ตอนที่5||ที่ใดจะสุขใจเท่าบ้านเรา
พอคิดตกและตัดสินใจจนแน่วแน่วันนั้นหลี่หมิ่นถังจึงเซซังออกจากจวนติ้งอันโหวตรงกลับเมืองเสียนหยางบ้านเดิมสกุลหลี่มาราวกับคนบาดเจ็บสาหัสใกล้สิ้นใจ แต่กลับไม่มีน้ำตาสักเพียงหยดเดียวตลอดการเดินทางสามชั่วยาม เพราะนางคิดตกแล้วว่าน้ำตาของตนเองสูงค่าราวกับไข่มุกเช่นนั้นจะมาเสียมันให้กับคนเช่นเย่จื่อเฉินนางคิดว่าไม่คู่ควร ที่เสียมาตลอดเกือบสี่ปีนับว่ามากพอแล้ว
ยังดีที่นางยังมีท่านแม่ ท่านย่า ท่านพ่อและน้องชายกับน้องสาว นางยังมีคนในครอบครัวและบ่าวไพร่ที่จริงใจห่วงใยนางอย่างแท้จริงรออยู่ที่จวนสกุลหลี่ หนังสือหย่านางส่งไปแล้วหลังจากกลับถึงจวนสกุลหลี่ได้หนึ่งวัน ส่งไปโดยบิดาของนางเอง
แต่ทางฝ่ายนั้นกลับดึงดันไม่ยอมลงนาม ทว่าเรื่องนี้หลี่หมิ่นถังยังไม่รีบร้อน นางอยากขอเวลาเยียวยาจิตใจตนเองให้กล้าแกร่งเสียก่อนเพราะเจ็บในคราวนี้นางบาดเจ็บสาหัสนักเหลือเกิน
นางบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ...
แต่มิใช่ทางกายที่ได้บาดแผลยับเยินมา ทว่าเป็นทางใจ สินเดิมของนางหมดไปนานแล้วจึงมิได้นำกลับมาด้วย แต่กิจการของนางเองก็มีไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นกิจการร้านขายข้าวสารฝูเล่อที่มีอีกสาขาในเมืองเสียนหยาง ส่วนที่เทียนตูนางก็เปลี่ยนมาเป็นชื่อของตนเองได้หลายเดือนแล้ว รวมถึงที่ดินอีกกว่าพันไร่ที่แต่เดิมเป็นของติ้งอันโหว ทว่านางเป็นคนไถ่ถอนมาทั้งสิ้นและนางก็ไม่ได้โง่เขลาขนาดที่จะไม่เอาส่วนใหญ่มาเป็นชื่อของตนเองดังนั้นนางจึงไม่กังวล
ส่วนกิจการและที่ดินของทางจวนติ้งอันโหวที่ยังเหลืออยู่เพียงหนึ่งในสามส่วนจากนี้จะเป็นอย่างไรขาดทุนหรือทำกำไรจะรกร้างกลับไปเป็นดังเดิมหลี่หมิ่นถังล้วนมิใส่ใจ เพราะนางถือว่าตัดขาดไปแล้วก็คือตัดขาดเลยไม่สนใจอีกแล้วที่ยังติดค้างสำหรับนางกับเย่จื่อเฉินก็ให้เหลือเพียงหนังสือหย่าเท่านั้น ยามใดเขาลงนามก็นับว่าสิ้นวาสนาจากกันอย่างแท้จริงไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไปในชาตินี้ไม่ว่าจะฐานะใด
"ไม่เป็นอันใดนะถังถัง ชีวิตคนเราเริ่มใหม่ได้เสมอ"
ยังคงเป็นท่านย่าที่เข้าใจนางที่สุด และยังมีบิดากับมารดาที่พร้อมจะโอบกอดนางอย่างจริงใจดังนั้นอีกเจ็ดวันต่อมาหลี่หมิ่นถังจึงลุกขึ้นมาใช้ชีวิตปกติได้ดังเดิม กลับมากินข้าวอร่อย และยังคงมีสมองที่แจ่มใสพร้อมจะออกมาทำการค้าดังเดิม เพราะนางยังมีคนงานอีกหลายร้อยชีวิตให้ต้องรับผิดชอบ
ถึงจะมีหลายครั้งที่คิดถึงพี่สาวเช่นหลี่เหม่ยหลิน แต่สุดท้ายนางก็คิดว่าตนเองได้ทำดีที่สุดแล้วต่อให้อีกฝ่ายจะโชคร้ายเสียทั้งสามีและลูกชายแม้แต่ชีวิตของตนเองก็เกือบไม่รอด แต่นางก็รีบคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับพี่สาวไปแล้ว นับจากนี้นางจะก้าวไปข้างหน้า ถามว่าในวันนี้ใจของนางยังคงรักเย่จื่อเฉินอยู่หรือไม่ก็ตอบอย่างจริงใจว่านางยังคงรักเขาอยู่
ก็นางรักของนางมาร่วมหกปีจะตัดใจไม่รักโดยเด็ดขาดคงทำไม่ได้และคิดว่าคนอื่นๆ เองหากเป็นเช่นนางก็คงยากจะติดใจไม่รักโดยสิ้นเชิงเช่นกัน คนที่บอกว่าทำได้มีแต่คนโกหกเท่านั้น
แต่รักก็จืดจางลงไปมากแล้ว นางเป็นคนเช่นนี้ หากตัดใจแล้วก็พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าไม่หวนกลับไปเส้นทางเดิมแน่นอน ส่วนพี่สาวเช่นหลี่เหม่ยหลินนางก็ขอตอบอย่างจริงใจว่าตนเองโกรธพี่สาวอยู่มากและไม่รู้ว่าวันใดจึงจะหายโกรธเคืองก็นางเป็นเพียงคนธรรมดาย่อมใจแคบหาใช่พระโพธิสัตว์ที่หลุดพ้นแล้วจึงจะไม่โกรธได้
"ท่านพ่อ เช่นไรก็เร่งรัดติ้งอันโหวเรื่องหนังสือหย่าสักหน่อยนะเจ้าค่ะ หมิ่นถังอยากตัดขาดแล้วก้าวไปข้างหน้าแล้วเจ้าค่ะเวลาเกือบสี่ปีที่เสียไปมากพอแล้วต่อจากนี้ข้าจะไม่เสียมันไปกับบุรุษเช่นเขาอีก"
ผ่านมาสิบห้าวันแล้ว ที่เสนาบดีหลี่ต้องไปเยือนจวนติ้งอันโหวถึงสามครั้ง แต่บุตรเขยตัวดีกลับไม่ยอมลงนามในหนังสือหย่ากับบุตรสาวคนรองของเขา เช่นนี้นายหนุ่มใหญ่จึงไม่พึงใจในตัวของเย่จื่อเฉินมากขึ้นเป็นลำดับ กับขุ่นเคืองบุตรสาวคนโตเช่นหลี่เหม่ยหลินมากขึ้นทุกวันเป็นถึงพี่สาวคนโตแต่กลับมาแย่งชิงสามีของน้องสาวเขาปวดใจนัก ทว่าเขาเป็นบิดาจะเอ่ยปากตำหนิบุตรสาวที่กำลังลำบากก็ออกจะเกินไปหน่อยสุดท้ายจึงทำได้เพียงไม่ยอมเจอหน้าหลี่เหม่ยหลินเท่านั้น
"ได้เสี่ยวถังถัง ประเดี๋ยววันพรุ่งนี้ท่านพ่อไม่ได้เข้าประชุมขุนนางในท้องพระโรงใหญ่จะไปจัดการให้เจ้าเอง ว่าแต่เจ้าไม่อยากกลับไปอยู่บ้านพักที่แคว้นหยางโจวจริงหรือ"
เพราะสกุลหลี่ยังมีจวนรองอยู่อีกแห่ง พอหลี่หมิ่นถังจะหย่ากับสามีเขากับภรรยาจึงรู้สึกเป็นห่วงกลัวว่าหากอยู่เมืองเสียนหยางที่ใกล้กับเมืองเทียนตูต่อไปคงยากจะไม่พบหน้ากับอดีคสามีเช่นเย่จื่อเฉินได้ พอหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เจ็บช้ำจะเป็นบุตรสาวของพวกเขาเสียเอง
"กิจการของข้าอยู่เมืองหลวงกับเทียนตูจะให้ย้ายไปอยู่หยางโจวได้อย่างไรเล่าเจ้าค่ะท่านพ่อ อีกอย่างข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดเหตุใดต้องเป็นฝ่ายหลบหน้าพวกเขา"
หลี่หมิ่นถังวางถ้วยน้ำชาลงแล้วเอ่ยกับบิดาสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม นางทำผิดอันใดจึงต้องหลบลี้หนีหน้าคนพวกนั้นไม่ว่าจะเป็นเย่จื่อเฉินหรือหลี่เหม่ยหลินนางแน่ใจตนเองไม่เคยมีเรื่องผิดต่อพวกเขาเลย แล้วจะหลบหน้าไปอยู่หยางโจวให้ลำบากตนเองไปไย
"แต่ว่าเจ้า..." ใต้เท้าหลี่นั้นกลัวบุตรสาวคนรองเจ็บช้ำจากใจ หากเขารู้สักนิดคงไม่ยอมยกบุตรสาวให้แต่งงานกับบุรุษเช่นเย่จื่อเฉินเป็นแน่แต่เขาไม่รู้นะสิ!
"ตัดใจก็คือตัดใจเจ้าค่ะท่านพ่อ หมิ่นถังคนนี้เป็นคนเช่นไร ท่านพ่อ ท่านแม่และท่านย่าย่อมทราบดีที่สุด แค่เสียใจและหย่ากับสามีไม่ได้ทำให้ข้าเสียความเป็นตัวเองไปได้หรอกเจ้าค่ะ"
ขณะที่กล่าวแววตากับน้ำเสียงของหลี่หมิ่นถังมั่นคงอย่างยิ่ง ผู้ใหญ่ทั้งหมดจึงค่อยถอนหายใจโล่งอก อดีตบุตรสาวคนรองที่เข้มแข็งและมั่นคงอย่างไรวันนี้นางเติบโตขึ้นกลับยิ่งดูมั่นคงกว่าเดิมนับพันเท่า บางทีการหกล้มมันก็ดีเช่นนี้นี่เอง ปล่อยให้หลี่หมิ่นถังไปพบเจอความโหดร้ายของใจคอบุรุษเสียบ้างนางจึงเติบโตขึ้นดังที่เห็น
จวนติ้งอันโหว...
"ติ้งโหวประทับลายนิ้วมือและลงชื่อให้กับหมิ่นถังเถอะนะ จะยื้อให้มันได้อันใดขึ้นมา จะวันนี้หรือปีหน้าบุตรสาวของข้าตัดสินใจแล้วไม่เปลี่ยนใจแน่นอน"
ใต้เท้าหลี่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหมางเมินอย่างยิ่ง อดีตเขาหลงคิดว่าถังถังน้อยได้แต่งกับบุรุษผู้นี้นับเป็นวาสนา พอวันนี้จึงพบว่าที่แท้เย่จื่อเฉินมันก็เป็นเพียงไอ้ตัวบัดซบเท่านั้นหาใช้บุรุษประเสริฐแม้แต่น้อย ความจริงแล้วเขาก็ไม่พึงใจนับตั้งแต่เมื่อเกือบสี่ปีก่อนแล้ว เมื่อครั้งงานแต่งงานที่เย่จื่อเฉินปิดบังจนเสร็จพิธีจึงยอมบอกว่าเขากับบิดาและน้องชายได้รับพระราชโองการให้ไปเป่ยฉีนั่นแล้ว คนดีที่ใดมันจะเห็นแก่ตัวได้เช่นนั้น ไม่ควรเลย เขาไม่ควรตามใจบุตรสาวปล่อยให้นางติดอยู่กับบุรุษเช่นเย่จื่อเฉินและครอบครัวมาจนถึงป่านนี้เลยจริงๆ
"ท่านพ่อตาโปรดเห็นใจด้วย ข้ากับหมิ่นถังแต่งงานมาร่วมสี่ปี หากจะหย่าขาดก็อยากพบหน้าเจรจาด้วยดีกับนางสักครั้งได้หรือไม่"
พอหลี่หมิ่นถังยืนยันหนักแน่นและครอบครัวของนางก็ส่งเสริม เหมือนกับเย่จื่อเฉินจะรู้สึกใจหาย ตัดใจปล่อยนางไปไม่ลงขึ้นมา เลยคิดว่าหากได้พบหน้ากันจะขอโทษและขอโอกาสหลี่หมิ่นถังเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง
"ได้โปรดเถิดข้าสักครั้งเถิดนะขอรับท่านพ่อตา"
เช่นไรหลี่หมิ่นถังก็เป็นสตรีที่เก่งกาจ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลจวน หรือการทำการค้าบริการกิจการของสกุลเย่ที่ย่ำแย่ให้กลับมารุ่งโรจน์ คราวแรกเขาก็ยังคิดไม่ถึงจึงทำให้นางโกรธเคือง ทว่าพอมารดาตำหนิและเตือนสติจึงค่อยตาสว่าง
เขาจะรับอี้เหนียงอีกกี่คนก็ได้ แต่หาภรรยาที่เก่งกาจเช่นหลี่หมิ่นถังนั้นไม่ง่าย แม้แต่หลี่เหม่ยหลินเองก็ยังไม่ได้มากความสามารถเช่นนางสาวที่คลานตามกันออกมาแม้แต่น้อย เขาเองนอกจากการทหารก็ไม่รู้ความอันใดเลยเกี่ยวกับกิจการของสกุลเย่ โดยรวมก็คือเขาเสียหลี่หมินถังไปไม่ได้ แต่ก็ยังต้องการหลี่เหม่ยหลินด้วยเช่นกัน ซึ่งการเจรจากับหลี่เหม่ยหลินนั้นหลายวันมานี้เข้าใจแล้ว บัดนี้ก็เหลือเพียงหลี่หมิ่นถังเท่านั้น
"ท่านพ่อตาจื่อเฉินขอร้องแล้ว ขอให้จื่อเฉินได้พบหน้าหมิ่นถังสักครั้งเถิดขอรับ"
ชายหนุ่มลงไปคุกเข่าต่อหน้าบิดาของหลี่หมิ่นถัง แล้วยังจะให้ชายสูงวัยทำอย่างไรได้ สามีภรรยาถึงอย่างไรก็ยังเป็นสามีภรรยาเขาต่อให้เป็นบิดาสุดท้ายก็ยากจะตัดสินใจแทนบุตรสาวคนรองไปได้ถึงจะชิงชังน้ำหน้าอีกฝ่ายเพียงแต่หากหลี่หมิ่นถังให้อภัยเขาก็ยากจะไปขัดขวาง ซึ่งหากใต้เท้าหลี่ถ่องแท้ถึงความคิดในใจของเย่จื่อเฉินแล้วละก็คาดว่าชายสูงวัยนอกจากจะไม่ใจอ่อนให้โอกาสไม่พอขนาดว่าใต้เท้าหลี่อาจจะยกเท้าถีบใบหน้าของบุตรเขยก็เป็นไปได้
"ได้ แต่ข้าคงต้องถามเสี่ยวถังถังก่อนว่านางต้องการพบติ้งอันโหวหรือไม่หากนางยินยอมพบข้าจะให้คนมาแจ้งกับติ้งอันโหวก็แล้วกัน"
หลี่ถงเปียวตัดสินใจยกหน้าที่ตัดสินใจให้บุตรสาวคนรองได้เลือกเอาเองจะพบหรือไม่พบ
"ขอบคุณท่านพ่อตา จื่อเฉินขอบคุณท่านพ่อตาจากใจขอรับ" เย่จื่อเฉินรีบโค้งกายขอบคุณพ่อตาด้วยกิริยาดีอกดีใจอย่างยิ่ง
"อย่าเพิ่งรีบร้อนขอบคุณข้าเลยติ้งอันโหวรอคำตอบจากเสี่ยวถังถังจะดีกว่า ข้านั้นตามใจเสี่ยวถังถังเท่านั้นผู้อื่นข้าไม่สนใจอยู่แล้ว"
ลูกสาวนั้นเติบโตแล้ว ในยามนางจะแต่งงานเขาก็ตามใจนาง ดังนั้นยามนี้นางจะหย่าขาดใต้เท้าหลี่จึงไม่กล้าตัดสินใจแทนนางอีกเช่นเดิม บางทีหลี่หมิ่นถังอาจจะเจรจาตกลงและคืนดีกับเย่จื่อเฉินได้ ส่วนพี่น้องมีสามีคนเดียวกันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถึงกับยอมรับไม่ได้ ขอเพียงบุตรสาวทั้งสองของเขาพึงใจ ใต้เท้าหลี่ยังจะพูดคัดค้านอันใดได้อีก
"แค่ท่านพ่อตาให้โอกาส จื่อเฉินก็ขอบคุณมากแล้วขอรับ"
เพราะในใจของเย่จื่อเฉินนั้นมั่นใจว่าหลี่หมิ่นถังนั้นรักปักใจอยู่ที่ตนเอง หากเขายอมอ่อนข้อ และขอโทษนางจากใจ จากนั้นก็รวบหัวรวบหางจากข้าวสารเปลี่ยนเป็นข้าวสุกมีลูกกับนางสักคนสองคนแค่นี้เขาก็ผูกนางเอาไว้เป็นคนหาเงินเข้าจวนได้ตลอดไปแล้ว
"เอาละเช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน" ในเมื่อรั้งอยู่ต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์หลี่ถงเปียวจึงขอตัวกลับจวนของตนเองนำความต้องการของเย่จื่อเฉินไปบอกกับหลี่หมิ่นถังจะดีกว่า
"จื่อเฉินน้อมส่งท่านพ่อตา"
เย่จื่อเฉินรีบเดินตามออกไปส่งท่านพ่อตาด้วยกิริยานอบน้อมเกินพอดี ยิ่งเห็นหลี่ถงเปียวยิ่งรู้สึกไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายจริงๆ