวานสุดแสนน่ารักมาให้แทนคำตอบ
“พี่รักพิมนะ” ดีใจ กระโดดกอดสุขใจที่กลับมาคืนดีกัน
“พิมก็รักพี่ออร่า รักอีฟด้วยนะ”
อีฟส่งจูบกลับมาขยับปากบอก รักเหมือนกัน
ก่อนที่พิยดาจะหันหลังให้อดีตยี่สิบสี่ปีที่ขมขื่น หล่อนออกมายืนหน้ารั้วล้อมรอบคฤหาสน์อัศวเมฆินทร์ เฝ้ามองตัวตึกขนาดใหญ่เป็นครั้งสุดท้าย จบกันสักที กับชีวิตคนรับใช้ ต่อจากนี้พิยดาจะเป็นแค่พิยดา ผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่มีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะในโลกแห่งความจริง หรือหลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝัน พิยดาก็ไม่คิดจะหวนกลับมาเยือนบ้านที่เปรียบเสมือนขุมนรกแห่งนี้อีก
“โอ๊ย! เบาๆ ขย่มแรงรถฉันพังหมดแล้ว!”
ปวดหัวกับการดูทาง ยังต้องมาหนวกหูเสียงเพลง ศิริเตือนให้เลี้ยวซ้ายแต่เกือบจะขับผ่าน จึงกดปิดเพลง ทันใดนั้นน้องๆ ก็ยื่นวงหน้าน่ารักเข้ามาโวยวาย
“พี่ออร่า! ปิดเพลงทำไม อีฟกับพี่พิมยังสนุกอยู่เลย”
“นั่นสิ พิมยังไม่ได้ร้อง ไป! ไป! ไปลงนรกซะเถอะที่รัก!”
“น้อยๆ หน่อย หูจะแตก สงสารแม่บ้าง ไป! ไป! ทีไรมือจะฟาดหน้าแม่ อินมาก ทำอย่างกับมีผัว พวกสมาคมสาวซิง คนคุยก็ไม่มี ชิ!”
“เจ้ใหญ่ใจร้าย มาว่าอีฟกับพี่พิม พี่พิมสวยขนาดนี้จะไม่มีคนคุยได้ยังไง เนอะพี่พิมคนสวย” อีฟขอแรงสนับสนุนช่วยกันโค่นล้มเจ้ใหญ่
“ถูกต้อง” พิยดานั่งแถวหลังยื่นหน้ามาเลิกคิ้วใส่เจ้าของรถ
“ทำเป็นคุย ใครล่ะ คนคุยพี่พิมคนสวยของเธอ หรือไอ้บลู แอบคบกับมันไม่บอกพวกเราใช่ไหม หรือพอคบไม่รอดเลยเนียนๆ เลิกกัน” ตั้งข้อสันนิษฐานแล้วน้องอีฟก็หลุดขำย้ายไปอยู่ข้างออร่า
“หรือว่าจะจริง พี่บลูตามจีบตั้งนานพี่พิมไม่ใจอ่อน”
“พอเลย ยอมรับก็ได้ว่าไม่มีแฟนไม่มีคนคุย แล้วจะทำไม”
“โธ่ พี่พิมคนสวยของหนู เกิดมาสวยแต่อาภัพรักไม่เคยมีแฟน แบ่งมาให้สักครึ่งก็ได้นะความสวยของพี่ อีฟจะตกผู้ชายไม่ให้รอดสักคน”
“ของอย่างนี้แบ่งกันไม่ได้หรอกนะจ๊ะน้องอีฟ เพราะพี่สวยมาตั้งแต่เกิด สวยเหมือนแม่” วงแขนเล็กตวัดกอดแขนแม่พัดชาที่บกพร่องทางการได้ยิน แม่สอดส่องสายตาพร่ามัวมองถนนหนทาง ตื่นเต้นที่หลายวันมานี้ได้ออกจากบ้านเกือบทุกวัน จากเดิมเคยอาศัยอยู่แค่ในอาณาเขตคฤหาสน์
“สวยแต่อาภัพรัก แบบนี้พี่ไม่เอา”
ออร่าเหน็บแนมรุ่นน้องสาวชนิดที่คนฟังต้องร้องซี๊ด ชะลอความเร็วรถเก๋งนำทางรถหกล้อเข้ามาในหมู่บ้านระดับไฮเอนด์
“แม่เจ้าโว้ย แกเช่าบ้านในหมู่บ้านมหาเศรษฐีเหรอยายพิม ทำไมบ้านแต่ละหลัง ถึงได้ใหญ่โตโอ่อ่าส่วนกลางกว้างขวางขนาดนี้”
“บ้านเดี่ยวอีกต่างหาก ราคาค่าเช่าไม่แพงมากเหรอพี่พิม”
“ไม่นะ เจ้าของบ้านคิดค่าเช่าเดือนละหมื่นถ้วนรวมส่วนกลางแล้ว”
“หมื่นถ้วน!” ไม่ได้ตกใจว่าแพงแต่ตกใจว่าถูกมากต่างหาก ถ้าเทียบกับทำเลที่ตั้งใกล้โรงพยาบาลเอกชน สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ประชุม ห้างสรรพสินค้า ใกล้ถึงขั้นเดินไปยังได้
“โห! คอนโดฯ ที่อีฟเช่าอยู่เล็กเท่าแมวดิ้นยังเดือนละแปดพัน เพิ่มเงินอีกนิดได้บ้านเดี่ยวในโครงการระดับนี้ เป็นอีฟ อีฟยอมจ่าย”
“นั่นสิ ราคาโคตรดี หรือโกหก จริงๆ แกแอบมีเสี่ยเลี้ยงใช่ไหม!”
“บ้าเหรอพี่ออร่า! เสี่ยที่ไหนจะมาเลี้ยง พิมควักเงินจากในกระเป๋าตัวเองล้วนๆ เจอประกาศจากหน้าเว็บไซต์ให้เช่าอสังหาฯ เจ้าของบ้านเพิ่งลงวันแรก บังเอิญพิมตาไวไปเห็น เลยขอเข้ามาดูแล้วตกลงเช่าทันที หมู่บ้านน่าอยู่ใช่ไหม ตัวบ้านก็สวยด้วยนะ พิมโชคดีจริงๆ ที่ได้เช่าบ้านหลังนี้”
“ก่อนพี่พิมจะดีใจ อีฟว่าสืบประวัติบ้านก่อนไหม หรูขนาดนี้แต่ปล่อยเช่าถูกๆ ดีไม่ดี อาจจะเคยมีคนฆ่ากันตายในบ้านก็ได้”
“มะเหงกเขกหัวเลยยายอีฟ! ปากเสีย ไปพูดให้พิมกลัว”
ไม่ติดว่ามือหมุนพวงมาลัย ออร่าจะแจกมะเหงก ใส่ยายปากไม่เป็นมงคลเสียให้เข็ด เพียงแค่อึดใจเดียวสาวๆ เดินทางมาถึงบ้านเช่าในโครงการหรู เปิดประตูรั้วออกกว้างให้รถหกล้อถอยเข้ามาก่อนพนักงานจะช่วยกันยกของลง ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ
สำรวจชั้นล่างเสร็จสาวๆ เกาะกลุ่มขึ้นมาสำรวจชั้นสอง บ้านหลังใหญ่ ใหม่ สวย เฟอร์นิเจอร์ครบ เครื่องใช้ไฟฟ้าจัดเต็ม บิ้วอินทั้งหลัง มาสเตอร์เบดรูมสวยที่สุด ถึงขั้นที่อีฟร้องว่าต่อให้มีคนตายก็ยอม!
“นี่แน่ะ ขยันพูดแต่เรื่องคนตายอยู่ได้”
ออร่าแจกมะเหงกเบาๆ บนเหม่งน้อย สายรหัสคนเล็กทำหน้าเง้างอน กลับไปกอดพิยดาที่คอยโอ๋คอยปลอบน้องสาวเสมอ
“โอ๋ คนดี มาอยู่กับพี่ก็ได้นะ พี่จะแบ่งห้องชั้นสองให้อยู่ด้วย”
“พี่รหัสหนูใจดีเหมือนนางฟ้า แต่ป้ารหัสใจร้ายเหมือนแม่มด”
“เออ จำไว้ อย่ามารบเร้าให้ป้ารหัสเลี้ยงเหล้าแล้วกัน”
“รักเจ้” พลันน้องน้อยโผล่เข้ามาประจบซบอก ออร่าหมั่นไส้ในความประจบสอพลอผลักศีรษะทิ้ง แต่อีฟเกาะแน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนจะเงยหน้ามาร่ายมนตร์ใส่ สั่งให้เลี้ยงปิ้งย่างแกล้มโซจูตามที่เคยพูดไว้ซะดีๆ
กว่าสาวๆ จะช่วยกันจัดบ้านเสร็จก็เหนื่อยจนลิ้นห้อย นอนเรียงกันหน้าโทรทัศน์ ไม่มีเรี่ยวแรงจะออกไปรับอาหารที่สั่งผ่านแอป ใช้มือผลักเกี่ยงกันไม่มีใครลุกลามปามไปใช้เท้า สาวเจ้าของบ้านเสียสละตากแดดตากลมออกมาเปิดประตูรั้ว จ๊ะเอ๋กับชายหนุ่มตัวสูงมาดเท่ เพื่อนรุ่นพี่กลุ่มเดียวกับพี่ออร่า เขายกถังไก่ทอดขึ้นสูงประกอบส่งยิ้มกว้าง พิยดาหน้าจืดเจื่อน รู้ได้ทันที ว่าเป็นแผนของออร่าที่เรียกเพื่อนชายคนสนิทมาที่นี่
“ไอ้อ๊อฟมันฝากพี่ซื้ออาหารเข้ามาให้ พี่ตั้งใจจะมาช่วยยกของ แต่มีงานด่วนแทรกเข้ามาตอนเช้า น้องพิมไม่โกรธใช่ไหม ที่พี่ไม่ได้มาช่วย”
บลูพูดถึงออร่า ชื่อแรกเริ่มพ่อแม่ตั้งให้เขียนลงในใบรายชื่อช่วงรับน้องปีหนึ่ง มาเปลี่ยนออร่าภายหลังให้เก๋ๆ มีเขาคนเดียวที่กวนฝ่าเท้าเรียกชื่อเก่า
“ไม่เป็นไรค่ะ พิมจ้างคนมาช่วยเก็บ” พิยดาไม่สบสายตา ออกตัวปฏิเสธไม่ให้เขารู้สึกผิดกับการมาสาย เพราะเดิมทีหล่อนก็ไม่ได้รอ
“พี่เข้าไปในบ้านได้ไหม ร้อนมาก ดูเหงื่อบนหน้าพี่สิ”
ผลักประตูรั้วบานสูงออกกว้างกว่าเดิม สะดุ้งตัวโยนที่เขายื่นมือมาช่วยผลักประตู กลายเป็นว่าร่างกายบอบบางถูกร่างกายของชายฉกรรจ์แนบข้างหลัง เขาไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน แค่ช่วยดึงประตูจากนั้นก็ปล่อยมือ กลับไปขับรถบิ๊กไบท์เข้ามาจอดในโรงรถ บลูตื่นเต้นไม่ใช่น้อยที่ได้เดินข้างๆ รุ่นน้องที่ตัวเองแอบชอบมานาน
“บ้านใหม่น้องพิมสวยน่าอยู่ไม่ใช่น้อย ระบบความปลอดภัยก็ดี เมื่อกี้พี่เข้ามา รปภ. ขอถ่ายรูปแลกบัตรเสียเวลาอยู่นาน พอผ่านเข้ามาได้ ก็นั่งรถตามมาดูจนน้องพิมออกมาเปิดประตูเขาถึงไป”
“ไม่รู้สิคะ เพิ่งเข้ามาอยู่วันแรก พิมไม่รู้ระบบ”
“ถือว่าดี เหมาะกับผู้หญิงที่อาศัยอยู่กับผู้สูงอายุสองคน ไอ้อ๊อฟ! รอนานไหม โทษทีที่มาช้า”
บลูส่งเสียงดังมาแต่ไกล เข้ามาแตะมือทักทายเพื่อนสนิทกับรุ่นน้องอีกคนที่สนิทกัน สองสาวนอนหมดสภาพบนพื้น น่าเกลียดมาก ไม่เหมือนอีกคนที่ทำหน้าเรียบยังน่ารัก มีสายเรียกเข้า หล่อนเดินไปคุยโทรศัพท์ทางหลังบ้าน บลูทำได้แค่มองตาม
“รอนานเป็นชาติ ไสเสลี่ยงมาเหรอถึงช้า”
ออร่าพลิกตัวหลายครั้งกว่าจะช่วยกันกับอีฟพยุงกันและกันขึ้นนั่ง ตบฝ่ามือแปะๆ ลงบนพื้นบ้านกระดิกนิ้วให้เพื่อนสนิทเอาอาหารมานั่งกินตรงนี้ไม่มีพิธีการใดๆ ทั้งสิ้น
อีฟตามแม่พัดชามากินด้วยกัน แม่กลัวผู้ชายแปลกหน้านั่งหลบหลัง พิยดากลับมานั่งข้างๆ แม่ถึงเลิกกลัว มาหยิบไก่ทอดไปกิน
“พี่ออร่า พิมยืมรถไปรับพ่อที่โรงพยาบาลได้ไหม เมื่อกี้พยาบาลที่พิมจ้างโทรมา หมอให้ออกวันนี้”
“ได้สิ เดี๋ยวพี่พาไป ให้อีฟอยู่เป็นเพื่อนแม่”
“มึงไม่ต้องอ๊อฟ อยู่บ้านไป กูขับรถให้น้องพิมดีกว่า จะได้ช่วยอุ้มคุณไกรสรขึ้นลงรถ ผู้หญิงไปกันเองสองคนอาจจะทุลักทุเลตอนอุ้มคนแก่”
สบโอกาสเหมาะ บลูเสนอตัว เขาบ้ายิ้ม เดินก็ยิ้ม นั่งก็ยิ้ม พูดก็ยิ้ม มาถึงตอนนี้ก็ยังคงส่งยิ้มให้พิยดาไม่หยุด
ออร่ากับอีฟต่างมองหน้ากัน ขนลุกจ้า เจตนาพร้อมคุกเข่าขอแต่งงานชัดเจนขนาดนี้มิน่าพิยดาไม่ยอมรับรัก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ท่านช่วยเหลือตัวเองได้พิมแค่ช่วยพยุงแขน”
“เอาแบบที่ไอ้บลูพูดก็ดีนะ พิมจะได้ไม่เหนื่อยคนเดียว” ศอกแหลมของออร่ากระทุ้งเข้าใส่สีข้างบลูที่นั่งอยู่ข้างๆ ให้มันหยุดยิ้ม คนอื่นเขากินข้าวไม่อร่อยเว้ย! ออร่าลากกระเป๋ามาค้นหากุญแจรถยนต์ส่งต่อให้บลู
“ขับให้มันดีๆ นะมึง ขูดขีดมีรอยขึ้นมา กูด่าหูแตก”
“เออ รู้แล้วน่า พูดมากชะมัดเลย” สีหน้าบลูแช่มชื่น ไม่ต้องกินอาหารก็อิ่มเพราะมีใบหน้าแสนหวานของพิยดาเป็นอาหารตา
ถึงเวลาไปจริงๆ บลูเซ็งมากที่พิยดาขอให้อีฟไปเป็นเพื่อน แทนที่จะได้อยู่ตามลำพังสองต่อสองกลับมีน้องน้อยมาเป็นมาร
ชายหนุ่มขับรถเก๋งคันเล็กออกมาทางป้อมยามหน้าหมู่บ้าน ลัดเลาะไปตามทางเดินรถสองเลน ที่มีรถหลายชนิดแล่นสวนกัน ตัดผ่านเข้าถนนเส้นหน้าบิ๊กซีซูเปอร์เซนเตอร์ไปยังโรงพยาบาลเอกชน
บลูขยันทำคะแนนเก็บของจากห้องพักฟื้นไปไว้ในรถ แจกรอยยิ้มให้คุณไกรสรที่เปลี่ยนจากชุดโรงพยาบาลมาสวมเสื้อผ้าปกติ นั่งบนวีลแชร์เงียบๆ ระหว่างรอพิยดาไปจัดการเอกสาร เคลียร์ค่าใช้จ่ายส่วนต่างจากประกัน เคลียร์เงินค่าจ้างพยาบาลพิเศษ และอื่นๆ
หล่อนหายไปกับน้องอีฟร่วมสามสิบนาที ย้อนกลับมาในห้องพักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทิ้งตัวคุกเข่าบนพื้นเอียงใบหน้าสดใสส่งยิ้มให้ชายสูงวัย
“อีกเดี๋ยวจะได้กลับบ้านแล้วนะคะ ดีใจหรือเปล่า”
แววตาคุณไกรสรเลื่อนลอยไร้จุดหมายในการมีชีวิต แต่การที่ท่านเห็นรอยยิ้มจากลูกสาวในทุกๆ วันก็ทำให้ท่านมีกำลังใจขึ้นมา จับกรอบหน้าเด็กสาวที่คอยดูแลท่านที่นอนป่วยมากว่าหนึ่งสัปดาห์ ดูแลแม่ หาบ้านใหม่ ย้ายของ ทำเองคนเดียวทั้งหมด
เด็กสาวมีจิตใจดีเสียจนท่านไม่กล้าสู้หน้า มองหน้าเด็กสาวครั้งไหน มักจะนึกย้อนไปถึงวันที่เคยตบหน้า ทุบตี และตะคอกเสียๆ หายๆ ใส่เด็กสาว รวมถึงเรื่องไม่ดีที่เคยทำไว้กับแม่ของหล่อน เด็กสาวที่ตนเองไม่เคยยอมรับว่าเป็น ลูก แต่ในวันที่ตกต่ำถึงขีดสุด กลับมีแค่หล่อนคนเดียวที่ไม่รังเกียจ พ่อ นิสัยเลวทราม
“ดีใจมาก”
“กลับบ้านกันเถอะค่ะ ป่านนี้แม่ชะเง้อคอรอเราแย่แล้ว”
พิยดาอ้อมไปด้านหลังจะเข็นวีลแชร์ แต่บลูสอดมือมาจับไว้ก่อน เป็นอีกครั้งที่มือเขาพลาดมาแตะโดนมือหล่อน พิยดารังเกียจสัมผัสจากเพศตรงข้าม ลืมตัวสะบัดมือเขาทิ้งต่อหน้าอีฟและบิดา กลบเกลื่อนด้วยการถอยออกห่าง
บลูอึ้ง ต่อมาเขาปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เข็นวีลแชร์ไปลานจอดรถทุลักทุเลอุ้มชายสูงวัยขึ้นเบาะด้านหลัง ระหว่างทางกลับบ้านก็ให้กำลังใจตัวเองว่าอยากลองอีกครั้ง ถ้าสารภาพรักแล้วพิยดาไม่รับรักเขาจะตัดใจ