บทนำ
ท่านโหวได้โปรดหย่ากับข้า
เราไม่ได้รักกัน
เหลียงหลินฮวายืนอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นสามีด้วยใบหน้าสงบเยือกเย็น ดวงตากลมโตหลุบลงต่ำเล็กน้อยอย่างรักษามารยาทหาใช่อาการขลาดเขินหวาดกลัวเฉกเช่นที่ผ่านมา มือทั้งสองข้างผสานกันไว้บริเวณหน้าท้องด้วยท่าทางสบายๆ หาใช่มือที่บีบแน่นสั่นชื้นไปด้วยเหงื่อแห่งความหวาดหวั่น
โหวจางเซียวหยางเงยหน้าขึ้น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองหนังสือหย่าบนโต๊ะที่ภรรยานำมาวางไว้ก่อนที่นางจะก้าวถอยหลังไปสามก้าว แล้วหยุดอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างรอคอยคำตอบ
โหวหนุ่มไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใด มีเพียงปลายนิ้วเรียวยาวที่เคาะลงบนโต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะฉายชัดว่าเขากำลังคิดคำนวณอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ
มีอะไรบางอย่างแปลกไป
ความสงสัยกระจ่างชัดเมื่อเขามองสำรวจภรรยาสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ท่าทางที่เปลี่ยนไป แววตาที่เปลี่ยนไป ท่าทางกิริยาที่เปลี่ยนไป
ภรรยาที่ทำให้เขาหงุดหงิดอยู่เสมอๆ เมื่อต้องเข้าใกล้ แค่พูดคุยด้วยไม่กี่คำนางก็สะดุ้งจนตัวสั่น ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตาสามี หากเขายื่นมือไปใกล้ๆ นางก็จะงองุ้มไหล่ก้มหน้าแทบจะเป็นลมล้มพับลงไปต่อหน้าต่อตา
แต่แล้วหญิงผู้นี้ใช่ภรรยาของเขาแน่หรือ...
ดวงตากลมโตมีประกายดื้อรั้น เรียวปากอวบอิ่มคล้ายหยักยิ้มน้อยๆ ฉายชัดถึงความมั่นใจและความทะนงตน ปลายคางได้รูปเชิดขึ้นดูน่าค้นหา
สตรีผู้นี้ใช่ ‘เหลียงหลินฮวา’ ภรรยาที่มารดาจัดหามาให้เขาตบแต่งใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันใต้ชายคาฉันสามีภรรยามากว่าหนึ่งปีแน่หรือ
นางคือภรรยาคนที่สองที่มารดาจัดหาให้ คนแรกคือ ‘กงรั่วหลาน’ สุภาพสตรีเรียบร้อยเป็นแม่ศรีเรือนไม่เคยขาดตกบกพร่อง แม้จะแต่งงานโดยปราศจากความรัก แต่นางก็เป็นภรรยาที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี แต่งงานเพียงเดือนเดียวก็ตั้งครรภ์ทายาทชายให้แก่สกุลจาง แต่โชคร้ายหยินหยางในร่างกายแปรปรวน นางเสียเลือดมากจนสิ้นใจตายโดยไม่ทันได้กอดบุตรที่เพิ่งคลอดเลยสักครา
สิริรวมเวลาที่ครองคู่เป็นสามีภรรยากันเพียงแค่สิบเดือนเท่านั้น นับว่าเป็นช่วงเวลาแสนสั้นจนน่าใจหาย
ฮูหยินผู้เฒ่าจางที่เพิ่งกลายเป็นท่านย่าเห็นว่าหลานชายเติบโตขึ้นมาอย่างว้าเหว่ขาดมารดาคอยเลี้ยงดูอบรมสั่งสอน จึงได้จัดหาภรรยาคนใหม่ให้แก่บุตรชาย เพราะตัวเขานั้นปราศจากความสนใจสตรีโดยสิ้นเชิง ไม่มีความรักให้สตรีใด และไม่เคยพึงใจสตรีใดเช่นกัน เขาเพียงแต่ทำหน้าที่ของสามี เลี้ยงดูภรรยา ให้เกียรติภรรยา และยกย่องภรรยาตามกาลสมควร
ทว่าเหลียงหลินฮวากลับทำให้เขาหงุดหงิดอยู่เสมอ เพราะท่าทางหวาดกลัวราวกับเขาเป็นปีศาจชั่วช้า จึงทำให้เขาไม่เคยย่างกรายไปค้างที่เรือนนอนของนางเลยสักครา
ฮูหยินผู้เฒ่าจางแอบลอบถอนหายใจอยู่เนืองๆ ที่ลูกสะใภ้ไม่เป็นไปดั่งใจทั้งที่เป็นบุตรสาวของสหายสนิท เคยเห็นมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ว่าเป็นเด็กร่าเริงสดใส ช่างพูดช่างจำนรรจา ฮูหยินผู้เฒ่าจึงหวังอยากให้ความสดใสของหญิงสาวช่วยเยียวยาหัวใจของบุตรชายและหลานตัวน้อย แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อโตเป็นสาวจะเปลี่ยนไปกลายเป็นสตรีมืดมนเช่นนี้
อีกทั้งลูกสะใภ้ยังไม่เคยเข้าหาเด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบเลยสักครา สายตาของนางยามที่มองเด็กชายนั้นว่างเปล่าปราศจากความเมตตาเอ็นดู จนฮูหยินผู้เฒ่าจางร่ำๆ จะรับอนุภรรยาเพิ่มให้บุตรชาย
แต่ครานี้โหวเซียวหยางไม่ได้ตามใจมารดาเช่นทุกครั้ง เพราะเขาอยากทุ่มเทความสนใจให้กับงานราชการและการเลี้ยงดูบุตรชายเพียงคนเดียว แทนที่จะต้องมายุ่งวุ่นวายกับเหล่าสตรีที่ยิ่งมีมากก็ยิ่งน่าปวดหัวมากขึ้น ซึ่งเขาเคยเห็นตัวอย่างจากบิดาผู้ล่วงลับมาแล้ว บิดามีอนุภรรยาถึงเจ็ดคนทำให้จวนร้อนดั่งไฟ การเมืองภายในจวนนั้นห้ำหั่นไม่ต่างจากสมรภูมิรบ ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าหวาดหวั่น
“ท่านโหวได้โปรดหย่ากับข้าเถอะเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงหวานใสกังวานทำให้คนตัวโตที่จมจ่อมสู่ห้วงภวังค์ความคิดกะพริบตาช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองภรรยาอีกครั้ง
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขาได้มองใบหน้าของนางชัดๆ โดยที่นางไม่ก้มหน้าหลบตาเขาด้วยเนื้อตัวสั่นเทาราวกับกระต่ายกลัวเสือร้าย
“เหตุใดเจ้าจึงจะหย่ากับข้า”
“เพราะข้าไม่ได้รักท่าน และท่านไม่ได้รักข้า ดังนั้นไม่จำเป็นที่เราจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาอีกต่อไป ได้โปรดประทับตราลงบนหนังสือหย่า และปล่อยข้าเป็นอิสระด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
อา...สตรีผู้นี้พูดจาฉะฉานถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ความมั่นใจในน้ำเสียง แววตาที่เด็ดเดี่ยว เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ทำให้โหวเซียวหยางถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ
“กับภรรยาคนก่อนข้าก็ไม่ได้รัก แต่ก็ครองเรือนดั่งสามีภรรยาจนมีบุตรด้วยกันได้ การไร้รักไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในสังคมเสียหน่อย สิ่งสำคัญในการครองคู่คือการทำหน้าที่ของตนเองอย่างไม่ขาดตกบกพร่องต่างหาก”
โหวหนุ่มพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจ ทว่าดวงตาของเขานั้นยังคงจับจ้องไปยังใบหน้าหวานงามล้ำของภรรยา
หัวใจดวงโตแอบกระตุกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่านางหยักยิ้มอย่างเหยียดหยันที่มุมปากราวกับชิงชังคำพูดของเขา ช่างเป็นรอยยิ้มที่แสนยโสโอหังยิ่งนัก แต่ว่ารอยยิ้มนี้กลับดึงดูดใจเขาอย่างน่าประหลาดเสียเหลือเกิน
นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่มีสตรีใดทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะได้เลยสักคน ราวกับว่ามันด้านชาไร้ความรู้สึกเสียกระนั้น
“บุรุษรูปงามผู้มีฐานะมั่นคงเช่นท่านโหวย่อมต้องหาสตรีที่ดีพร้อมและพึงใจในตัวท่านได้อีกมากมาย ได้โปรดคืนอิสระให้แก่ข้าที่ไม่พึงใจในตัวท่านด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
หลิวฮวายังคงประกาศเจตนารมณ์ว่าหัวเด็ดตีนขาดนางก็ต้องหย่ากับท่านโหวจางให้จงได้ อีกทั้งยังย้ำชัดว่านางไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาผู้เป็นสามีเลย
“นั่นสินะ เป็นดังที่เจ้าเอ่ย...”
โหวหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาคมมีประกายวิบวับ เรือนผมสีดำขลับที่ปล่อยสยายเต็มแผ่นหลังเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวลตามจังหวะการเยื้องย่างของบุรุษที่ขึ้นชื่อว่ารูปงามดุจเทพเซียน
“เจ้าอยากหย่ากับข้าจริงๆ หรือเพียงน้อยใจที่ข้าไม่เคยไปหาเจ้าที่เรือนกันแน่เล่า”
คำพูดยียวนทั้งที่ใบหน้าคมคร้ามสงบนิ่ง สองเท้ายังคงก้าวย่างเข้าหาภรรยาสาวจนนางต้องก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว
“อ๊ะ!”
เหลียงหลินฮวาเผลออุทานออกมาเมื่อนางถอยจนแผ่นหลังชนเข้ากับตู้ตำรา และนั่นทำให้ตำราเล่มหนึ่งบนชั้นสูงร่วงลงมา ทว่าคนตัวโตกลับยกมือขึ้นรับมันเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ตำราเล่มนั้นจะร่วงกระแทกลงบนศีรษะของคนตัวเล็ก
ตึก! ตึก! ตึก!
หญิงสาวใจเต้นแรง ตกใจที่ตำราจะร่วงหล่นงั้นหรือ เปล่าเลย...หัวใจกำลังเต้นระส่ำเพราะความใกล้ชิดเกินไปของสามีต่างหาก
นางหลุบเปลือกตาลงด้วยไม่อยากสบตาเขา แต่สายตากลับปะทะเข้ากับแผงอกเปลือยเปล่า เครื่องนุ่งห่มลำลองในฤดูร้อนของโหวหนุ่มนั้นช่างบางเบาและเปิดกว้างอย่างเอื้ออาทรแก่สายตาของสตรีน้อยใหญ่เสียเหลือเกิน อาภรณ์สีดำขับกับผิวขาวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนันแน่นทำให้หลิวฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องจนเผลอกัดริมฝีปากแน่น
หะ...หัวนมสีชมพู!
เหลียงหลินฮวาถึงกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หมดกันท่าทางสุขุมที่นางซุ่มซ้อมมาเป็นอย่างดี พอถูกหัวนมชมพูล่อหลอกกระแทกตากิริยาอาการก็พลันเก้อกระดากเขินอายไปเสียสิ้น
‘นางกำลังเขินอายงั้นหรือ ช่างเป็นมุมมองแปลกใหม่เสียจริง’
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของภรรยาสาว โหวหนุ่มที่เหนื่อยล้ากับเอกสารที่กองท่วมศีรษะจึงตั้งใจจะหยอกเย้านางเพื่อคลายเบื่อ ยิ่งใบหน้าของนางแดงระเรื่อสลับซีดขาวยิ่งทำให้เขาเผลอหยักยิ้มที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว
“ทะ....ท่านโหว ดะ...ได้โปรดถอยไป”
“ถอยหรือ”
เขาย้อนถามอย่างยียวนอีกทั้งยังเบียดกายแนบชิดมากยิ่งขึ้น และนั่นทำให้หลินฮวาอยากจะกรีดร้องออกมาเสียให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รวบรวมสติที่แตกกระเจิงแล้วเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ อย่างถือดี
“เจ้าค่ะได้โปรดถอย”
“ภรรยาผู้ไม่พึงใจสามี เหตุใดจึงหน้าแดงเช่นนี้เล่า”
“ข้าไม่พึงใจท่าน แต่ข้าก็หาใช่สตรีตายด้านไร้ความรู้สึกนี่เจ้าคะ บุรุษรูปงามกล้ามแน่นเบียดเข้าหาขนาดนี้ ข้าก็แค่เขินอายตามประสาสตรีที่ยังมีเลือดเนื้อ ซึ่งนั่นหมายความว่าข้าสามารถหน้าแดงกับบุรุษใดก็ได้ที่หล่อเหลาเจ้าค่ะ”
ตอบสะบัดพลางเบือนหน้ามองไปทางขวา ควบคุมสายตาไม่ให้จดจ่อไปยังหัวนมสีชมพู กล้ามเนื้อที่แน่นเปรี๊ยะเป็นลอนงดงาม และปลายคางตัดได้รูปที่มีหนวดเคราเป็นตอเขียวๆ ที่แสนเย้ายวนหัวใจสตรี
“ช่างปากคอเราะรายเสียจริง ไม่ยักรู้ว่าภรรยาข้ามีวาจาเชือดเฉือนดุจคมกระบี่เช่นนี้”
“ข้าหาได้อยากต่อความยาวกับท่าน ข้ามาเพื่อต้องการให้ท่านประทับตราลงบนหนังสือหย่าเท่านั้น ขอท่านโหวโปรดพิจารณาด้วย”
เหลียงหลินฮวาเพิ่งรู้ตัวว่านางตัดรอนสามีเกินไป บางทีการใช้ไม้แข็งอาจไม่เหมาะกับบุรุษใจกระด้างผู้ชื่นชอบการร่ายรำกระบี่สังหารสรรพชีวิต ไม้อ่อนอาจเป็นทางออกที่ทำให้นางได้รับอิสระหลุดพ้นจากชะตาชีวิตที่ถูกกำหนดให้ต้องตายก็เป็นได้
ทว่าจังหวะที่นางเงยหน้าขึ้นเพื่อหมายจะเจรจากับสามี เขากลับโน้มใบหน้าลงมาแล้วปล้นปลิดเรียวปากของนางโดยไม่ทันตั้งตัว