เจ้าของร่างหนาไม่ได้เมาจนหมดสติ เขาได้ยินเสียงพูดคุยนี้ เปลือกตาหนาค่อย ๆ ลืมขึ้น
“กลับได้แล้วไอ้เวร” เสียงของเขาดึงสายตาของคนทั้งคู่ให้หันไปมอง ก่อนที่ธันวาจะกระตุกยิ้มมุมปาก หวงเมียได้แต่เมียห้ามหวง เพื่อนของเขามันสุดจริง ๆ เรื่องเห็นแก่ตัว
“กูกลับละ เอารถมึงกลับละกัน” เขาเดินออกจากบ้านพร้อมกับโบกมือลาเจ้าของบ้าน ทิ้งให้ญาตายืนทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกสายตาคมของคนเป็นสามีตวัดมอง
“ชอบนักนะยืนคุยกับผู้ชาย” เขาว่าพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ อย่างนึกสมเพช ญาตาไม่ได้รู้สึกอะไรเขาอยากพูดอะไรก็พูดเธอรู้จักตัวเองดี ไม่ได้ชอบคุยกับใครอย่างที่เขากล่าวหา
“คุณใหญ่ขึ้นบ้านไหวไหมคะ” เธอเข้าไปใกล้หมายจะพยุงแต่ก็ถูกฝ่ามือหนาผลักออกอย่างแรงจนคนตัวเล็กเซถลา แผ่นหลังชนกับโต๊ะหน้าทีวีเสียงดัง
ปึก!
ใบหน้าเล็กบิดเบี้ยว เธอทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ร้องออกมาสักแอะเดียว เขาก็เลยไม่รู้ว่าหลังเธอชนโต๊ะ
“ออกไป” น้ำตาส่อเค้าจะไหลออกมา แต่เธอก็ไม่ขยับหนีพยายามเข้าไปพยุงเขาขึ้นด้วยความเป็นห่วงไม่อยากให้นอนอยู่ข้างล่าง ซึ่งความเวียนหัวก็เข้าเล่นงานเขาไม่หยุด ชนินทร์รู้สึกพะอืดพะอมเต็มแก่ กระทั่งทนไม่ไหว
แหวะ~
สะบัดศีรษะแรง ๆ หลังจากอาเจียนออกมาจนหมด ญาตาขยับออกแทบไม่ทัน เธอเดินไปลูบแผ่นหลังของเขาเบา ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร เขาก็เมาแล้วอ้วกแบบนี้บ่อยครั้ง ในใจเป็นห่วงไม่อยากให้เขาดื่มหนักแบบนี้ แสดงว่ามีเรื่องให้คิดเป็นแน่
พอได้อ้วกออกก็มีสติกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มรับทิชชูที่ญาตายื่นให้มาเช็ดริมฝีปากก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน ชนินทร์เดินขึ้นบ้านไปโดยมีสายตาของญาตามองตามตลอด กระทั่งเขาขึ้นไปจนถึงชั้นสองสำเร็จ
...คุณใหญ่มองเธอเป็นคนรับใช้มาโดยตลอด และก็ยังเป็นอย่างนั้นแม้ว่าจะแต่งงานมีลูกกับเขาแล้วก็ตาม
ญาตาใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดอ้วกของเขาออกจากพื้นจนหมด กลิ่นคาวแอลกอฮอล์ทำเอามึนหัว แต่เธอก็ทำหน้าที่คนรับใช้ได้เป็นอย่างดี ล้างมือล้างไม้ก่อนจะเดินขึ้นไปบนบ้าน
“ฉันเช็ดตัวให้นะคะ” เข้าไปในห้องนอนของเขา ชุบผ้ากับน้ำอุ่นบิดหมาด ๆ ก่อนจะชิดคราบอาเจียน และเช็ดตัวของเขา เธอเปลื้องอาภรณ์ทางด้านบนออก จัดท่านอนให้เขาดี ๆ ถอดถุงเท้า กดเปิดเครื่องปรับอากาศ ก่อนจะห่มผ้าให้เขา
...ร่างบางเดินกลับเข้าห้องของตัวเองด้วยอาการเจ็บหลัง เธอเดินไปยืนหน้ากระจก หันหลังพร้อมกับเลิกเสื้อขึ้นดูบริเวณสะบักเอวที่กระแทกกับโต๊ะ ใบหน้าเล็กบิดเบี้ยวเมื่อเห็นรอยฟกช้ำสีเขียวนี้
“อือ...เจ็บ” เธอเดินไปหยิบเอายาหม่องสมุนไพรสีเขียวมาทา กลิ่นของยาทำให้เธอนึกถึงมารดา น้ำตาก็พลอยไหลออกมาไม่ขาดสาย สะอื้นไห้เบา ๆ กลัวลูกจะตื่น
...ญาตาขึ้นนอนบนที่นอนกับลูกน้อย โอบกอดยัยหนูเข้ามาในอก ท่องไว้ในใจว่าให้อดทน แม้ในบางครั้งจะท้อจนอยากหายไป เฝ้าถามเขาในใจ เมื่อไหร่กันนะ เมื่อไหร่เขาจะพอ
วันต่อมา...
แสงแดดยามเช้ากระทบเปลือกตาหนา ชนินทร์รู้สึกตัวตื่นเขายกมือขึ้นกุมขมับจากอาการแฮงก์ ร่างหนาสะลึมสะลือหันซ้ายแลขวา ก่อนจะมองเห็นแก้วน้ำขิงที่ยังคงมีไอน้ำโชยออกมา เขาคว้าขึ้นมาดื่ม
ญาตาคงเตรียมไว้ให้เขา พอได้ดื่มก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา ร่างหนาเดินเข้าห้องน้ำมองตัวเองในกระจก ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงชัดเจน ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะอาบน้ำชำระร่างกาย
พอลงมาบ้านก็เห็นญาตานั่งพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์อยู่ ราวกับว่าเธอใจจดใจจ่อกับโทรศัพท์มาก มากจนไม่ได้สนใจว่าเขายืนอยู่ทางด้านหลัง แอบอ่านข้อความที่เธอกำลังพิมพ์อยู่
“ไว้ฉันบอกเวลาอีกทีนะคะ”
[ครับ ผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเหมือนกันครับ เห็นครูบอกว่าให้ไปรอก่อน]
หมับ!
“อ๊ะ!...คุณใหญ่” ชนินทร์เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ของเธอจากทางด้านหลัง ทำเอาเจ้าของโทรศัพท์ตกใจรีบลุกขึ้นหันมามองในทันที “คือฉัน...”
“หึ...” เขาแค่นหัวเราะอ่านข้อความของเธอคุยกับผู้ชาย จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์คงเป็นเช่นนี้ หลังจากนี้คงพัฒนาเป็นอย่างอื่น
“ไม่ใช่อย่างที่คุณใหญ่คิดนะคะ คุณต้นกล้าเขาเป็น...” เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาน่ากลัวจนญาตาเงียบเสียงไป เธอกุมมือไว้ที่หน้าขา ใจก็ไหวหวั่นกลัวว่าเขาจะเขวี้ยงโทรศัพท์ของเธอทิ้ง
“คิดจะมีผัวใหม่งั้นเหรอ”
“คะ?”
“ถ้าอยากจะมีก็ไปเซ็นใบหย่าซะสิ” เขากระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้เธอ แต่คำว่าใบหย่าที่ดังออกมาจากปากของเขาก็ทำให้เธอก้มหน้างุดลง เขาไม่ได้พูดคำคำนี้มานานแล้ว
“ได้กันเมื่อไรก็บอกฉันด้วย อย่ามาโมเมว่าเป็นลูกฉันอีก”
“คุณใหญ่...” ริมฝีปากบางพึมพำออกมา กลืนก้อนสะอื้นลงคอทำเหมือนว่าไม่ได้ยิน ไม่ได้รู้สึก
“หึ น่าสมเพชจริง ๆ” เขาเดินกระแทกไหล่ของเธอ ทำให้ร่างบางเซถอยหลัง ซึ่งการเคลื่อนไหวตัวแรง ๆ ทำให้รู้สึกเจ็บแผลฟกช้ำเมื่อคืน
“โอ๊ย!”
กึก!
ฝ่าเท้าหนาหยุดชะงัก เขาตวัดสายตามองก็เห็นรอยเขียวช้ำทางด้านหลังของเธอที่โผล่พ้นชายเชื้อ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกระชากอย่างแรง
“คะคุณใหญ่...” เขาขมวดคิ้วมอง ภาพจำเมื่อคืนผุดเข้ามาในหัว หรือจะเป็นตอนที่เขาผลักเธอเมื่อคืน ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ แผลแค่นี้ไม่เจ็บหรอก เขาไม่ได้ตั้งใจ
“เป็นความผิดของเธอที่เข้ามายุ่งตอนฉันเมา” กล่าวโทษเธอออกไป เพื่อให้ตนรู้สึกผิดน้อยลง
“ฉันรู้ค่ะ”
“_”
“เอ่อ ฉันทำอาหารไว้ ถ้าคุณใหญ่จะกิน...” ยังพูดไม่ทันจบเขาก็เดินออกจากบ้านไม่พูดอะไรอีก ชนินทร์ไม่รู้ว่าหงุดหงิดแบบนี้ได้ยังไง เขารู้สึกอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ของเธอทิ้งด้วยความโมโห แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำแบบนั้นไปทำไม เธอมีผัวใหม่มันก็ดีแล้วนี่...เขาจะได้หย่าสักที
“โธ่เว้ย!!!” แต่อาการแบบนี้มันไม่ใช่เขาเลย ชนินทร์เดินไปเตะล้อรถของตัวเอง เขาสบถออกมาด้วยความรู้สึกขัดใจ ไม่รู้ว่าสิ่งนี้เรียกว่าอะไรกันแน่ มันร้อนรุ่มราวกับมีไฟสุมอยู่ในอก โมโหมากอยากกลับไปเอาเรื่องญาตาอีกสักรอบ
“อะไรของกูวะเนี่ย” ยกมือยีผมตัวเองอย่างแรงจนกระเซอะกระเซิง คิดว่าตัวเองควรออกจากบ้านหลังนี้ คิดได้ดังนั้นก็ขับรถออกไปข้างนอก ซึ่งเขามีรถหลายคันมาก แม้เพื่อนจะเอารถไปแต่ก็มีรถหลายคันอยู่ดี
...บริเวณทางเข้าหมู่บ้านของเขานั้นเป็นอาณาจักรตระกูลเขา วรเกียรติ์สกุลมีอีกหลายครอบครัวที่อยู่บ้านใกล้ ๆ ทั้งคุณลุง คุณป้า คุณอา แต่เขาก็ไม่ได้สนิทกับใคร ทว่า
ครืดด ครืดด~
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมานั้นทำให้ชนินทร์หันไปมอง เขาอ่านรายชื่อที่ปรากฏพลางพรูลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย คิดจะเขี่ยทิ้ง แต่เวลานี้มีเรื่องกวนใจ หาสาวมาบำบัดก็คงดี
ติ๊ด!
[คุณใหญ่] เขากดรับโทรศัพท์ผ่านเครื่องยนต์ ซึ่งเสียงที่ดังออกมานั้นเป็นเสียงของยาหยี
“ไม่ไปเรียนหรือไง”
[วันนี้ไม่มีเรียนค่ะ คุณใหญ่ขา หยีไปหาได้ไหมคะ หยีคิดถึงคุณใหญ่ค่ะ]
“อือ เธออยู่ไหนล่ะ”
[คุณใหญ่จะมาหาหยีเหรอคะ]
“อือ เบื่อ ๆ” เขาว่าน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยความเบื่อหน่ายอย่างแท้จริง ชนินทร์สลัดภาพแชตข้อความของญาตาไม่ได้เลย เป็นอะไรนักหัวสมองของเขานึกถึงเรื่องของเธอไปทำไม เธอจะเล่นชู้มันเกี่ยวอะไรกับเขา
[แค่เบื่อเหรอคะ คุณใหญ่ไม่คิดถึงหยีเหรอคะ]
“เธออยู่ไหน” เขาย้ำอีกครั้ง คิดถึงอะไรกันไม่มีคำนี้อยู่ในหัวของเขาแต่ไหนแต่ไร แค่อยากหยุดคิดเรื่องของญาตาก็เท่านั้น
[อยู่ที่ห้างเดอะเกรทฯค่ะ] เขากดตัดสาย หักพวงมาลัยรถไปที่ห้างสรรพสินค้าที่เธอว่า วันนี้ไม่อยากเข้าบริษัท ก็เลยไม่ไปทำงาน ผู้บริหารอย่างเขาไม่ไปตีกอล์ฟก็ไปโรงแรม แต่ผลประกอบการก็ได้กำไรทุกปี งานอสังหาริมทรัพย์มีแต่ได้กับได้...
ด้านยาหยีที่เป็นคนถูกตัดสายใส่ เธอกำโทรศัพท์แน่น อุตส่าห์ดีใจที่อีกฝ่ายกดรับโทรศัพท์ ทว่ากลับหมางเมินมีค่าแค่ตอนที่เขาเบื่อก็เท่านั้น
“เป็นไรหรือเปล่าหยี” เสียงของแฟนหนุ่มทำให้เธอหันไปมอง ยาหยีกลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย มองแฟนหนุ่มรุ่นเดียวกัน เธอไม่ได้บอกเขาว่าตัวเองขายตัวให้กับชายรุ่นใหญ่กระเป๋าหนัก
“ปวดหัวน่ะแบงก์...เดี๋ยวเค้าขอกลับก่อนนะ” ยาหยีโกหก เธอว่าจะออกไปหาคุณใหญ่ ไม่ได้จะกลับห้องอย่างที่บอกแฟนหนุ่ม
“หยีไม่สบายหรือเปล่า”
“ไม่หรอก แค่ปวดหัวว่าจะไปนอนที่ห้องน่ะ”
“นอนกับแบงก์ก็ได้นี่”
“โอ๊ย! ก็บอกว่าจะกลับไง!” ยาหยีขึ้นเสียงใส่แฟนหนุ่ม เธอลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนจะเดินไปใส่เสื้อผ้าหลังจากที่ขลุกอยู่กับแฟนหนุ่มทั้งวัน ไม่ได้ไปเรียนอย่างที่บอกกับคุณใหญ่
“โอเค ให้เค้าไปส่งไหม”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวไปเอง” ขืนให้ไปส่งก็ถูกจับได้น่ะสิ ประโยคหลังเธอไม่ได้พูดกับเขา ถ้าคุณใหญ่รู้ว่าเธอผิดสัญญา มีหวังถูกตัดหางปล่อยวัดแน่ ซึ่งสัญญาระบุชัดเจนว่าเธอห้ามแพร่งพรายเรื่องที่เขามีเมียน้อยและห้ามมั่วผู้ชาย แต่เรื่องอะไรเธอจะยอม ในเมื่อเขาไม่มีเวลาให้ตลอด...