เจ้าของร่างบางพับเสื้อผ้าเสร็จก็ลงมายังชั้นล่าง ตัวต่อเลโก้คิตตี้ที่วางไว้นั้นทำให้เธอกระตุกยิ้มออกมาบาง ๆ ของเล่นชิ้นเดียวที่เขาซื้อมาฝาก แม้เจ้าตัวจะไม่ได้พูด แต่ก็พอรู้...เขาคงเมตตายัยหนูแล้วล่ะมั้ง
ญาตาเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกานับเวลาจะได้ไปรับลูกที่โรงเรียน เป็นปีแรกที่ห่างจากลูกสาวนานขนาดนี้ เมื่อก่อนเธอเป็นคนคอยสอนหนังสือให้ พอเข้าโรงเรียนก็ทำให้คนเป็นแม่เหงาขึ้นมา
ศีรษะเล็กโยกเบา ๆ ฮัมเพลงในหัว ทว่า
ติ๊ง!
เสียงข้อความที่ดังเข้ามาทำให้ญาตาหันไปมอง ใครกันที่ส่งข้อความมาหาหรือจะเป็นพ่อของต้นหอม ฝ่ามือบางยื่นไปคว้ามาดู
[ใช่ญาตาหรือเปล่า] คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ในใจพลางคิดว่าอีกแล้วเหรอ
ติ๊ง!
[ถ้าใช่ก็ตอบด้วย] เธอไม่ตอบ หากมีมารยาทก็คงไม่ส่งข้อความห้วน ๆ แบบนี้มา คงเป็นบรรดาผู้หญิงของสามีเธอกระมัง ญาตาไม่ตอบอะไรเช่นเดิม
ทำเอาคนส่งข้อความมาหัวเสีย
“ไม่ตอบเหรอแก...” เสียงของเพื่อนสาวยิ่งทำให้หงุดหงิด ยาหยีกัดฟันกรอด ตอนนี้เธอเป็นเมียน้อยคนโปรดแล้ว สืบทราบหาเบอร์เมียหลวงเพื่อก่อกวนสักหน่อย แต่อีกฝ่ายกลับเงียบ
“ไม่ตอบ น่าเบื่อจริง ๆ คุณใหญ่น่าจะอยากหย่ากับแม่นี่อยู่นะ แต่แม่นี่ไม่ยอมหย่า ฉันน่ะคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไง”
“เฮ้อ ของแบบนี้มันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ยังไงแกก็เอาใจใส่เขามาก ๆ เขาจะได้ติดใจ อย่าเผลอไปทำตัวงี่เง่าล่ะ” เพื่อนสาวเตือน แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรม
“เฮ้อ...เขาไม่ตอบข้อความฉันเลย”
“ใจเย็น ๆ เดี๋ยวแบงก์ก็รู้หรอกว่าแกขายตัว” ยาหยียกแขนขึ้นกอดอก แบงก์คือแฟนของเธอเอง ซึ่งคุณใหญ่ไม่รู้และเธอเองก็ปิดบังเรื่องนี้ไว้ เซ็นสัญญาว่าระหว่างที่เป็นเด็กของเขาเธอจะไม่มั่วเซ็กส์ แต่เรื่องอะไรเธอจะยอมล่ะ ในเมื่อเขาไม่ได้มาหาเธอตลอด
“ชิ ใจเย็น ๆ เหรอ...มันง่ายซะที่ไหนล่ะ ได้ยินว่าแต่งงานกันมานานน่าจะเลิกกันสักที” ส่ายหน้าเบา ๆ พลางกดส่งข้อความหาเขาคนนั้นอีกครั้ง
“คุณใหญ่จะมาหาหยีไหมคะ” ส่งข้อความไปหาแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ตอบกลับ ใบหน้าเล็กนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“โอ๊ย! คิดจะเขี่ยกันทิ้งง่าย ๆ งั้นเหรอ” กำโทรศัพท์แน่น ได้ยินมาว่าเขาเบื่อใครก็จะเอาเงินฟาดหัวให้ออกจากชีวิตของเขา แต่เธอไม่ได้ต้องการเงิน สองปีที่เขาส่งเสียค่าเทอมให้ ไม่ใช่แค่เงิน แต่เธอหลงรักเขาไปแล้ว
ยาหยีต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยเจอ มารยาของเธอนั้นร้อยเล่มเกวียน ชนินทร์ลูบปลายคางครุ่นคิด ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ
“วันนี้ไม่มีออกไปข้างนอกต่อแล้วครับ”
“อือ กลับได้เลยงั้นสิ” เขายกแขนขึ้นมองดูนาฬิกาก็พบว่ายังไม่ถึงหัวค่ำ ร่างหนาเอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้ วันนี้รู้สึกเพลีย ๆ ไม่อยากออกไปเที่ยวกลางคืน หรือความแก่จะถามหาเขาแล้ว
“บ้าน่า...” วัยนี้แหละวัยกลัดมันกำลังพีค แต่ปัญหาผู้หญิงก็เพิ่มขึ้นตามอายุด้วยเช่นกัน แต่ก่อนผู้หญิงไม่ได้ติดเขาขนาดนี้ บางคนได้เงินก็พอใจแล้ว แต่รอบนี้บางคนได้เงินแล้วไม่พอ ต้องการนั่นต้องการนี่อีก สงสัยจะจริงอย่างที่คุณย่าได้พูดไว้ก่อนตาย ว่าเขาจะโดนปอกลอกจนสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ตอนนี้เขาแตะทรัพย์สมบัติมรดกตกทอดไม่ได้หรอก
เมื่อพินัยกรรมมีเงื่อนไข การรับทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้น ผู้รับก็ไม่มีสิทธิ์รับทรัพย์ตามพินัยกรรม แม้ผู้ปฏิบัติจะไม่ทราบเงื่อนไขนั้นก็ตาม
คำคำนี้ของทนายประจำตระกูลยังดังก้องอยู่ในหัว แต่ถ้าญาตาขอหย่าเอง มรดกจะเป็นของเขาตามเงื่อนไข แต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะเธอรักษาสัญญาของคุณย่า ชนินทร์พ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะโทรศัพท์โทรหาเพื่อนรักเพื่อออกไปดื่มสุราอย่างเช่นทุกครั้ง
เวลาต่อมา...
ญาตาไปรับลูกสาวที่โรงเรียนโดยมีคนขับรถให้ ระหว่างนั่งรถไปรับลูกที่โรงเรียน ปลายนิ้วมือเรียวกดเล่นโทรศัพท์ อดไม่ได้ที่จะเข้าไปดูโปรไฟล์ผู้หญิงที่ส่งข้อความมาหาเธอวันนี้
‘ยาหยี’
“ยังเรียนอยู่เลย” เสียงเล็กพึมพำออกมา เห็นว่าโปรไฟล์ใส่ชุดนักศึกษา ใบหน้าเล็กส่ายเบา ๆ อย่างอนาถใจ เป็นเมียน้อยคนอื่นมันน่าภูมิใจนักหรือ
“ถึงแล้วครับ” คนขับรถเอ่ยบอก ญาตาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะลงจากรถ เธอยืนรอที่หน้ารั้วโรงเรียนอย่างเช่นทุกวัน
“อ้าว คุณญาตา” เสียงเอ่ยทักดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ญาตาหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าเป็นต้นกล้า พ่อของต้นหอม เขามาในชุดตำรวจเต็มรูปแบบ
“อ้าว...มารับหนูต้นหอมเหมือนกันเหรอคะ” เธอว่าอย่างเป็นมิตร
“ใช่ครับ วันนี้คงปล่อยช้านะครับ”
“นั่นสิคะ เลยมาสิบนาทีแล้ว” ทั้งคู่เดินไปนั่งที่ม้านั่งไม่ไกลจากหน้าโรงเรียน พลางพูดคุยกันตามประสาพ่อแม่ผู้ปกครอง
“คงซ้อมเต้นมั้งครับ”
“คงงั้นค่ะ ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ กลัวยัยหนูตื่นเวที” ญาตาเป็นกังวลไม่ใช่น้อย ด้วยความที่ญาณินไม่เคยพบปะผู้คนเป็นจำนวนมากมาก่อน ก็เกรงว่าลูกสาวจะตื่นตระหนก
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถือว่าเป็นการเรียนรู้ ทุกคนต้องเรียนรู้ครับ” ญาตาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของคำพูด เขาช่างมีเหตุผล
“นั่นสิ หวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ” เธอฉีกยิ้ม ญาตาชะโงกหน้ามองผ่านรั้วโรงเรียนอีกครั้ง มองเห็นญาณินสะพายเป้มาพอดี
“ยัยหนูมาแล้วค่ะ”
“อ้อครับ ต้นหอมก็มาแล้ว” ญาตาลุกขึ้นเดินไปหาลูก เช่นเดียวกับต้นกล้า “เดินทางปลอดภัยนะครับ”
“ค่ะ เช่นกันนะคะ” ญาตาก้มหน้าลงบอกบุตรสาว “หวัดดีลุงต้นกล้าหน่อยค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” มือน้อยพนมไหว้ตามที่แม่บอก เช่นเดียวกับหนูต้นหอมที่ยกมือไหว้เธอเช่นกัน
“ไว้เจอกันนะคะ”
“ครับผม” เขาฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตร มองดูเธอทีไรก็นึกเสียดายที่สาวเจ้ามีสามีแล้ว แต่ก็ไม่แปลก เธอสวยแถมยังมีลูกสาวน่ารักอีกด้วย ญาตาจูงมือลูกไปขึ้นรถคันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล
“เป็นไงบ้างคะวันนี้”
“สนุกค่ะ แต่ว่า...เต้นไม่ได้” ใบหน้าเล็กงอลง ทำเอาญาตานึกเอ็นดู
“ไม่เป็นไรนะคะ ค่อย ๆ เรียนรู้ เดี๋ยวแม่ช่วยอีกที หนูเต้นให้แม่ดูนะ”
“ไม่อ้าวว~ หนูเขิน”
“ฮ่า ๆ เขินยังไง ไม่เขินสิ”
“ไม่เอาค่ะ...” ญาณินส่ายหน้าแรง ๆ ท่าทีเขินอายนี้ทำให้ญาตาอดใจไม่ไหวโน้มหน้าลงฟัดแก้มลูกสาวด้วยความมันเขี้ยว
“โอ๊ย ๆ คุณแม่” เด็กน้อยดันใบหน้าของมารดาออกด้วยความจั๊กจี้
“หึ ไม่ต้องอายหรอกนะ หนูต้องฝึกบ่อย ๆ จะได้ชิน”
“ค่ะ คุณครูบอกว่าหลังเลิกเรียนก็ให้ฝึก”
“โอเค แม่จะได้นั่งรอนะคะ” ญาณินลุกขึ้นกอดคอของมารดาไว้ สองคนไม่เคยห่างกายเลยสักหน พอเจอหน้ากันก็ติดกันแจไม่ปล่อยให้ห่าง
ตกดึก...
เสียงรถที่แล่นเข้ามาในบ้านในเวลากลางคืนทำให้ญาตาแง้มผ้าม่านออกดู เธอแปลกใจที่คุณใหญ่กลับบ้านนึกว่าจะค้างที่อื่น เห็นอย่างนั้นจึงรีบลงไปหาเขาทันที ทว่า
“เดี๋ยวมาช่วยพยุงหน่อยตา” กลับเป็นเสียงของเพื่อนเขา ธันวาเลื่อนบานกระจกรถลง
“ค่ะ” เขาคงเมากระมัง เลยให้เพื่อนมาส่งที่บ้าน
“มันเมาน่ะ เดี๋ยวพี่จะขับรถมันกลับบ้านนะ ฝากบอกมันด้วย”
“โอเคค่ะ” เขารู้จักเธอตั้งแต่เด็กเช่นกัน ธันวาเป็นเพื่อนรักของชนินทร์ สองคนพยุงร่างหนาที่บนตัวมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งเข้าไปในบ้าน
พรึ่บ!
“เฮ้อ เมาแล้วเป็นงี้ทุกที” ญาตายิ้มบาง ๆ ให้กับเพื่อนของสามี “ไม่เจอกันนานเลย หนูญาณินเป็นยังไงบ้าง”
“สบายดีค่ะ” ธันวามองเธอด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดูเช่นเดิม ญาตามีครบทุกอย่างตามฉบับสาวในฝันของผู้ชายหลาย ๆ คน ไอ้เพื่อนตัวดีมันไม่รู้เลยหรือว่ามีเพชรเม็ดงามอยู่ใกล้ตัว ทำไมเธอถึงส่องแสงให้ใครต่อใครเห็นยกเว้นสามีตัวเองเช่นนี้