" องค์ชายห้า พวกมันเองก็ถูกคนอื่นควบคุม ท่านมีเหตผลหน่อยเถอะ อีกอย่างต่อให้ไม่มีผู้ใดใช้งานมัน ท่านอย่าลืมว่านี่คือบ้านของพวกมันเราต่างหากที่บุกรุก เกิดเป็นคนควรมีคุณธรรม สำนักศึกษาที่เมืองหลวงไม่สอนท่านหรอกหรือ"
"เจ้าๆๆๆนังเด็กบ้าอย่าคิดว่าแค่ช่วยชีวิตข้าแล้วจะมากำเริบต่อหน้าข้าได้นะ โอ๊ะ"
จ้าวเทียนหยางเอ่ยยังไม่ทันจบก็ถูกลมหอบเขาขึ้นไปอยู่บนคบไม้ จ้าวเฟยหรงสะบัดมือใส่เขาเบาๆก็ลอยขึ้นไป อันดับหนึ่งในใต้หล้าที่ผู้คนยกย่องก็คือเขาจอมยุทธฮวาเฟยหยางที่ฆ่าคนโดยที่กระบี่มิทันได้อาบเลือดประมุขหอฮวาเซียงอันเลื่องชื่อก็คือเขา ใครจะรู้แต่เหนือฟ้ายังมีซื่อจือแห่งจวนจ้าวอ๋องพี่ชายเขาไง ปกติเขายังไม่กล้ายั่วยุ เหตุใดวันนี้พลาดเสียได้ ก่อนออกจากโรงเตี๊ยมเขาก้าวเท้าผิดหรือไงกันนะ
" จ้าวเทียนหยางเจ้าด่าใครว่านางเด็กบ้า วันหลังพูดจาดีๆกับพี่สะใภ้เจ้าด้วยอย่าหาว่าข้าไม่เตือน อ้อตระกร้าของนางยกให้เจ้าเป็นคนแบกตามมาแล้วกัน ส่วนคนของสำนักเมฆาคนๆนี้ให้จิงอี้จัดการ"
"ท่านพี่ ท่านจะใจร้ายเกินไปแล้วยังไม่ทันแต่งนางเข้าตำหนักท่านก็รังแกข้า เสด็จอาท่านดูบุตรชายท่านสิ"
จ้าวเทียนหยางโอดครวญ
"องค์ชายห้า หากเจ้ายังไม่หยุดโวยวาย ข้าจะให้เจ้าแบกเพิ่มของข้าอีกสักตระกร้า อาหรูอย่าไปฟังเจ้าเด็กเจ้าปัญหานี่เลย รกหูนะ"
จ้าวเหยหรงพูดจบก็จุงมือซ่งจื่อหรูพากันเดินลงเขาจ้าวเทียนหยางฮึดฮัด ปกติมีแต่เขารังแกคนอื่น นี่วันนี้เขาถูกคนอื่นรังแกแถมเป็นคนที่เขาสู้ไม่ได้เสียด้วย ฉินตงฉินลู่ได้แต่แอบสงสารองค์ชายน้อยของตน ฝ่าบาทเหตุใดไปหาเรื่องนางกัน ไม่รู้หรือว่าซื่อจื่อหวงแหนขนาดไหน
เดินจนถึงถ้ำที่เกาหม่าและจ้าวเทียนเฟยพักผ่อนอยู่ ซ่งจื่อหรูจุดไฟเพิ่มอีกสองกององครักษ์ไปหาฟืนแห้งมาได้อีกหลายท่อน อีกสักพักฝนคงตกอยู่ในป่าฝนอาจตกได้ทุกเวลาต้องเตรียมพร้อมเสมอ
"วางตระกร้าด้านนอกนั่นแหละ หญ้าเหมันต์เย็นนักหากเอาเข้ามาอาจไม่ดีต่อคนกำลังบาดเจ็บ นี่ตาเฒ่าไห่ได้เวลาทำงานแล้ว ไปดูอาการองค์ชายใหญ่สักหน่อย" ซ่งจื่อหรูบอกทุกคนส่วนประโยคหลังนางพูดกับไห่เมิ่งหยวน
" ข้าอายุเพิ่งจะสามสิบกว่าอย่ามาเรียกข้าตาเฒ่านะ ชาติก่อนข้าไปเผาเรือนเจ้าหรือยังไงเจ้าเด็กบ้า " ไห่เมิ่งหยวนเถียงกลับนาง
" ก็หน้าท่านมันเกินอายุนี่ อ้อชาติก่อนข้าไม่รู้ว่าตาเฒ่าอย่างท่านเคยทำอะไรข้าไหม แต่ชาตินี้เจ้าไม่ควรหาเรื่องผิดคน อย่าพูดมากให้ไวเถอะเมื่อถึงแสงแรกข้าอยากลงจากเขาโดยไม่มีตัวถ่วง อ้อข้าไม่ได้ตั้งใจว่าท่านนะองค์ชายใหญ่แค่ไม่ชอบเห็นคนอู้งานน่ะ"
นางสั่งไห่เมิ่งหยวนเสร็จก็หันมาพูดกับจ้าวเทียนเฟยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเดิม
"เจ้ามันคนอกตัญญู หึรู้งี้ตอนนั้นข้าไม่ช่วยไว้หรอก"ไห่เมิ่งหยวนสะบัดหน้า
"ข้าดวงแข็งต่างหาก ยมพบาลยังไม่ต้องการข้าเลย แล้วท่านเป็นใครกันกล้าจะมาเอาวิญญานข้าเหอะ"
ซ่งจื่อหรูเท้าเอวเชิดหน้าใส่เช่นกัน
"ยมบาลคงกลัวว่าเจ้าจะไปทำให้นรกเขาปั่นป่วนละสิ"
ทั้งคู่เถียงกันไม่หยุด ทุกคนต่างส่ายหน้า ช่างเป็นมวยถูกคู่เสียจริงๆ
ซ่งจื่อหรูไม่สนคนตรงหน้า เดินเข้าในถ้ำลึกเพื่อสำรวจ ครั้งนี้ได้ของดีมากมาย ถึงจะเป็นมิติที่ต้องลงแรงเองแต่หากปลูกพืชพันธ์กลับงอกเงยได้ไว ผักและผลไม้ถึงเวลาเก็บได้แล้ว แม้ต้องลงแรงทำมาหากินเองแต่อย่างน้อยไว้ซ่อนของใช้ทุ่นแรงก็ยังดี จ้าวเฟยหรงเดินตามนางมา เห็นนางมองไปยังเบื้องหน้าแล้วถอนหายใจ
จ้าวเฟยหรงลูบศรีษะนางแล้วเอ่ยปาก
"อาหรู เหตุใดวันนี้เจ้าถึงถามข้าเช่นนั้น"
"ท่านหมายถึงประโยคไหนกันล่ะ"ซ่งจื่อหรูถามกลับ
" ที่เจ้าถามว่า คนที่ตายไปแล้วยังสามารถคืนชีพได้หรือไม่ อาหรูเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่คิดร้ายต่อเจ้า หากว่าเจ้าอยากพูดข้ายินดีรับฟัง"
ซ่งจื่อหรูมองหน้าเขาก่อนจะเดินกลับมา นางหลับตาลงก่อนจะเอ่ยเบาๆ
" ข้าคิดว่าเห็นท่านแม่กับท่านตาที่ตำบล แม่นางจะสวมหมวกคลุมผ้าแต่ไม่ผิดแน่ข้ามั่นใจ ส่วนท่านตาถึงจะใส่หมวกสานข้าก็จำได้ เหตุใดจึงแสร้งตาย ปล่อยให้เราพี่น้องถูกรังแก ข้ายิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจเหตุผลเหล่านี้"
" บางที่พวกเขาอาจมีเรื่องร้ายแรง และคิดว่านี่เป็นวิธิที่ดีที่สุดในการปกป้องพวกเจ้ากระมัง"
"พี่หรงหากท่านรับรู้สิ่งใดมาโปรดอย่าปิดบังข้า พวกเขาคือพ่อแม่ของข้าหากสิ่งที่พวกเขาทำคือการปกป้องพวกข้าจริงๆ แล้วพวกเขาปกป้องพวกข้าจากอะไร จากผู้ใดกัน"
"เด็กดีของข้า เรื่องบางอย่างเจ้าไม่ควรรู้ ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น เจ้าอย่าลืมสิว่าเจ้ายังมีอาเย่วกับอาห่าวอีกนะ พวกเขาไม่สามารถปกป้องตนเองได้ พวกเขารอให้เจ้าปกป้องอยู่ ดูตัวอย่างจากที่ไห่เมิ่งหยวนลงมือกับน้องเจ้าสิ แม้สาเหตุบางส่วนจะมาจากเสด็จพ่อก็จริง แต่นี่ก็เป็นการยืนยันว่าพวกเขาไม่มีเจ้าไม่ได้ หากเรื่องที่รับรู้อาจนำภัยมาสู่เจ้ากับน้องๆ ก็ไม่ควรไปสืบหาเหตุผลหรือที่มา"
ซ่งจื่อหรูมองหน้าบุรุษตรงหน้า แล้วก็ผ่อนลมหายใจก่อนจะมาอยู่ในร่างนี้คุณปู่บอกแล้วว่าหากเกินความสามารถจงถอยออกมา ความลับของท่านตากับคุณปู่เกี่ยวข้องอะไรกัน เหตุผลอะไรที่ทิ้งลูกสามคนให้เผชิญชะตะกรรมเพียงลำพัง
ช่างเถอะเรื่องบางเรื่องย่อมมีเวลาเฉลยของมันเอง เดินกลับมาเห็นพวกเขานั่งอยู่ เห็นองค์ชายห้าจ้าวเทียนหยางเจ้าคนใจแคบนั่น กลับไปถลกหนังหมาป่าไม่พอยังเอาเนื้อของมันมาย่างกินอีก เจ้าคิดเจ้าแค้นเสียจริงๆ