ซ่งจื่อหรูไม่รู้เลยว่าตอนนี้นางกลายเป็นคนสำคัญที่ฮั่วเฟยหรูต้องการปกป้องไปแล้ว สามพี่น้องนั่งกินข้าวกันอย่างอร่อยสักพักร่างเล็กๆที่คุ้นตาก็เดินเข้ารั้วมา
"น้องห้าเจ้ามาแล้วหรือพี่คิดว่าวันนี้เจ้าจะมาได้เสียอีก เอะนั่นพี่รองก็มาได้ด้วยดีจริงๆ"
หลี่ถิงถิงจุงมือหลี่หานเดินเข้ามา นางยิ้มตาหยีจนเห็นหันครบทุกซี่ก่อนจะนั่งลงข้างๆซ่งจื่อเย่ว หลี่หานนั่งใกล้กันกับซ่งจื่อห่าว
"พี่รอง..ท่านเจ็บตรงไหนบ้าง ขออภัยจริงๆวันหลังหากมีเรื่องท่านก็อย่าขวางท่านย่าเลย นางทำอะไรข้าไม่ได้หรอกกลับกันท่านจะถูกนางตีเสียเอง"ซ่งจื่อหรูรู้สึกสงสารพี่ชายลูกพี่ลูกน้องคนนี้ เขามักปกป้องพวกนางสามพี่น้องและทุกครั้งที่พยายามปกป้องพวกนางพี่รองมักจะถูกตบตีเสมอ
"ข้าไม่เป็นไรมากหรอก เจ้าสองคนเสียอีกน้องสี่น้องห้าต่อไปก็พยายามอย่ามีเรื่องกับท่านย่านักเลย อยู่ให้ห่างนางสักหน่อยถูกตีจนเป็นรอยถึงเวลาออกเรือน จะหาบุรุษที่ดีมาแต่งงานได้อย่างไร"
"เหอะ..ข้าต้องหาบุรุษเช่นท่านพ่อข้าขยันขันแข็งถึงแม้จะกตัญญูจนซื่อบื้อเกินไปหน่อยแต่ก็รักท่านแม่ข้าและข้ายิ่งนัก" หลี่ถิงถิงหมายมั่น
หลี่หานกับซ่งจื่อหรูหัวเราะกับคำพูดของหลี่ถิงถิง นี่ถ้าอารองหลี่ต้าจูอยู่ตรงนี้ไม่รู้ว่าเขาจะดีใจที่ถูกบุตรสาวยกย่องว่าขยันขันแข็งและรักภรรยาหรือจะเสียใจที่ถูกบุตรสาวว่ากตัญญูจนซื่อบื้อกันแน่
"เจ้าเนี่ยนะ..ถิงถิงหัดเรียบร้อยบ้าง หากบ้านสามีในอนาคตรู้เข้าใครจะแต่งเจ้ากัน"หลี่หานอ่อนใจแต่ก็เอ็นดูน้องสาวคนนี้นักหลี่ถิงถิงเป็นเด็กสดใสและตรงไปตรงมา มักถูกทำโทษบ่อยๆเพราะความเถรตรงของนาง
"เอาน่า..พี่รองถิงถิงเองยังเด็ก ค่อยๆสอนเถอะ อายุนางเพิ่งจะเก้าขวบเอง รีบร้อนไปใย หากบ้านหลี่เลี้ยงไม่ไหว ก็มาอยู่บ้านข้า"
ทันทีที่ซ่งจื่อหรูพูดจบหลี่ถิงถิงตาลุกวาวพี่สี่พูดตรงใจนางมาก นางเบื่อดูสีหน้าและคอยรองรับอารมณ์ของอาเล็กกับพี่สามแล้วจริงๆ
"พี่สี่ เมื่อวานท่านย่าบอกจะขายข้าเอาเงินตำลึงมาให้อาสี่กับพี่ใหญ่เรียนหนังสือ ด่าว่าข้าเป็นคนไร้ประโยชน์"
"นางกล่าวเช่นนั้นจริงรึพี่รอง ข้านึกว่าอาเล็กพูดเพราะโมโหไม่คิดว่านางจะกล้าทำ"
หลี่หานพยักหน้า พร้อมถอนหายใจก่อนจะเอ่ยอย่างท้อแท้
"ท่านย่านางจะให้ข้าไปเป็นเด็กฝึกงานช่างไม้ในเมือง หาเงินส่งให้นาง"
"ได้ยินว่าเถ้าแก่จูเป็นคนโหดร้าย ท่านย่าคิดอะไรของนางกัน" ซ่งจื่อหรูไม่เข้าใจยายแก่มหาภัยคนนี้จริงๆ
"พี่สี่ข้าไม่เข้าใจ ข้ากับพี่รองเป็นคนคลอดอาสี่กับพี่ใหญ่มาหรือยังไง เหตุใดข้าต้องมารับผิดชอบชีวิตพวกเขาด้วย"
หลี่ถิงถิงเอ่ยด้วยความโมโห ซ่งจื่อห่าวกินข้าวอบเกาลัดอย่างไม่ใส่ใจที่พี่ๆคุยแต่อยู่ๆเขาก็เอ่ยขึ้นมา
"ขายคนมีทะเบียนราษฎร์ผิดกฎหมายต้าเหลียง ต้องถูกโบยร้อยไม้ จำคุกสองปี"
ทั้งสามหันมามองเขาเป็นตาเดียวแต่พ่อเด็กน้อยกลับนั่งกินข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่าไรอย่างนั้น
"จื่อห่าว เรื่องนี้ใครบอกเจ้ากันไปได้ยินที่ใดมา"
ซ่งจื่อหรูถามน้องชายคนเล็ก ดวงตาสุกใสของซ่งจื่อห่าวมองมายังสามคนแล้วส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยต่อ
"พี่ใหญ่หมายถึงเรื่องไหนขอรับ"
"ก็เรื่องเรื่องกฎหมายทะเบียนราษฎร์ที่เจ้าเอ่ยเมื่อครู่"
"อ้อ..ตอนที่ไปหาผักป่าคราวก่อนเดินผ่านบ้านท่านอาเซียว ข้าได้ยินเขาสอนพี่เอ้อหลางขอรับเกี่ยวกับกฎหมายพื้นฐานที่ราษฎรของต้าเหลียงควรรู้"ซ่งจื่อห่าวตอบ
"มีอะไรอีกบ้าง ที่ได้ยินมาบอกพี่ใหญ่หน่อย"
"สามีหย่าจะภรรยาต้องดูว่าภรรยาทำตัวเยี่ยงไร กลับกันหากว่ามีประพฤติมิชอบภรรยาก็สามารถหย่าสามีได้เช่นกัน การรับอนุหากภรรยาเอกไม่ยินยอมย่อมมิอาจมีได้ และการแต่งอนุเข้าบ้านนั้นภรรยาเอกต้องเป็นคนไปสู่ขอให้ทางสามีเท่านั้นมิเช่นนั้นไม่สามารถมีตำแหน่งในจวนได้เป็นเพียวหญิงที่ไม่ต่างจากสตรีในหอนางโลมา เรื่องกตัญญูนั้นบุตรควรกตัญญูต่อบุพการี แต่บิดามารดามิควรเอาความกตัญญูมาบีบบังคับหากบิดามารดาลำเอียงบุตรมีพยานเกิน15คนว่าถูกครอบครัวใช้ความกตัญญูมาเป็นเครื่องมือรังแก ก็สามารถยื่นคำร้องต่อผู้นำหมู่บ้าน ว่าถูกปฎิบัติไม่เป็นธรรมและขอแยกบ้านได้ขอรับ ทางการจะพิจารณาอีกที"
"น้องหก แยกบ้านง่ายถึงเพียงนั้นจริงหรือพี่รองพี่สี่ข้าอยากแยกบ้านเหมือนกัน"หลี่ถิงถิงตื่นเต้นทันที
"พี่ห้า แม้ว่ากฎหมายบอกว่าได้แต่ก็ไม่มีใครทำกันหรอกขอรับเพราะกังวลว่าบุตรหลานอาจจะมีปัญหาในอนาคต กฎหมายเป็นสิ่งที่เหล่าบัณฑิตเขียนขึ้นบางคนแค่ไม่ต้องการให้ความกตัญญูมาเป็นเครื่องต่อรองและเหนี่ยวรั้งขอรับ เพราะบัณฑิตบางคนอายที่พ่อแม่ฐานะต่ำต้อยจึงต้องการหลุดพ้น ท่านอาเซียวบอกพี่เอ้อหลางว่าการปกครองเปลี่ยนกฎหมายก็เปลี่ยนตาม แต่บิดามารดาไม่สามารถเปลี่ยนได้จำต้องกตัญญูต่อพวกท่านที่ท่านอาเซียวสอนพี่เอ้อหลางก็มีเช่นนี้ขอรับ"
นี่มันๆ อัจฉริยะเกินไปแล้วเจ้าเด็กบ้านี่เพิ่งจะสามขวบเองนะ ให้ตายเถอะแค่เดินผ่านยังจำได้ขนาดนี้ถ้าได้เรียนหนังสือไม่อยากจะรู้เลยว่าจะก้าวหน้าเพียงใด ไม่ใช่แค่ซ่งจื่อหรู หลี่หาน และหลี่ถิงถิง ฮั่วเฟยหย่งกัยฮั่วเฟยหรงและชาวบ้านบางส่วนที่เพิ่งมาถึงก็ปะหลาดใจ เด็กคนนี้ช่างมีพรสวรรค์เสียจริงๆ หลี่เซียวผู้นั้นคือซิ่วไฉผู้นึง ตอนกำลังจะไปสอบจี่เหรินกลับล้มป่วย สุดท้ายภรรยากลับทอดทิ้งเหลือเพียงบุตรชายอายุเจ็ดขวบ คนด้านนอกที่ฟังอยู่ได้แต่ถอนหายใจ พร้อมกับตะโกนร้องเรียกคนด้านใน
"เจ้าสี่นี่ลุงหกนะเจ้าอยู่หรือไม่"
"เหมือนมีคนเรียกเจ้านะน้องสี่"หลี่หานเอ่ยขึ้น
"อืม...ข้าจะออกไปดูสักหน่อยเจ้าค่ะพี่รอง"
เมื่อซ่งจื่อหรูเปิดออกมาก็เห็นฮั่วหย่งกับฮั่วเฟยหรงและท่านอาท่านลุงในหมู่บ้านยืนอยู่ ในมือถือเลื่อยและมีดตัดไม้ไว้ด้วย
"ท่านอาฮั่ว พี่หรงท่านอาท่านลุงทุกท่านพวกท่านจะไปที่ใดกันเจ้าคะนี่ยามเซิน(15.00-16.59)แล้ว อีกไม่ถึงสองชั่วยามก็จะค่ำแล้ว"
"อ้อได้ยินว่าพรุ่งนี้ท่านผู้นำหมู่บ้านจะพาคนมาช่วยซ่อมแซมรั้วให้เจ้า พวกข้าคิดว่าอยู่ว่างๆ จึงมาช่วยเจ้าตัดไม้ไผ่เอาไว้พรุ่งนี้บางส่วนก่อน"
"จื่อหรูขอบคุณเจ้าค่ะลำบากทุกท่านแล้ว"
เมื่อทักทายกันเรียบร้อยทุกคนเดินไปยังป่าไผ่ เลือกที่ลำต้นตรงยาวใหญ่ขนาดประมาณ3ชุ่นจากนั้นก็ถามซ่งจื่อหรูว่าต้องการตัดท่อนประมาณเท่าไหร่
"รบกวนท่านอาตัดยาวประมาณ2จั้งได้ไหมเจ้าคะ"
"มันจะไม่ยาวเกินไปหรือ"
"ข้าอยากปักลงดินลึกสัก30ชุ่นจะได้แข็งแรงหน่อยเจ้าค่ะ อยู่กันแค่สามคน อีกทั้งยังมีแต่เด็ก ปลอดภัยสักหน่อยน่าจะดีกว่า"