บทที่ 11 ประชด

1464 คำ
ความคิดวุ่น ๆ ในหัวนี่มันยังไงกันแน่ ชนินทร์ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างใช้ความคิด ญาตาเล่นชู้กับคนอื่นมานานแค่ไหนแล้ว ทำไมพอเขามีเมียน้อยก็เอาแต่ตีโพยตีพายไม่อยากให้คนนั้นคนนี้มายืนหน้าบ้าน แต่ตัวเองกลับแอบคุยกับผู้ชาย “มีอะไรหรือเปล่าคะ คุณใหญ่” เรียวแขนเล็กที่คล้องแขนอยู่นี้กระตุกให้เขาหันมาสนใจ ทั้งคู่กำลังเดินช้อปปิ้งกันภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุง หากวันไหนเบื่อ ๆ การได้ซื้อของให้ผู้หญิงสวย ๆ ก็เป็นสิ่งระบายอารมณ์ได้เช่นกัน “เปล่า” “ดูเหมือนว่าคุณใหญ่มีเรื่องเครียด ๆ นะคะ” เขาก้มหน้าลงมองเธอ ก่อนจะคิดอะไรดี ๆ ออก “อยากได้อะไรไหมล่ะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะพาไปที่ที่หนึ่ง” ยาหยีขมวดคิ้วเข้าหากัน เขากำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่ ซึ่งใบหน้าของชนินทร์นั้นกำลังยิ้มเจ้าเล่ห์ หากว่าญาตาคิดจะเล่นแบบนี้เขาก็ไม่ไว้หน้าเธอเช่นกัน ญาตาเสียใจที่จะต้องละทิ้งมิตรภาพดี ๆ ไปแบบนี้ แต่เพื่อความสบายใจของตัวเองและความสบายใจของเขา เธอเลือกที่จะบอกลาต้นกล้าดี ๆ “คุณต้นกล้าคะ ฉันคิดมาดีแล้วว่าต้องบอกคุณค่ะ คือว่าสามีของฉันไม่สะดวกใจให้เราคุยกันค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” ติ๊ง! [ผมเข้าใจครับ เป็นผมก็คงหวงเหมือนกัน] ญาตานึกขันกับข้อความของเขา เธอรู้ว่าคุณใหญ่ไม่ได้หวงเธอหรอก แต่ที่เขาทำทีไม่พอใจแบบนี้เพราะรู้สึกเสียเกียรติ และรู้สึกเหมือนกับถูกหยามก็เท่านั้น “ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ ขอโทษค่ะ” หญิงสาวส่งข้อความนี้เป็นข้อความสุดท้าย ก่อนที่เธอจะกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์เพื่อที่จะได้ไม่ต้องต่อบทสนทนาอีก จากที่อยากพาลูกไปเล่นบ้านต้นหอม ก็คงหมดหวังตั้งแต่ยังไม่ได้เอ่ยถาม เขาไม่ให้ไปหรอก ...ญาตามองดูลูกสาวที่กำลังเล่นต่อเลโก้อยู่ ของเล่นที่เขาซื้อให้ชิ้นเดียวนี้ญาณินชักจะชอบแล้วสิ “ต่อได้ไหมคะ อันนี้หรือเปล่า มันน่าจะเข้ากันได้นะ” ญาตาว่าพลางหยิบชิ้นส่วนเล็ก ๆ ขึ้นมาต่อเลโก้ช่วยลูกสาว เพราะเห็นว่ายัยหนูหยิบและปล่อยอยู่หลายต่อหลายชิ้นแต่ก็ไม่ลงล็อกสักที “อันนี้จริงด้วยค่ะ” “หึ หนูดูตรงแง่งมันนะคะ ทาบดูก่อนว่าอันไหนตรงล็อกแล้วค่อยเอาใส่” ญาตาสอนเทคนิคต่อเลโก้ให้กับลูกสาว ซึ่งยัยหนูก็มองตามพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักรับ แต่สุดท้ายก็ต้องลองหลาย ๆ ชิ้นอยู่ดี “ยากจังค่ะ” ว่าด้วยสายตาเศร้า ๆ ทำเอาคนเป็นแม่นึกเอ็นดู “ระหว่างอันนี้กับเต้นอันไหนง่ายกว่ากันคะ” “อันนี้ค่ะ หนูไปเต้นดีกว่า” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นทำท่าทางให้แม่ได้ดู ยัยหนูยกไม้ยกมือเหมือนกับที่ครูสอนเต้นประกอบเพลง ซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเด็กแล้ว “ตื่นเต้นไหมคะ” “ตื่นเต้นมาก ๆ แต่ว่าหนู...หนูจะไม่กลัว” ญาณินน่ารักน่าเอ็นดูจนคนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะรวบตัวมากอดพร้อมกับฟัดแก้มนุ่ม ๆ ของลูกสาว “ฮึยย~ น่ารักอะไรอย่างนี้ ดวงใจของแม่” “อื้ออ!! คุณแม่หนูจั๊กจี้” ว่าพลางดันปลายคางแหลม ๆ ของมารดาให้ออกจากซอกคอ นัยน์ตาสีดำนี้ทำให้คิดถึงพ่อของยัยหนู “แม่รักหนูนะ” เด็กน้อยค่อย ๆ ซึมซับความรักที่มารดามีให้ ไม่เคยขาดความอบอุ่นเลย แม้ว่าคนเป็นพ่อไม่เคยเติมเต็ม ทุกครั้งที่เห็นมารดาร้องไห้ เจ้าหนูก็รับรู้ว่าคนเป็นแม่กำลังเสียใจเพราะใคร จิตใต้สำนึกนั้นบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบบิดา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอื้อนเอ่ยคำไหนออกมาแทนความรู้สึก รู้แค่ว่าไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายตัวใหญ่คนนั้น “ง่วงหรือยังคะ” “ค่ะ...คุณแม่เล่านิทานให้ฟังด้วยนะคะ” “โอเคจ้า แต่ว่า...ของเล่นพวกนี้เล่นแล้วต้องทำยังไงคะ” “เล่นแล้วต้องเก็บค่ะ” ญาณินลงจากตักของแม่ก่อนจะเก็บของเล่นใส่ในตะกร้า ของเล่นพวกนี้มารดากดสั่งให้ในออนไลน์ช้อปปิ้ง รวมถึงข้าวของสำหรับทำอาหารเช่นกัน ญาตาสั่งเอาเสียมากกว่าไม่ได้ไปเดินซื้อเองตามห้างสรรพสินค้า ...ญาตาอุ้มลูกสาวขึ้นมาบนบ้านหลังจากเก็บของเล่นเสร็จ ญาณินนอนบนที่นอนโดยมีมารดาคอยกล่อมให้หลับเหมือนกับทุกวัน ไม่ว่าจะเล่านิทานหรือว่าจะร้องเพลงกล่อม “นอนได้แล้วน้า วันนี้หนูนอนช้ากว่าทุกวันเลยนะ” ฝ่ามือบางตบตูดเล็กพลางพึมพำออกมา ญานิญลูบหน้าอกของมารดาด้วยความเคยชิน “หนูรักแม่ค่ะ” “หึ แม่ก็รักหนูนะ นอน ๆ ได้แล้ว แม่จะหลับก่อนแล้วนะ” เธอว่าอย่างนึกขัน ก่อนจะทำทีเหมือนจะหลับก่อนแล้วก็ได้ผลเมื่อญาณินพริ้มตาหลับลงเช่นกัน ...นานเข้าลมหายใจของลูกสาวก็สม่ำเสมอ ญาตากดริมฝีปากจุมพิตที่หน้าผากเล็ก “ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ต่อลมหายใจของแม่” น้ำตาคลอยามพูดคำคำนี้ หากไม่มีลูกจิตใจก็คงเหี่ยวเฉา กำลังใจเดียวที่ทำให้มีแรงใช้ชีวิตคือลูกเท่านั้น ชีวิตของเธอก็ไร้ความหมายหากไม่มีลูก มันไม่มีความหมายตั้งแต่แรก... นอนไม่หลับ ญาตานอนมองเพดานห้องอย่างเช่นทุกวัน ตั้งแต่แต่งงานมา ไม่มีวันไหนที่นอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่มีคืนไหนที่ไม่ร้องไห้ กว่าจะหลับได้ก็วันที่ร่างกายบอกไม่ไหว สวิตช์จึงค่อย ๆ ปิดลง แต่วันนี้ก็คงอีกนาน ทว่า เสียงรถยนต์ที่ดังลอดหน้าต่างเข้ามาในบ้านทำให้ญาตาลุกขึ้นนั่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยนึกว่าคุณใหญ่จะไม่มานอนที่นี่แล้ว หรือว่าเขาจะเมาเหมือนเมื่อวาน คิดได้ดังนั้นจึงเดินไปเปิดหน้าต่างดู เพ่งสายตาดูดี ๆ ก่อนจะเห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน เปลือกตาบางกะพริบถี่ ๆ ไม่เชื่อสายตา คุณใหญ่กำลังเดินแนบชิดอิงกายมากับผู้หญิงคนหนึ่ง หัวใจของเธอแหลกสลายทันที ลำคอเหนียวเหนอะหนะยากที่จะกลืนก้อนสะอื้นลงคอ “อึก...” ญาตาข่มเปลือกตาลงพร้อมกับริมฝีปากบางสั่นระริก เธอยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้าย รู้สึกร้าวระบมราวกับมีมีดหลายพันเล่มทิ่มแทง ทำไมถึงทำอย่างนี้... สองฝ่าเท้าก้าวเดินอย่างช้า ๆ เธอเคยร้องขอเขาแล้วมิใช่หรือว่าไม่ให้เขาพาใครเข้ามาในบ้าน แปดปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยวีนเหวี่ยงด่าใคร ไม่เคยตามเขา แต่ทำไมถึงพาผู้หญิงมาเหยียบย่ำหัวใจของเธอ มากไปกว่านั้นหากว่าลูกสาวรู้ ลูกสาวเห็น ภาพจำในวัยเด็กจะให้ญาณินจดจำพ่อของตัวเองเป็นแบบไหน ทำไมเขาไม่รักษาน้ำใจของเธอบ้าง ญาตาค่อย ๆ เปิดประตูห้องออก ย่างเท้าลงบันไดอย่างช้า ๆ อยากจะไปร้องขอให้เขาออกไปทำอะไรกันข้างนอก แต่พอเดินได้ไม่นานสองขาก็สั่นเทาแทบก้าวเดินไม่ไหวเมื่อได้ยินเสียงครางกระเส่าดังเข้ามาในหู “ฮึก...” ญาตายกมือขึ้นปิดริมฝีปาก เธอข่มเปลือกตาปิดลงพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา มองผ่านลูกกรงบันไดก็เห็นว่าคนสองคนกำลังนัวเนียกันบนโซฟา อกสั่นขวัญแขวน...ลมหายใจติดขัดกับความเสียใจที่จุกอยู่ในอก ญาตารู้สึกหายใจไม่ออก แข้งขาอ่อนแรงจึงนั่งลงที่หัวบันได อยากเดินเข้าไปกระชากผู้หญิงคนนั้นออก ใยหนอเขาไม่ไยดีเธอกับลูก พาผู้หญิงเข้ามาในบ้านแบบนี้ ...ร่างอรชรอ่อนแอ่นอยู่บนตัวของเขา ชนินทร์วางมือลงที่เอวบาง นัวเนียใบหน้าชิดอิงแอบอกอวบของสาววัยละอ่อน คลอเคลียได้ที่อย่างสุขอารมณ์ ทว่า “อ๊ะ...คุณใหญ่ เมียคุณใหญ่เห็นค่ะ” สายตาของยาหยีมองเห็นร่างบางที่นั่งคุดคู้อยู่บนหัวกระไดบ้าน เธอกระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูหนา ทว่า “ไม่ต้องสนใจ...” เขาว่าเสียงราบเรียบ และเต็มไปด้วยความสะใจ ริอ่านแอบคุยกับผู้ชาย แล้วทำไมเขาต้องรักษาคำพูดที่เขาเองก็ไม่ได้รับปากด้วย ไม่มีทางเสีย...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม