ชีวิตไม่เหมือนเดิม

1358 คำ
“เห้อ!” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่เข้าใจการกระทำของชาร์ลเลยสักนิด แล้วก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองด้วย ฉันรีบสลัดเรื่องของเขาออกจากหัว ค้นหาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาใช้โทรหาพี่ปีร์ ถือสายรอพลางเดินไปในพื้นที่ที่สว่างกว่าเดิม เมื่อปลายสายรับ ก็ถามเขาทันทีด้วยน้ำเสียงเกรงใจ “พี่ปีร์สะดวกคุยไหมคะ?” [สะดวกสิครับ] “คือ… ซีอยู่ห้าง XXX พี่ปีร์พอจะขับรถมารับได้ไหมคะ” ฉันบอกชื่อสถานที่ที่ตัวเองอยู่ออกไป ไม่อยากนั่งรถโดยสารไปโรงพยาบาลของพี่ปีร์ เพราะเคยมีประสบการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น พี่ปีร์เงียบไปสักพัก เสียงกุกกักเกิดขึ้นไม่นาน ก็เปลี่ยนมาเป็นเสียงทุ้มหวานฟังนุ่มหูของพี่ปีร์เหมือนเดิม [ซีไปรอพี่ตรงที่มีคนอยู่เยอะๆนะ อีกประมาณครึ่งชั่วโมงพี่ก็คงไปถึง] “ขอบคุณนะคะ” [ไม่เป็นไร เดี๋ยวเจอกันนะ] สายถูกตัดไปแล้ว ส่วนฉันก้าวเดินเข้าไปด้านในอาคาร เพื่อพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ พี่ปีร์ยังดีกับฉันได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย และเพราะเขาเป็นแบบนั้น ฉันจึงตัดสินใจตอบตกลงคบหาด้วย ทั้งที่ยังไม่ได้รัก ฉันกับพี่ปีร์รู้จักกันมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมาสนิทกันมากขนาดนี้ ก็ตอนที่เกิดเรื่องร้ายแรงนั้นขึ้น เหตุการณ์นั้นส่งผลกับชีวิตฉันหลายอย่าง ฉันป่วย และคนที่เป็นหมอรักษาให้ ก็คือเขานี่แหละ แม้ตอนนี้จะยังรักษาอยู่ แต่ไม่ได้ถี่เหมือนเมื่อก่อน ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้ชายรูปหน้าหล่อเหลา สวมชุดกราวสีขาวก้าวมาหยุดตรงหน้า คนที่มาตรงเวลามีเม็ดเหงื่อผุดอยู่ทั่วใบหน้า เขายกมือขึ้นเช็ดมันออกช้าๆ ก่อนจะยื่นมือข้างนั้นมาขอข้าวของในมือไปถือให้ “พี่ถือให้” “ซีถือเองค่ะ แค่นี้พี่ปีร์ก็เหนื่อยมากแล้ว” “เห้อ! ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเลย เหนื่อยง่ายสุดๆ” คุณหมอวัยสามสิบสองพรูลมหายใจ ขยับตัวมาใกล้ ยกมือโอบไหล่ฉันเบาๆ ฉันสำรวจตามสายตาของเขา เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายหลายคนมองจ้องอยู่ ก็ยกมุมปากขึ้นยิ้ม เขาดีขนาดนี้ ต่อให้ไม่รัก ก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของเขา “ปากไปโดนอะไรมา? แล้วรถไปไหน? มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” พี่ปีร์รัวคำถาม สายตาของเขาทอดตรงไปตามทางเดิน ฉันเงยใบหน้าไปมอง ยกมือแตะริมฝีปากอย่างชั่งใจ ว่าควรจะบอกเขา หรือไม่ควรบอก “ซีมากับชาร์ลค่ะ เราทะเลาะกันนิดหน่อย เขาเลยทิ้งซีไว้ที่นี่” ใบหน้าหล่อเหลาหันมามอง ริมฝีปากกระจับกดเข้าหากันจากนั้นก็คลายออก มือที่อยู่บนไหล่เพิ่มแรงกระชับขึ้น ไม่มากจนรู้สึกเจ็บ แต่รับรู้ได้ว่าอารมณ์คนที่จับอยู่ไม่ค่อยเหมือนเดิม “ไม่โดนทำอย่างอื่นใช่ไหม?” “ไม่ค่ะ” รอยยิ้มนิดๆส่งมาให้ แขนที่พาดอยู่บนไหล่ลดลงข้างตัว แตะเบาๆที่หลังมือของฉัน การขออนุญาตแบบนั้น ทำให้ฉันเป็นฝ่ายกระชับมือเข้ากับมือของเขา รอยยิ้มนิดๆ ค่อยๆระบายออกกว้าง หลังจากนั้นก็ไม่เห็นแววกังวลบนใบหน้าเขาอีกเลย “โชคดีนะที่อาจารย์ยกคลาส พี่ขอแก้มือเรื่องเมื่อวานได้ไหม?” “มื้อนี้ซีขอเลี้ยงได้ไหมคะ?” “ไม่ได้หรอก จะให้ผู้หญิงเลี้ยงได้ไงล่ะ” “แต่เมื่อวานซีเองก็มีส่วนผิด” “คนที่ผิดมันเขา ไม่ใช่เราสักหน่อย” “… อ่า ค่ะ” ฉันกับพี่ปีร์ไม่มีใครพูดอะไรอีก จนกระทั่งเดินมาถึงรถ ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไรสักคำ พี่ปีร์เปิดประตูให้ฉัน ปิดมันลงอย่างเบามือ จากนั้นก็รีบเดินอ้อมมานั่งประจำที่ ขับเคลื่อนรถออกไปช้าๆ สายตามองถนนสลับกับหันมามองฉันเป็นระยะ แววตาคงไว้ซึ่งความห่วงใย อย่างที่เคยเห็นมันอยู่ตลอด 20 นาทีต่อมา รถยนต์แบรนด์ดังสีดำสนิท จอดลงในลานจอดรถของร้านอาหารริมแม่น้ำ ถ้าขับต่อไปอีกสักหน่อย ก็จะถึงโรงพยาบาลของครอบครัวพี่ปีร์ คนอายุมากกว่าพ่วงอาชีพหมอรีบลงไปทำหน้าที่เปิดประตูให้ฉัน จากนั้นก็ปิดมันลงเบาๆอย่างที่เคยทำ “พี่มีเคสตอนบ่าย ขอโทษนะที่พาไปไกลกว่านี้ไม่ได้” “ร้านนี้ก็อร่อยค่ะ โดยเฉพาะเมนูกุ้ง” “เคยมาแล้วเหรอ พี่ยังไม่เคยเลยอะ ทั้งที่อยู่ใกล้ๆเอง” “ซีมากับครอบครัวบ่อยๆค่ะ” เราเดินไปด้วยคุยกันไปด้วย เมื่อมาถึงบริเวณทางเข้า พนักงานก็รีบร้อนออกมาตอนรับ พี่ปีร์มองหาทำเลที่จะนั่ง ส่วนฉันมีมุมประจำอยู่แล้ว แต่มุมนั้นมันดันเต็ม “ที่เดิมไม่ว่างนะคะคุณไซซี รับเป็นที่ว่างริมแม่น้ำดีไหมคะ?” “พี่ปีร์ว่าไงคะ ตรงนั้นก็บรรยากาศดีนะ” “พี่ … ไม่ชอบน้ำครับ” เป็นครั้งแรกที่เห็นสีหน้าไม่ดีของเขา ฉันคว้ามือพี่ปีร์มาจับทันที สีหน้าเขาจึงดีขึ้น มือใหญ่อีกข้างยกมายีผมฉัน ฉันอยากถาม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาถึงดูหวาดกลัวขนาดนั้น แต่ก็ไม่กล้าพอ “เรานั่งตรงนั้นนะคะ” “ครับ” คำตอบต่างออกไปจากปกติ ฉันไม่อยากจะเซ้าซี้ หรือสงสัยอะไรตอนนี้ เดินนำพี่ปีร์ไปยังที่นั่งด้านในซึ่งมีกำแพงกั้นมิดชิด สีหน้าพี่ปีร์ดีขึ้น แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ปกติอยู่ดี “… แฟนเก่าของพี่ จมน้ำเสียชีวิตครับ ตั้งแต่นั้นมา พี่ก็กลายเป็นคนกลัวน้ำ” “อ่า เสียใจด้วยนะคะ” ฉันบอกตรงๆว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แม้เราจะรู้จักกันมานานแล้ว แต่ฉันไม่รู้เลยว่าเขาเคยคบใครมาบ้าง รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เขาโสดและเขาดีกับฉัน จึงตอบตกลงคบหาไป “ขอโทษนะที่พี่ไม่เคยเล่าให้ฟังเลย ทั้งๆที่ซีเล่าให้พี่ฟังทุกอย่าง” “ไม่เป็นไรค่ะ ซีไม่คิดมากหรอก พี่โอเคหรือยังคะ เรื่องของเธอคนนั้น?” ฉันถามเพราะคิดว่ามันเป็นจังหวะที่ควร พนักงานไม่กล้าอยู่ฟังการสนทนา ปล่อยให้เราพูดคุยกัน โดยฉันและเขา ไม่มีใครสนใจเรื่องสั่งอาหาร “ก็ … ทำใจได้แล้ว แต่เรื่องกลัวน้ำ เหมือนมันจะยังแก้ไม่หาย” “ไม่เป็นไรนะคะ เวลาจะช่วยให้เราดีขึ้น” “นั่นมัน คำพูดพี่นี่” “ไม่ใช่สักหน่อย ตอนนี้มันเป็นคำพูดของซีต่างหาก” บรรยากาศแย่ๆกลับมาดีขึ้น เมื่อเห็นว่าเราสองคนยิ้มแย้ม พนักงานก็เดินกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง ฉันสั่งเมนูเด็ดของร้านอย่างกุ้งแม่น้ำเผา และอาหารไทยอีกสามเมนู “พี่ปีร์ไม่สั่งเลยเหรอคะ?” “เท่าที่ซีสั่งมา พี่คิดว่าไม่น่าจะกินหมดแล้วนะ” “เห็นตัวเล็กแบบนี้ แต่ซีกินเยอะนะคะ” “อ่า งั้นสั่งกุ้งเพิ่มไหม?” “โอเคค่ะ เอากุ้งเพิ่มเป็นสี่ตัวค่ะ” “หะ!? จากสองเป็นสี่เลยเหรอ?” “ใช่ค่า” ฉันยิ้มกว้าง การอยู่กับพี่หมอ ไม่เพียงแค่เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาอาการจากโรคซึมเศร้า แต่มันยังทำให้ฉันรู้สึกดี ที่มีใครสักคนเข้าใจและอยู่เคียงข้าง ถ้าหากเขาไม่ยื่นมือเข้ามาตอนนั้น ตอนนี้อาจจะไม่มีฉันอยู่แล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม