ตอนที่ 5/1 หันหลังให้อดีต.

4982 คำ
“ขอโทษนะครับ พวกคุณเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นหรือเปล่า” คุณเขมราชไม่สบายใจที่ชายแปลกหน้าอุกอาจปล้นชิงทรัพย์ถึงในโรงพยาบาล ทั้งที่หากประสงค์ทรัพย์สินปล้นคนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ โรงพยาบาลแห่งนี้คนรวยมาใช้บริการเยอะ หลายคนขับรถหรู แต่งตัวดี สะพายกระเป๋าแบรนด์เนม พิยดาไม่ได้โดดเด่น สวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายสะพายกระเป๋าเกรดใช้งานได้ ไม่ปักใจเชื่อคำให้การ เข้าไปถามคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนขวางประตูพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด “ใช่ลุงเขมหรือเปล่าครับ ผมเคยเห็นในเฟซบุ๊กบ่อยๆ” ดูเหมือนว่าชายตรงหน้าจะเป็นแฟนคลับท่าน สังเกตจากรอยยิ้มกว้าง และลนลานส่งโทรศัพท์ไปให้เพื่อนที่มาด้วยกันช่วยถ่ายรูป “โชคดีจริงๆ ที่ได้เจอลุง ผมติดตามลุงทุกช่องทาง เฟซบุ๊ก ยูทูบ ลุงไปออกรายการไหนผมตามดูทั้งหมด” “โจรสองคนนั้น” เกรงว่าจะยาว ตัดบทเร่งชายหนุ่มให้ตอบ “อ๋อ สองคนนั้นน่าจะเป็นคนทวงหนี้มากกว่ามาปล้นครับลุง ผมได้ยินพวกเขาบอกน้องผู้หญิงคนนั้นให้จ่ายหนี้พนันห้าล้าน ลุงเฟี้ยวจังเลยนะครับ นอกจากจะทำงานเก่งแล้วยังขับรถเก่งอีกด้วย ถ้าลุงไม่ขับรถเบียดบิ๊กไบท์คนพวกนั้นจนล้ม น้องผู้หญิงคงไม่ได้กระเป๋าคืน” “หนี้พนันห้าล้านเชียวเหรอ แน่ใจใช่ไหมว่าได้ยินไม่ผิด” กลัวคำที่ชายหนุ่มเล่าจะเป็นเรื่องจริง แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นความจริง เพราะเมื่อก่อนเคยได้ยินข่าวว่าราเมศวร์ติดการพนันในบ่อนหลายที่ ทั้งที่ไทยและแถบชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เป็นจำนวนเงินหลายล้าน เจ้าหนี้ตามทวงไม่เว้นวัน คนเป็นพ่อมีปัญหาการเงินและมีปัญหาธุรกิจ แต่ต้องนำเงินออกมาจ่ายหนี้ให้ลูกชายเพื่อไม่ให้ลูกชายถูกทำร้ายร่างกายหรือบังคับสูญหาย ข่าวคราวเงียบหายไปทดแทนด้วยการล้มละลายของไกรสร เหตุการณ์ผ่านพ้นมาได้ไม่กี่เดือนเจ้าตัวสร้างหนี้เพิ่มจำนวนมากถึงห้าล้านเชียวเหรอ ไม่อยากเชื่อว่าชายหนุ่มที่เคยเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกจะกลายเป็นคนติดการพนันถอนตัวไม่ขึ้น ทำให้ตัวเองลำบากไม่พอยังทำให้พ่อและน้องๆ ลำบากไปด้วย พ่อป่วยหนักแถมยังถูกยึดบ้าน ไม่มีรายได้ ไม่มีที่พักอาศัย เอาตัวเองถ้าไม่รอด ยังต้องมาปวดหัวกับหนี้สินไม่จบไม่สิ้นของลูกชายคนโต หากเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไกรสรได้เครียดจนหัวใจล้มเหลวเสียชีวิตจริงๆ ก็คราวนี้ ภายในใจของท่านราวกับมีใครเอาก้อนไฟร้อนๆ ยัดเข้าไปข้างใน นับว่าเป็นโชคดีของท่านที่เลิกคบกับไกรสร หากยังคบกันมาจนถึงปัจจุบัน ลูกชายเพียงหนึ่งเดียวของท่านอาจจะไม่ได้เรื่องแบบเดียวกับราเมศวร์ โชคดีที่ลูกชายท่านไม่เหลวไหล เขาเอาการเอางาน สามารถฝากงานสำคัญให้เขาดูแลได้ “ผมอยู่ตรงนี้มาแต่ต้นได้ยินหมด แต่ไม่ได้เข้าไปช่วย ก็... ถ้าเกิดพวกนั้นมีมีดมีปืน ผมโผล่พรวดเข้าไปถูกลูกหลงแย่เลยครับ” อธิบายน้ำเสียงแก้ตัว คาดว่าน่าจะกลัวถูกตำหนิที่เห็นผู้หญิงตัวเล็กถูกทำร้ายแต่ไม่ยอมยื่นมือเข้าไปช่วย คุณเขมราชก็คิด แต่ท่านไม่ตัดสินคนอื่นจากมุมมองของตัวเองเพียงแค่คนเดียว มนุษย์ทุกคนล้วนมีความกลัวในตัวเอง “ลุงขอตัวก่อนนะ จะไปเยี่ยมลูกชาย” ใบหน้าใจดีมีรอยยิ้มเสมอ แต่แทนที่บทสนทนาจะจบลงเท่านั้น กลับกลายเป็นว่าท่านทำให้บทสนทนายาวเสียเอง เพราะอีกฝ่ายชื่นชอบลูกชายของท่านเช่นเดียวกัน “พี่รันไม่สบายเหรอครับลุง ผมต้องแจ้งกลุ่มเพื่อนให้ส่งของมาเยี่ยมไข้สักหน่อยแล้ว ผมฝากไว้กับประชาสัมพันธ์เอาขึ้นไปให้ได้ใช่ไหมครับ” ไม่ใช่แค่เขาที่แสดงอาการนั้นคนเดียว เพื่อนในกลุ่มที่มาด้วยกันต่างก็สนับสนุนความคิดเห็น เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ต่างเป็นนักลงทุนสายเดียวกัน “ด้วยความยินดี ลุงไปก่อนนะ ลุงจอดรถขวางทางนานแล้ว” คุณเขมราชมีไมตรีรับไหว้เด็กๆ แต่ก่อนจะกลับไปที่รถท่านบังเอิญเห็นกระดาษเอสี่สองใบปลิวตามแรงลมมาตกบริเวณที่ท่านยืน หยิบติดมือมาด้วย กระดาษแผ่นนั้นเป็นรายละเอียดบ้านเช่าจำนวนสองหลัง มีข้อมูลราคา แผนที่ และหมายเลขโทรศัพท์ เดิมทีท่านตั้งใจว่าจะไม่สนใจความเป็นอยู่ของคนบ้านนั้น ทว่าตอนนี้ความคิดของท่านเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ ห่วงเด็กสาวจนกังวลและเครียด เนื่องจากหล่อนคือสายเลือดแท้ๆ ของอดีตเพื่อนรัก “ลุงครับ มีกระดาษอีกแผ่น ตกอยู่ตรงนี้ รูปน้องคนนั้น” การแต่งตัวของหญิงสาวเซ็กซี่ระดับปานกลาง สวมชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงสั้น อวดสรีระ สังเกตจากฉากหลังเป็นสตูดิโอคาดว่าน่าจะเป็นรูปภาพ เมื่อครั้งที่พิยดาเคยรับงานถ่ายแบบเสื้อผ้าออนไลน์ กลับกลายเป็นว่าใบหน้าท่านเครียดกว่าเดิมหลายเท่า เป็นห่วงความปลอดภัยของหญิงสาว หากรูปภาพพวกนี้เคยผ่านสายตาเจ้าหนี้มาก่อน เจ้าหนี้ให้ความสนใจและต้องการตัวหล่อน ผู้หญิงคนเดียวจะช่วยเหลือตัวเองได้อย่างไร “กินข้าวเท่าแมวดมจะหายป่วยได้ยังไงคะ อยากหายเร็วต้องกินเยอะๆ รู้หรือเปล่า เนี่ย น้องพิมตั้งใจทำข้าวต้มปลามาให้พี่รันโดยเฉพาะเลยนะคะ ถ้าพี่รันไม่กินน้องพิมเสียใจแย่ อ้าปากค่ะ อ้า...” เสียงเจื้อยแจ้วของพิมพ์มาดาหญิงสาวที่ภรรยาหมายมั่นอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ดังไกลมาถึงหน้าประตู คุณเขมราชแง้มประตูเปิดเข้าไปสังเกตการณ์เงียบๆ ขำสีหน้าไม่รับบุญของลูกชาย ตรงกันข้ามกับใบหน้าแช่มชื่นของภรรยา ภรรยาของท่านก็แปลก ทั้งที่ลูกชายพูดชัดเจนไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ แต่ดื้อพาหญิงสาวมาเข้าใกล้ อยากโดนลูกบ่นเหรอ นักธุรกิจสูงวัยหัวเราะ เมื่อมีรัศมีสายตาข่มขู่แกมบังคับจากภรรยาส่งไปให้ลูกชาย เพื่อบังคับศรันย์ให้รับประทานอาหารที่พิมพ์มาดาตักป้อน ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้หน้าตาลูกชายท่านบึ้งตึงแค่ไหน แต่ศรันย์เบือนหน้าหนีไม่ยอมรับประทาน ได้รับสายตาข่มขู่จากมารดาก็ไม่ยอมท่าเดียว เอาแล้วไง คุณเขมราชได้กลิ่นดรามาไม่อยากให้สองแม่ลูกทะเลาะกัน ผลักประตูก้าวเข้าไปทักทายหนุ่มสาวรวมถึงภรรยา “คุณพ่อเสร็จธุระแล้วเหรอครับ เรียบร้อยดีหรือเปล่า” คนป่วยเปลี่ยนอารมณ์เร็ว ดีใจที่ไม่ต้องฝืนใจกินอาหารที่พิมพ์มาดาทำให้ ไม่ใช่ว่าอาหารของหล่อนรสชาติแย่ แต่เขาไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับหล่อน เพื่อให้ผู้ใหญ่มีความหวัง และบังคับให้เดตกับหล่อนเป็นครั้งที่สอง “เรียบร้อยแล้วลูก เป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อวานไหม” เข้ามายืนใกล้เตียงลูกชายคนเดียว วางฝ่ามือบนศีรษะตรวจสอบความร้อน อย่างเป็นห่วงเป็นใย หน้าตาลูกชายยังไม่มีสีสันแต่กำลังใจดีส่งยิ้มมาให้ “ค่อยยังชั่วแล้วครับ เมื่อกี้วัดไข้ ลดมาเหลือสามสิบแปดองศา” “สามสิบแปดเชียวเหรอ ยังถือว่าสูงอยู่นะ นอนพักเยอะๆ” “ไข้ผมสูงขนาดนี้ แต่คุณแม่ยังอุตส่าห์พาแขกมาเยี่ยม คุณพ่อช่วยบอกคุณแม่หน่อยสิครับ ถ้าเธอติดไข้จากผมจะยุ่งเอาได้” ค่อนแคะมารดาที่ช่างสรรหาหาเรื่องปวดหัวมาให้ แต่มารดาเขาดื้อมากไม่เคยยอมรับและเข้าใจอะไรทั้งสิ้น ลอยหน้าลอยตาอยู่เหนืออารมณ์เบื่อหน่ายของเขา ผู้ชายหลายคนอาจจะอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่นิสัยคล้ายแม่ตัวเอง แต่ขอออกตัวไว้ก่อนเลย เขาอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่นิสัยตรงข้ามกับท่านทุกประการ เขาไม่เหมือนพ่อที่ยอมให้แม่บงการชีวิต “จริงของพี่รัน หนูพิมไม่กลัวติดไข้เหรอจ๊ะ ถึงนั่งใกล้พี่เขานัก” “ถ้าไม่มานั่งใกล้ๆ จะป้อนอาหารพี่รันได้ยังไงคะ คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ น้องพิมสุขภาพแข็งแรงไม่ป่วยง่ายค่ะ คุณลุงรับประทานอาหารเช้ามาหรือยังคะ น้องพิมทำข้าวต้มปลาสูตรแม่นมน้องพิม รสชาติอร่อยมาก ทำมาเยอะเลยค่ะเผื่อคุณลุงคุณป้าด้วย” “ไม่เป็นไรจ้ะ ลุงกินจากบ้านมาแล้ว ขอบใจหนูมากนะจ๊ะ” “น้องพิมน่ารักนะคะคุณเขม พอรู้ว่าตารันป่วยก็มีใจอยากมาเยี่ยมอาสาทำอาหารมาให้ บอกว่ากลัวตารันจะเบื่ออาหารโรงพยาบาล หน้าตาน่ารักไม่พอยังแม่ศรีเรือนอีกด้วย ไม่ปลื้มก็ไม่รู้จะว่ายังไง” ได้ทีคุณนฤมลเชียร์พิมพ์มาดาสุดชีวิต หยิบยกข้อดีขึ้นมาพูดเผื่อว่าลูกชายจะเปลี่ยนใจกลับมาสนใจในตัวหญิงสาว ถ้าหากศรันย์เปลี่ยนใจตอนนี้ท่านว่ายังไม่สายเกินไป ส่วนเรื่องที่ลูกชายทำนิสัยเสียใส่ค่อยแก้ตัวทีหลังได้ พิมพ์มาดาเองก็ดูเหมือนว่าไม่ได้โกรธ ไม่ได้รังเกียจ ออกจะเต็มใจด้วยซ้ำหากจะมีโอกาสได้ลองคบหาดูใจกับลูกชายท่าน หล่อ รวย แรร์ไอเท็ม ผู้หญิงคนไหนกล้าเมินก็ให้รู้ไป “ใช่ค่ะ น้องพิมขออนุญาตคุณป้ามาเยี่ยมพี่รันเองค่ะ คุณป้าไม่ได้บังคับเลยนะคะ ถ้าพี่รันจะโกรธ ก็โกรธน้องพิมคนเดียว” “โธ่ น้องพิมลูก น้องพิมมีน้ำใจ พี่รันจะโกรธหนูได้ยังไง” ทำเสียงอ่อนหวานประจบเด็กสาวรุ่นลูกให้มีกำลังใจ เอาชนะใจศรันย์ให้ได้ ทำมือส่งสัญญาณให้หญิงสาวป้อนอาหารต่อ พิมพ์มาดาแสนน่ารัก จับช้อนตักข้าวต้มปลาชิ้นพอดีคำเตรียมนำไปป้อนจ่อรอที่ริมฝีปาก “พี่อิ่มแล้ว น้องพิมเอาไปเก็บเถอะ” “พี่รันเพิ่งกินไปไม่กี่คำเองนะคะ จะอิ่มได้ยังไง” พิมพ์มาดาขอความช่วยเหลือจากคุณนฤมลอีกครั้ง ไม่ลดมือข้างที่จับช้อน ยังไงก็ต้องป้อนชายหนุ่มให้ได้ตามประสาคนเอาแต่ใจ “รันก็กินหน่อยเถอะลูก จะได้หายป่วยเร็วๆ น้องอุตส่าห์มีน้ำใจทำมาให้ ถ้ากินเหลือมากๆ คนทำจะเสียใจนะจ๊ะ” เสียงสตรีวัยกลางคนหวานหยาดฟ้าเสียจนคนเป็นลูกหันไปยิงฟันใส่บิดา เทียบกับคนในตอนนั้นที่เอาไม้กวาดไล่ฟาด คนละคนกันชัดๆ “ลองชิมอีกสักคำนะคะ นะคะคนเก่ง คนดีของน้องพิม” พิมพ์มาดาออดอ้อนชายหนุ่มเสียงหวานกว่าคุณนฤมลสองเท่า แต่มันทำให้เขารู้สึกมวนท้องจนอยากจะอาเจียน ว่าพิมพ์มาดาเอาแต่ใจแล้ว คนที่เอาแต่ใจมากกว่าก็คือศรันย์ ในเมื่อเขาบอกว่าไม่กินก็คือไม่กิน ต่อให้ใครจะเอาช้อนมางัดปากเขาก็จะไม่ยอมกินเด็ดขาด เขาทำการประท้วงด้วยการเบือนหน้าไปทางอื่นไม่สนใจใครจะต่อว่าหรือไม่พอใจ “รัน” มารดาลุกลี้ลุกลนปรามเสียงเบา จะแหวใส่ลูกชายดังๆ ก็ไม่ได้กลัวจะหลุดมาดมารดาผู้แสนใจดี หญิงสาวอาจจะเป็นกังวลว่าในอนาคตหากแต่งงานเข้าบ้านท่านจะกลายเป็นแม่สามีชอบพูดเสียงดัง “ไม่ครับ บอกแล้วไงว่าผมอิ่ม ผมจะนอน ช่วยเงียบด้วยนะครับ” “ไม่นะคะ พี่รันจะนอนตอนนี้ได้ยังไง ยังกินข้าวไม่หมดเลย” “น้องพิม เอาไปเก็บก่อนก็ได้นะจ๊ะ รอพี่รันหิว ลุงจะให้เลขาฯ เขาเอาไปอุ่นไมโครเวฟให้ ยังไงพี่รันก็กินหมดแน่นอนจ้ะ” “น้องพิมอยากป้อนพี่รันนี่คะคุณลุง ไม่ได้อยากให้คนอื่นทำให้” โต้แย้งบิดาศรันย์ไม่พอ พิมพ์มาดายังทำเสียงฮึดฮัดขัดใจที่คุณเขมราชไม่เข้าข้างตนเอง กิริยานั้นไม่น่ารักเอาเสียเลย คุณเขมราชไม่ชอบแต่ไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ถอยออกจากเตียงคนป่วยไปนั่งพักบนโซฟา ภรรยาท่านนี่หนาไม่รู้ว่าถูกอกถูกใจเด็กสาวคนนี้ทำไมกันนักหนาถึงมาลูบแขนปลอบโยน “ลุกขึ้นมาทานข้าวค่ะพี่รัน ถ้าไม่ลุกขึ้นมาเองน้องพิมพยุงนะ มาค่ะน้องพิมช่วย” พิมพ์มาดาไม่ยอมหยุด สอดมือเข้าใต้แผ่นหลังแข็งแรงพยุงชายหนุ่มให้ลุกขึ้น ผู้ใหญ่สองคนต่างตกใจทักท้วงไม่ทันได้ยินเสียง ว้าย! จากหญิงสาว เสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนช้อนและถ้วยข้าวต้มปลาตกแตกบนพื้น “พี่รัน! ทำไมทำแบบนี้คะ น้องพิมอุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้” พิมพ์มาดาถอยห่างออกจากเก้าอี้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะปัดถ้วยข้าวต้มหล่นลงพื้นแตก เพล้ง ให้ทุกคนตกใจ หล่อนโวยวายเสียงแหลมที่เขาทำนิสัยไม่ดีเหมือนกับที่เคยทำมาแล้วบนเครื่องบิน ต่างกันตรงที่ครั้งนี้พ่อแม่เขาก็อยู่ตรงนี้ด้วย แต่เขายังกล้าทำอย่างนี้ถือว่าไม่ไว้หน้ากัน “พี่เคยบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอ พี่ไม่ใช่สุภาพบุรุษ! ในเมื่อพี่บอกว่าไม่กิน ก็คือไม่กิน! แต่เธอก็ยังบังคับป้อนอยู่ได้ ไม่คิดบ้างเหรอว่ามันน่ารำคาญ พี่ไม่รู้หรอกนะว่าแม่พี่พูดหรือให้ความหวังเธอยังไง แต่พี่คิดว่าพี่พูดเคลียร์ตั้งแต่วันนั้นแล้ว ว่าพี่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบเธอแม้แต่น้อย!” “รัน!” บิดามารดาเรียกเสียงดัง ศรันย์กลับแสดงทีท่าไม่แยแส เมินเฉย เพราะเขาตั้งใจทำตัวเสียมารยาทและพูดจาเสียมารยาทเพื่อตัดพิมพ์มาดาให้ขาด ไม่อยากให้หล่อนกลับเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเขาอีก “ใจร้ายที่สุด!” “พูดแบบนั้นกับน้องได้ยังไง! รอก่อนเถอะ! แม่จะกลับมาคิดบัญชี” ห้องพักฟื้นเหลือเพียงศรันย์กับบิดา รังสีความไม่พอใจแผ่ออกจากดวงตาชายสูงวัย ท่านเป็นคนที่ไม่ดุลูก ไม่บ่น ไม่จู้จี้ แต่เมื่อไรก็ตามที่บิดาดุเมื่อนั้นจะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ในใจศรันย์มีพิยดาคนเดียว ต่อให้ถูกบิดามารดาต่อว่ารุนแรงแค่ไหน เขายอม เพื่อเคลียร์ตัวเองให้มีพื้นที่ว่างสำหรับรับหล่อนเข้ามาในชีวิต “น้องพิม หยุดคุยกับป้าก่อนจ้ะ อย่าเดินหนีป้าแบบนี้” “มีอะไรต้องคุยกันอีกคะ คุณป้าก็เห็น พี่รันใจร้ายกับน้องพิมมากแค่ไหน ทั้งที่วันนี้คุณลุงคุณป้าอยู่ด้วยพี่รันยังกล้าทำถึงขนาดนี้ ลองคิดถึงเรื่องที่เกิดบนเครื่องบินสิคะ น้องพิมจะอายคนอื่นแค่ไหน” “ป้าขอโทษ ป้าจะบังคับพี่รันให้ตามไปขอโทษหนูให้ได้” “อย่าเลยค่ะ ไม่ต้องบังคับหรือฝืนใจพี่รันอีกต่อไป ขอให้เราพอกันแค่นี้นะคะ น้องพิมรู้ค่ะ คุณลุงคุณป้ามีบุญคุณกับคุณพ่อคุณแม่น้องพิม เคยให้พวกท่านหยิบยืมเงินมากอบกู้ธุรกิจครอบครัว น้องพิมขอบพระคุณมาก และอยากตอบแทนถ้าหากมีโอกาส แต่น้องพิมขอตอบแทนรูปแบบอื่นดีกว่านะคะ เรื่องความรัก ฝืนใจกันมากๆ จะไม่มีใครมีความสุข” “แต่ป้าชอบหนู อยากให้หนูมาเป็นลูกสะใภ้ป้าจริงๆ นะจ๊ะ” “ยังมีผู้หญิงอีกมากที่เหมาะสมกับพี่รันมากกว่าน้องพิมค่ะ ถ้าคุณป้าอยากให้พี่รันเจอคนที่ใช่เร็วๆ คุณป้าไม่ควรไปบังคับกะเกณฑ์พี่รันให้สนใจผู้หญิงคนไหน ปล่อยให้พี่เขาเลือกคนที่ใช่ด้วยตัวเอง น้องพิมเพิ่งสนิทกับพี่รันไม่นานยังรู้เลยค่ะ เขาเอาแต่ใจ ไม่ชอบให้ใครบังคับ” “ป้ารอไม่ไหว ถึงตอนนี้พี่รันยังไม่มีวี่แววว่าชอบใคร” “อาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณป้าคิดค่ะ พี่รันอาจมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” “เป็นไปไม่ได้หรอกจ้ะ พี่รันไม่มีคนที่ชอบ ถึงตอนนี้ป้าไม่เคยเห็นเขามีแฟนเลยสักคน ถ้าจะมีคนที่พอเป็นไปได้ คงจะเป็นคนในสนามบิน ที่น้องพิมเล่าให้ป้าฟังเมื่อวาน” “น้องพิมไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่พี่รันตามหาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอ พี่รันดูเศร้าและเสียใจมาก เขาไม่ยอมคุยกับน้องพิม ไม่ยอมมองหน้าใคร ทำหน้าตาเหมือนคนอมความทุกข์ แล้วแยกไปนั่งที่อื่น” “น่าเสียดายที่ไม่มีรูป ป้าอยากเห็นว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร น้องพิมพอจะจำรูปลักษณ์ภายนอก หรือคุ้นหน้าผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าจ๊ะ” “ไม่ค่ะ น้องพิมไม่เคยรู้จักมาก่อน ไม่น่าจะเป็นคนดัง หรือคนในแวดวงไฮโซนะคะ เธอเป็นผู้หญิงไทยตัวเล็ก สูงน้อยกว่าน้องพิม ผมยาวสีดำเงา ผิวขาว เธอสวยมากเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะเรียกสวยหรือน่ารักถึงจะถูก แต่แค่มองเห็นแวบแรกก็สวยสะดุดตา ถ้าเจอหน้ากันอีกครั้งน้องพิมก็จำได้ เป็นผู้หญิงด้วยกันยังชอบ น้องพิมว่า พี่รันต้องมีอะไรในกอไผ่กับผู้หญิงคนนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ทิ้งน้องพิม ออกวิ่งตามเธอเป็นพายุหมุน” ใจกว้างเล่ารายละเอียดหญิงสาวปริศนาให้ท่านฟังโดยไม่ปิดบัง บอกไปตามที่หล่อนเห็น ไม่ได้มีใจอิจฉาริษยามากเหมือนเมื่อวาน ที่โกรธจัดถึงขั้นโทรมาฟ้องคุณนฤมลทันทีที่ลงจากเครื่องบิน หล่อนถูกศรันย์ปฏิเสธถึงสองครั้ง พิมพ์มาดาไม่อยากสนใจเขาอีก “กว้างเกินไป บอกแบบนั้นต่อให้เจอกัน ป้าก็ไม่รู้หรอกจ้ะ” “ถ้าให้ตีวงแคบขึ้นมาหน่อยก็คงจะเป็นชื่อเล่น พี่รันเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า พิม ค่ะ น้องพิมเข้าใจว่าพี่รันเรียกน้องพิม แต่ไม่ใช่ พี่รันไม่ได้หมายถึงน้องพิม แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ชื่อพิมเหมือนกัน พอหล่อนสังเกตเห็นว่าพี่รันมีคู่ควงอยู่แล้ว หล่อนเสียใจน่าดู ถึงได้วิ่งเตลิดหนีหายไปเลย” “โธ่ ยิ่งฟังป้าก็ยิ่งอยากรู้ว่าเป็นใคร ทำไมพี่รันถึงสนใจนักหนา” “ทำไมคุณป้าไม่ลองถามที่รันดูคะ พี่เขาอาจจะบอกก็ได้” “ถามไปก็ไม่ได้ความหรอกจ้ะ ป้าจี้ถามตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่เขาไม่ยอมตอบ น้องพิมจ๊ะ เรื่องเมื่อวานกับเรื่องวันนี้ป้าขอโทษแทนพี่รันด้วยนะจ๊ะ หวังว่าน้องพิมจะไม่โกรธพี่รันจนพาลมาโกรธป้าอีกคน ถึงแม้ว่าน้องพิมจะไม่ได้มาเป็นลูกสะใภ้ตามที่ป้าหวัง แต่เรายังไปมาหาสู่กันได้เหมือนเดิมนะจ๊ะ น้องพิมมีอะไรอยากให้ป้าช่วย โทรหาป้าได้เสมอ” “ขอบคุณค่ะ” พิมพ์มาดายิ้มรับกระพุ่มมือไหว้อ่อนช้อย “คุณป้าเมตตาครอบครัวน้องพิมเสมอ น้องพิมรักและเคารพคุณป้า ยังไงก็ไม่โกรธแน่นอน เอาไว้ก่อนน้องพิมบินไปเรียนต่อเมืองนอก น้องพิมจะไปรบกวนคุณป้าเลือกเสื้อผ้าให้นะคะ ใกล้ๆ วันน้องพิมจะโทรหาคุณป้า” “ได้เลยจ้ะ น้องพิมอยากได้กี่ชุดป้าซื้อให้ทั้งหมด” “คุณป้าน่ารัก ใจดีที่สุดเลย ลาตรงนี้นะคะ สวัสดีค่ะ” “ขับรถกลับบ้านดีๆ นะจ๊ะ” ยืนส่งจนกระทั่งหล่อนห่างออกไปไกล ถอนหายใจ เสียดายแทนลูกชายเหลือเกินที่ไม่ยอมคบกับผู้หญิงชาติตระกูลดีอย่างพิมพ์มาดา ชาตินี้ท่านจะมีหวังได้อุ้มหลานหรือเปล่านะ น่าอิจฉาคุณนายแขไขเสียจริงที่เฟื่องลดา ลูกสะใภ้มีหลานให้อุ้มถึงสองคน แถมยังเป็นผู้ชายล้วน หน้าตาน่ารักกันหมด ได้ยินทางนั้นคุยโวโอ้อวดอยากจะมีหลานเพิ่มอีกหนึ่งถึงสองคนให้บ้านใหญ่ขึ้น ทำให้ท่านรู้สึกอิจฉาไปกันใหญ่ ถ้าที่บ้านของท่านมีหลานมาวิ่งเล่น เยอะๆ ก็คงดี ขณะที่คุณนฤมลจะกลับไปยังโถงลิฟต์ บังเอิญเหลือบสายตาไปเห็นคู่แม่ลูกเดินกอดแขนกันออกมาจากห้องแห่งหนึ่งไปยื่นกระดาษบางอย่างให้เภสัชกร พิยดากับพัดชาเดินขาลากราวกับเจ็บ แต่เพราะคนทั้งคู่ใส่กางเกงขายาวท่านจึงมองไม่เห็นว่าท่อนขามีบาดแผลหรือเปล่า “พี่รันเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า พิม ค่ะ น้องพิมเข้าใจว่าพี่รันเรียก แต่ไม่ใช่ค่ะ พี่รันไม่ได้หมายถึงน้องพิม แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ชื่อพิมเหมือนกัน” น้ำเสียงสงสัยใคร่รู้ของพิมพ์มาดาแว่วเข้ามาในโสตประสาท พิยดาเพิ่งกลับเมืองไทยเวลาไล่เลี่ยกับไฟล์ทของศรันย์ และชื่อเล่นหล่อนก็พิมเหมือนกัน อะไรจะบังเอิญปานนี้ คงไม่ใช่หรอกมั้ง คิดอะไรไม่เข้าท่า ลูกชายท่านน่ะเหรอ จะสนใจเด็กคนนั้นที่เป็นแค่คนรับใช้ “รัน ลุกขึ้นมาคุยกับแม่!” กลับมาถึงห้อง คุณนฤมลเข้าไปเขย่าลูกชายให้ตื่น ลูกชายตัวดีไม่เดือดร้อนกรอกสายตามามองเพียงเสี้ยววินาทีเบือนไปทางอื่น กิริยานั้นทำให้คุณนฤมลโกรธลูกชายจนอยากตี “แม่ไม่เคยสอนรันให้ทำตัวเสียมารยาทกับผู้หญิง รันด่าน้องไม่พอยังปัดถ้วยอาหารใส่น้อง คุณเขมไม่ต้องมาขัดนะคะ ไม่ต้องเข้าข้างลูกอีกต่อไป ตามใจกันมากๆ ระวังจะเสียคนเหมือนลูกชายบ้านนั้น!” “คุณแม่เลิกพูดถึงไอ้เมศสักทีเถอะ อยากให้ผมโกรธจนเส้นเลือดในสมองแตกตายหรือไง ถึงขยันหาเรื่องเครียดมาให้ผมนัก” ศรันย์ได้นิสัยเอาแต่ใจมาจากมารดา ตะคอกดังเท่ากัน เวลาโกรธหรือไม่พอใจครั้งไหนมารดามักพูดโยงไปถึงลูกชายบ้านอัศวเมฆินทร์เสมอ เขาไม่รู้ว่าท่านพูดสนุกปากตัวเอง หรือมีจุดประสงค์อะไร ทั้งที่ท่านรู้ว่าเขาเกลียดมันเข้าไส้ ราเมศว์ ไอ้เพื่อนชั่วที่มันเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวเขาฆ่าตัวตาย! “รันคิดว่าแม่อยากพูดถึงนักเหรอ! แต่ที่แม่ต้องพูด ก็เพราะนิสัยรันใกล้จะเหมือนนายคนนั้นมากขึ้นทุกที! กับคนในบ้านมันยังกล้าตบตี แล้วดูรันตอนนี้ สิ่งที่รันทำกับน้องพิมมันต่างกันตรงไหน จุดเริ่มต้นของการทำร้ายร่างกายคนในบ้าน ก็มาจากอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ขว้างปาข้าวของใส่เวลาไม่พอใจอย่างนี้นี่แหละ! แม่พูดถูก หรือเงียบ เพราะแค่ขี้เกียจเถียง!” ศรันย์ใจหาย เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าพักหลังมานี้เขาอารมณ์ร้อน ชอบทำอะไรโดยไม่คำนึกถึงจิตใจคนอื่น เขาไม่อยากเป็นเหมือนราเมศวร์ เขาอยากเป็นคนที่นิสัยดีมากกว่านั้น ศรันย์ได้สติ เขารีบขอโทษบุพการีที่ทำให้ท่านทั้งสองผิดหวัง “ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอีก” “นิสัยคนเราแก้ได้นะลูก แต่ถ้ามันฝังรากลึกลงไปเป็นสันดาน ไม่มีทางแก้ได้ง่ายๆ แม่พูด เพราะแม่ไม่อยากให้ลูกกลายเป็นปีศาจ ยิ่งกับผู้หญิง จะเบื่อ จะรำคาญแค่ไหน รันต้องพูดให้ดีกว่านี้ วันข้างหน้ารันจะต้องขึ้นมานั่งแทนที่คุณพ่อ ต้องมีครอบครัว มีภรรยา มีลูก รันอยากทำพฤติกรรมแบบนี้ต่อหน้าคนเหล่านั้นเหรอ ลองเก็บไปคิดทบทวนให้ดี” “ผมจะไม่ทำอีกครับคุณแม่ ผมสาบานเลยก็ได้ แต่ผมขอร้องได้ไหม คุณแม่อย่าพาใครต่อใครเข้ามาในชีวิตผม มันทำให้ผมรู้สึกเครียด ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงที่คุณแม่หามาให้ อนุญาตให้ผมตัดสินใจเองได้ไหมครับ” “เครียด? แค่แม่แนะนำผู้หญิงดีๆ ให้รู้จัก แค่นี้รันก็เครียดงั้นเหรอ ที่แม่ทำไปทั้งหมดเพราะรักและเป็นห่วง อยากให้รันแต่งงานมีครอบครัว อนาคตข้างหน้าไม่มีพ่อแม่อยู่ตรงนี้ รันจะได้ไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียว!” “คุณมล ลูกพูดกับคุณด้วยเหตุผล คุณต้องฟังลูก ไม่ใช่จะให้ลูกทำตามใจคุณอย่างเดียว” “มลหวังดีกับลูก!” คุณนฤมลโต้สามี เบือนหน้ากลับไปมองใบหน้าซีดของลูกชาย “ก็ได้! ในเมื่อความหวังดีของแม่ กลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับรัน ต่อไปแม่จะไม่บังคับ ไม่ฝืนใจรันให้ทำความรู้จักกับใครอีก คอยดูเถอะ วันไหนเหลือตัวคนเดียว รันจะเข้าใจว่าทำไมแม่ถึงทำอย่างนี้” “ผมไม่เคยรำคาญคุณแม่นะครับ แต่ที่ผมไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนที่คุณพ่อคุณแม่แนะนำให้รู้จัก เพราะผมอยากทำตามใจตัวเอง ไม่อยากทำตามความต้องการคุณพ่อคุณแม่ ผมอยากคบ อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรัก ผมอยากเป็นเหมือนคุณพ่อ ที่มีคุณแม่อยู่ข้างๆ รักกันด้วยใจจริง” ดื้อมากแค่ไหน แต่ศรันย์ไม่เคยอยากให้มารดาร้องไห้ น้ำตาท่านทำให้ศรันย์เป็นทุกข์ ฝืนสังขารขึ้นนั่งบนเตียงทอดสายตาอ่อนโยนมองท่าน “แม่รับฟังรันเสมอ ไม่ว่ารันจะรักใครแม่ตามใจรันทั้งนั้น แต่จนถึงตอนนี้รันไม่ยอมคบใครสักคน แล้วจะไม่ให้แม่เป็นห่วงได้ยังไง หรือรันมีคนที่รักอยู่แล้ว รันบอกแม่มาตามตรงสิลูก ผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม คนที่รันเจอในสนามบินตอนอยู่ลอนดอน แม่รู้จากคำบอกเล่าของน้องพิมหมดแล้ว” “ถ้ารันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว รันบอกพ่อแม่ได้เลยลูก พ่อแม่ยินดีสนับสนุนลูก อะไรที่ทำให้ลูกมีความสุข ลูกไม่ควรจะปิดบังพ่อแม่” คุณเขมราชสนับสนุนลูกชายให้เปิดใจคุยกัน “ผมยังไม่พร้อมบอกคุณพ่อคุณแม่ตอนนี้ แต่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจไม่ผิดหรอกครับ ผมชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆ แล้วก็ชอบเธอมานานเกือบสิบปี เราเคยคบกันมาก่อน แต่ผมเอง... ที่เป็นฝ่ายทิ้งเธอ” “ไม่เป็นไร เลิกแล้วก็จีบใหม่ได้ มัวแต่รอรีเมื่อไหร่จะสมหวัง” นับเป็นครั้งแรกที่ลูกชายตัวแสบยอมเปิดใจเล่าถึงความลับที่เก็บไว้ในใจ น้ำตาที่เคยไหลอันตรธานหายไปอย่างเร็ว ท่านเคลื่อนย้ายตัวจากข้างสามีกลับไปหาลูกชาย ลูบศีรษะลูกเบาๆ ผมเส้นไหนชี้ฟูไม่น่าดูก็ช่วยจัดให้เรียบไปกับศีรษะ ตารันมันกวนตีนแม่ เอนศีรษะออกห่าง มองแม่ตาขวาง แม่มลคนดีโอบลูกกลับมาสวมกอด ทำท่าทาง รักกันๆ เหมือนไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง “กับคนนี้ รักจริงหวังแต่ง พร้อมปั๊มหลานให้แม่เลยใช่ไหม อยากให้แม่ช่วยง้อไหม แม่ตีสนิทคนเก่งมากเลยนะ รับรองว่าภายในสัปดาห์เดียวตีสนิทกับพ่อแม่ฝ่ายนั้นได้สบาย ส่วนแม่หนูคนนั้น ไม่ต้องห่วง แม่จะทุ่มไม่อั้น ดูลูกชายของแม่สิจ๊ะ ป่วยก็ยังหล่อลากไส้ ผู้หญิงคนไหนจะกล้าปฏิเสธ” “ไม่เอาครับ บอกแล้วไงว่าผมยังไม่พร้อม เพราะรู้ว่าแม่จะทำแบบนี้ ผมถึงไม่กล้าบอก เกิดเธออึดอัดแล้วไม่คุยกับผมอีกเลย ผมจะทำยังไงครับ ถ้าพลาดจากคนนี้ ผมไม่อยากแต่งงานกับใครอีกแล้ว” “โอ๋ แม่ยอมรอสักหน่อยก็ได้จ้ะ แต่รันบอกแม่ได้ไหมจ๊ะ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ไปทำอะไรที่อังกฤษ ท่องเที่ยว เรียนต่อ หรือทำงาน แต่แม่ไม่ถามแล้วดีกว่า แม่เชื่อมั่นในสายตาลูกชายคนดีของแม่” “คุณแม่ครับ ถ้าผู้หญิงที่ผมรักไม่ได้เรียนจบเมืองนอก ไม่ได้มาจากครอบครัวมีฐานะ เป็นแค่คนธรรมดา แค่พอมีพอกิน คุณแม่จะรังเกียจ จะไม่อนุญาตให้ผมคบเธอหรือเปล่า” “คุณเขม ฟังลูกถามมลสิคะ ในฐานะแม่ ควรตอบยังไงดีนะ” ยิ้มสลับหัวเราะมีความสุขมากที่สุดในรอบกี่เดือนไม่ทราบ เอียงใบหน้างามตามวัยไปทางสามีที่ใจดีถึงขั้นตามมาสมทบที่ข้างเตียงลูกชาย วงแขนกว้างยกขึ้นโอบไหล่ลูกชายและไหล่ท่านกอดกันสามพ่อแม่ลูก “พ่อกับแม่อยู่ข้างลูกเสมอ ลูกรักใคร พ่อกับแม่ก็จะรักคนนั้น” “รันอย่าใส่ใจบางคำพูดของแม่เลยนะลูก บางครั้งแม่ก็พูดมาก เล่นใหญ่เกินไป แต่ใจจริงแล้ว แม่ไม่เคยสนใจฐานะหรือชาติตระกูล ตัวแม่เองก็เป็นแค่เด็กบ้านสวน ช่างเย็บผ้าธรรมดา ที่มีโอกาสได้แต่งงานกับคุณพ่อ แม่ถึงได้มีชีวิตสุขสบาย มีบริษัทใหญ่โต ถ้ารันรักและพร้อมจะสนับสนุนผู้หญิงคนนั้น แม่เชื่อว่าอนาคตข้างหน้า ผู้หญิงที่รันรักจะเติบโตและเก่งเหมือนแม่” “ขอบคุณครับ ผมไม่เคยสบายใจมากเท่าวันนี้มาก่อน” คิดถึงพิยดาในวัยเดียวกับมารดา ศรันย์เห็นภาพหญิงสาวประสบความสำเร็จในหลายด้าน ทั้งหน้าที่การงาน สุขภาพ และครอบครัว ทุกที่ที่หล่อนไปจะมีเขาคอยเดินตามต้อยๆ เป็นทาสเมียตลอดไป เหมือนคุณพ่อที่ตามติดคุณแม่เป็นเงา ศรันย์โอบกอดท่านทั้งสอง เขารักคุณพ่อคุณแม่ที่สุด “อ้อนพ่อแม่ก็เป็น นอนพักเยอะๆ นะลูก จะได้มีแรงไปง้อสาว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม