ตอนที่6|| ข้าก็แค่สตรีสีเทาผู้หนึ่ง

1928 คำ
ตอนที่6|| ข้าก็แค่สตรีสีเทาผู้หนึ่ง หากแต่พอหลี่หมิ่นถังทราบเรื่องก็โกรธจนลมออกหูเป็นครั้งแรกในชีวิตด้วยหญิงสาวไม่คิดว่าคนเช่นเย่จื่อเฉินนั้นจะหน้าด้านหน้าทนถึงเพียงนี้ เป็นบุรุษที่เห็นแก่ตัวไม่พอยังหน้าหนานางอยากหย่ากลับไม่ยอมหย่ายังคิดจะเล่นลูกไม้บัดซบกับนางอีกเป็นแน่ คราวแรกนางก็คิดจะปฏิเสธออกไปไม่อยากเจรจาอะไรด้วยทั้งสิ้นเพราะรู้สึกรังเกียจเขาขึ้นมาเพิ่มอีกหลายส่วน หากแต่คิดไปคิดมา หากว่านางยังไม่ยอมพบหน้ากับเขาเกรงว่าเย่จื่อเฉินจะคิดเข้าข้างตนเองไปกันใหญ่ว่านางแค่พูดเรื่องหย่าออกไปแค่ตั้งใจประชดประชันไม่ได้คิดจะหย่าขาดจากเขาจริงๆ และที่ตนเองกลับเสียนหยางก็เพียงรอเวลาให้เขามาง้องอนสักหน่อยก็จะให้อภัยพร้อมกับยินดีคืนกลับไปอยู่กับเขาเช่นเดิม เพราะขนาดบิดาของนางยังไม่แน่ใจ ดังนั้นมีแต่นางยอมพบเขาแล้วเจรจากันต่อหน้าแล้วกล่าวออกไปอีกครั้งอย่างแน่วแน่ว่านางต้องการหย่าขาดจากเขาจริงแท้ไม่มีล้อเล่นเขาจะได้รู้แจ้งเสียที ที่นางจากมาและส่งบิดาไปพร้อมกับหนังสือหย่านั้นล้วนจริงใจ "ผิงเซียงเจ้าไปแจ้งกับคนของติ้งอันโหวว่าอีกสามวันให้เขาไปพบกับข้าที่ฟางอิ๋นโหรวส่วนเวลาก็เป็น...ต้นยามอู่ก็แล้วกัน" หลี่หมิ่นถังให้สาวใช้คนสนิทแจ้งไปยังคนสนิทข้างกายของเย่จื่อเฉินว่านางยินดีจะพบกับเขาในวันมะรืนนี้ เพราะนางอยากจบความสัมพันธ์แสนจะอึดอัดนี้ไปโดยเร็ว ยื้อเอาไว้นางนี่แหละที่จะเสียหายกับเสียเวลาเพิ่มขึ้น สำหรับบุรุษเช่นเขาสี่ปีนับว่าพอแล้วจริงๆ "เหตุใดจึงนัดพบกับเย่จื่อเฉินที่ฟางอิ๋นโหรวเล่าถังถัง" เหล่าฮูหยินหลี่ได้ฟังคำสั่งของหลานสาวคนรองเช่นนั้นก็แปลกใจยิ่งนัก "นั่นสิเสี่ยวถัง"หลี่ฮูหยินเองก็สงสัยเช่นกันว่าเหตุใดบุตรสาวจึงไม่นัดเย่จื่อเฉินมาพบกันที่จวนสกุลหลี่แต่กลับนัดไปพบที่เหลาอาหารมีชื่อเสียงในเสียนหยางแทน "นั่นสิเสี่ยวถังถังเหตุใดจึงไม่ไปพบเขาที่จวนติ้งอันโหว มิเช่นนั้นก็เป็นจวนหลี่ของพวกเราก็ได้นี่หากเจ้าไม่สะดวกใจจะไปเหยียบจวนติ้งอันโหวอีก" เสนาบดีหลี่เองก็ส่งสัยไม่ต่างจากมารดาและภรรยาของเขาเช่นกัน "ท่านพ่อเข้าใจถูกแล้วเจ้าค่ะ หมิ่นถังไม่สะดวกใจจะไปเหยียบจวนติ้งอันโหวจริงๆ และก็เป็นเหตุผลเดียวกันที่หมิ่นถังไม่เชิญเย่จื่อเฉินมาที่จวนหลี่ของพวกเรา หมิ่นถังไม่สะดวกใจ ไม่ยินดีให้คนเช่นนั้นมาทำพื้นดินของสกุลหลี่แปดเปื้อนเจ้าค่ะ ดังนั้นนัดพบกันที่ฟางอิ๋นโหรวนับว่าเหมาะสมแล้ว" รังเกียจ!? ไม่รู้ตั้งแต่ยามใดที่หลี่หมิ่นถังรู้สึกว่าเย่จื่อเฉินน่ารังเกียจ ความเห็นแก่ตัวของเขาทำให้นางนึกรังเกียจแต่ไม่ถึงกับชิงชังซึ่งพอนางรู้ใจตนเองแน่ชัดก็ให้พลันตกใจยิ่ง ที่แท้ในใจของนางความรักที่เคยมีให้กับบุรุษผู้นั้นมันจืดจางไปตั้งแต่ยามใดกันเล่า? ที่เหลือจึงกลายเป็นเพียงรู้สึกว่าเขาน่ารังเกียจ เหตุใดนางจึงไม่ทันรู้ตัวเลยเช่นนี้?!… "ถังถังนี่เจ้า…" หลี่ฮูหยินไม่คิดหรือจะกล่าวให้ถูกก็คือนางคิดไม่ถึงเลยว่าบุตรสาวของตนเองจะมีแววตาขยะแขยงยามที่เอ่ยถึงเย่จื่อเฉินเช่นนี้ ตลอดสี่ปีบุตรสาวคนนี้ต้องเผชิญอันใดมาบ้างจากที่รักใคร่จนไม่ลืมหูลืมตาจนเปลี่ยนไปเป็นรังเกียจได้ แต่ถามไปคาดว่าหลี่หมิ่นถังคงไม่คิดจะบอกเล่าให้นางกับสามีและมารดาของสามีได้เจ็บปวดย้อนหลังเป็นแน่ "ไม่รู้เช่นกันท่านแม่ ท่านพ่อ ท่านย่า ไม่รู้ตั้งแต่ยามใดที่หมิ่นถังรู้สึกรังเกียจเย่จื่อเฉิน หากหมิ่นถังไม่ได้กลับมาอยู่ที่จวนหลี่และทบทวนตนเองก็ไม่แน่ว่าหมิ่นถังจะรู้สึกตนได้เร็วเช่นนี้ มันน่าตกใจจริงๆ นะเจ้าค่ะ" เรื่องเหล่านี้หลี่หมิ่นถังไม่คิดจะปกปิดบิดากับมารดาและท่านย่าของนางอยู่แล้ว ความรู้สึกของนาง กับคนในครอบครัว หลี่หมิ่นถังไม่เคยมีความลับกับทั้งสามคนนี้ อดีตไม่มี วันนี้ก็ยังไม่มี ส่วนต่อไปนางก็แน่ใจว่าตนเองจะไม่มีความลับกับทั้งสามคนตรงหน้านี้เช่นกัน ส่วนที่นางไปลำบากและถูกคนสกุลเย่เอาเปรียบหลี่หมิ่นถังเลือกจะไม่พูดเพราะรู้ดีคนที่นางรักทั้งสามหากทราบก็จะเสียใจย้อนหลังดังนั้นแล้วก็ให้มันแล้วกันไปนางเก็บมันเอาไว้เตือนใจตนเองก็พอ "อาจจะเริ่มตั้งแต่วันที่เขากลับจากเป่ยฉีพร้อมกับฉิงอี้เหนียงแล้วก็เป็นไปได้ มันอาจเริ่มนับตั้งแต่ยามนั้นเป็นต้นมา และเพิ่มมากขึ้นทุกครั้งที่เขารับสตรีมาเติมเรือนหลัง" คงเป็นในยามนั้น เป็นในยามที่นางคาดหวังและรอคอยเขาด้วยใจที่ภักดีแต่เย่จื่อเฉินนั้นกลับพาสตรีอีกคนมาแล้วบอกกับนางว่าคือภรรยาอีกคน ถึงจะเป็นเพียงอี้เหนียงแต่สตรีผู้นั้นกลับดูมีค่ามากกว่านางที่เป็นฮูหยินเอก ซึ่งเป็นภรรยาที่แต่งเข้าจวนของเขาอย่างเอิกเกริกเสียอีก เย่จื่อเฉินดูใส่ใจฉิงซวงเอ๋อร์มากกว่านาง ในทุกวันเขาคอยไปไต่ถามฉิงซวงเอ๋อร์ว่าอาหารการกินเป็นอย่างไร อาภรณ์ที่นางมอบให้สวมสบายหรือไม่ ถึงนางไม่เคยพูด ทว่านางรับรู้และภายในใจมันเจ็บมันจุกเสียดมาโดยตลอด เขาไม่เคยรักนางแต่กลับผูกนางเอาไว้ด้วยสัญญาว่าจะกลับมาชดเชยให้ แต่สัญญาปากเปล่าที่นางได้กลับมาจึงมีแต่ความว่างเปล่าเช่นกัน ดังนั้นพอเย่จื่อเฉินจะรับอนุภรรยาเพิ่มนางจึงโมโหจนหน้ามืดไปหมด จนโต้เถียงกับเหล่าฮูหลินเย่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่สุดท้ายนางก็เลือกจะเดินจากมาเพราะหากอยู่ต่ออีกเพียงนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น นางคงได้ลงไม้ลงมือไม่กับเย่จื่อเฉินหรือไม่ก็คงเป็นมารดาของเขาเป็นแน่ นางรู้ตัวเองดีนางเองก็ไม่ใช่สตรีใจเย็นดังภาพที่คนภายนอกเห็นสักหน่อย หลี่หมิ่นถังมิใช่คนดี... เรื่องนี้นอกจากคนใกล้ตัวก็น้อยนักที่จะทราบเพราะนางเลือกที่จะเป็นคนดีกับคนที่นางรักก็เท่านั้น ส่วนคนที่ไม่คิดดีและทำร้ายนางใครมันจะก้มหน้าทำดีด้วยได้นาน นางเองก็เป็นเพียงมนุษย์ปกติธรรมดาผู้หนึ่งและคนปกติทั่วไปจะเป็นคนดีและขาวผุดผ่องทั้งหมดไปได้เช่นไร นางเองก็เป็นสตรีสีเทาเท่านั้นเพียงแต่นางแค่เลือกที่จะเปิดเผยร่างที่เป็นเทพเซียนกับคนที่รัก หากคนที่ทำร้ายก็มักได้พบร่างนางมารของนางเช่นกัน และเย่จื่อเฉินกับครอบครัวของเขาและพี่สาวของนางกำลังบีบคั้นให้หลี่หมิ่นถังผู้นี้เปิดเผยร่างนางมารออกมาเสียแล้ว ได้... ในเมื่อเป็นเทพธิดาให้แล้วคนพวกนั้นไม่พึงใจ นางจะเป็นนางมารให้พวกเขาได้ยลโฉมสักหน่อยก็ไม่นับว่านางลำบากเกินไปอันใด เป็นคนชั่วง่ายเสียยิ่งกว่าเป็นดีมากนัก "ท่านย่าภูมิใจนะเสี่ยวถัง ภูมิใจที่เจ้าเป็นเช่นนี้" เหล่าฮูหยินหลี่เอ่ยออกมาจากใจเพราะนับจากหลานสาวคนนี้ของนางแต่งงานออกไป หลี่หมิ่นถังก็ทุ่มเททำทุกสิ่งอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นฐานะของภรรยา ฐานะลูกสะใภ้ หรือฐานะของนายหญิง แต่เมื่อทำจนเต็มที่แล้วได้เพียงความเจ็บช้ำ หลานสาวของนางก็กล้าที่ปล่อยมือแล้วก้าวออกมาจากความทุกข์เหล่านั้นในทันที นี่จึงนับว่าไม่เสียแรงเปล่าที่สั่งสอนมาจนโต "ใช่ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ภูมิใจในตัวของเจ้านะเสี่ยวถังถัง" หลี่ฮูหยินกล่าวสำทับออกไป บุตรสาวที่เติบโตแล้วทั้งสองถึงนางจะรักเท่ากันไม่ว่าจะเป็นหลี่เหม่ยหลินและหลี่หมิ่นถัง แต่มักจะเป็นหลี่หมิ่นถังที่ทำให้นางกับสามีและมารดาของสามีภูมิใจ โตเป็นผู้ใหญ่มากกว่าบุตรสาวคนโตของนางมากนักหลี่เหม่ยหลินค่อนไปทางเห็นแก่ตัวไม่ค่อยจะสนใจพี่น้อง "จริงสิแล้ววันที่ไปพบเย่จื่อเฉินเจ้าจะให้ท่านพ่อไปเป็นเพื่อนหรือไม่" เพราะในใจของใต้เท้าหลี่นั้นแอบกังวล ด้วยรู้สึกว่าเย่จื่อเฉินนั้นคล้ายจะไม่ยอมปล่อยมือจากบุตรสาวคนรองของตนเองง่ายๆ เรียกว่าเป็นบุรุษที่เห็นแก่ตัวอย่างถึงแก่นเลยทีเดียว คนพี่ที่รักก็จะคว้ามาครอบครองคนน้องที่มากไปด้วยผลประโยชน์เย่จื่อเฉินก็จะเก็บเอาไว้ไม่ยอมให้หลุดมือมันช่างเป็นบุรุษต่ำช้าจริงๆ "ไปสิเจ้าค่ะ หรือหากท่านพ่อมิอาจไปด้วยได้หมิ่นถังก็ขอคนคุ้มกันมากฝีมือสักหลายคนหน่อยให้แฝงกายเข้าไปในฟางอิ๋นโหรวด้วยก็ได้เจ้าค่ะ" เพราะบิดาของนางเองมีงานราชการเช่นกันอีกสามวันนางนัดเย่จื่อเฉินในเวลาต้นยามอู่คาดว่าบิดาอาจยากจะตามไปด้วยได้นั่นเอง แต่คนคุ้มกันของบิดาของนางเองก็พอจะมีฝีมืออยู่มาก บิดาไม่ไปมีคนของบิดาไปนางก็อุ่นใจแล้ว เหตุใดนางต้องระวังตนเองขนาดนี้นะหรือ? ก็เพราะอยู่กับจวนติ้งอันโหวมานานขนาดนั้นสันดานของใครเป็นอย่างไรนางย่อมทราบดีที่เดียวไม่ว่าจะเป็นมารดาของสามีหรือน้องชายน้องสาวและตัวของเย่จื่อเฉินเอง คนทั้งหมดเป็นพวกใจคอคับแคบ เห็นแก่ตัว ผลประโยชน์มาก่อนเหตุผลและความถูกต้องเสมอ ดังนั้นหากคนเหล่านั้นทราบว่าบัดนี้จวนติ้งอันโหวกำลังจะสูญเสียบ่อเงินบ่อทองเช่นนางไปจริงๆ หากเจรจาแล้วไม่เป็นผลก็คงใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกหนทางเป็นแน่ "ดีแล้วที่เจ้ารอบคอบ" เหล่าฮูหยินหลี่ชื่นชมหลานสาวคนรองจากใจ ไม่เสียแรงที่นางเลี้ยงดูหลี่หมิ่นถังมากับมือ ผิดกับหลี่เหม่ยหลิน หลานสาวคนโตของนางมักดื้อด้านและเอาแต่ใจ ทว่าอย่างไรก็เป็นหลานสาวของนางเช่นกัน ก็ได้แต่คาดหวังว่าสุดท้ายแล้วหลี่เหม่ยหลินจะคิดได้แล้วกลับจวนสกุลหลี่มาในสักวัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม