ตอนที่4 อ้อมกอดของอัคคี

1133 คำ
"ไหนมาให้ฉันปลอบขวัญหน่อยสิ"เท้าเล็กขยับไปข้างหน้าเพียงไม่ถึงครึ่งก้าว แขนแกร่งและอ้อมกอดของคนที่เธอโหยหากลับถูกหยิบยื่นให้ด้วยความเต็มใจ น้ำตามากมายไหลพร้าวเมื่อได้รับความอบอุ่น อัคคีปลอบประโลมด้วยการลูบหัวทุยไปมา ถึงจะไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่การกระทำก็ทำให้ไอรักอุ่นหัวใจมากพอแล้ว "อยากให้ฉันปลอบขวัญแบบไหนสอดใส่หรือว่าแค่ปลอบโยน"เสียงพร่ากระซิบขึ้นหวังแกล้งอีกคน ไอรักถึงกับหุบขามองคนตรงหน้าพร้อมกับกะพริบตาปริบๆที่มันปริ่มไปด้วยม่านน้ำตา ทว่าเสียงกังวานที่ดังอยู่ด้านหลังกลับดังขึ้นเสียก่อน "สวัสดีครับคุณอัคคี"คุณหมอธานินทร์ที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลได้รับเงินจำนวนหลายล้านจากประดิษฐ์รัตนมณีในทุกๆปี ขาแกร่งรีบรุดเดินเข้ามาเมื่อรู้ว่าผู้มีพระคุณอย่างอัคคีอยู่ที่นี่ "ผมรบกวนฝากดูแลคนไข้เคสนี้ที่คุณหมอกวินกำลังผ่าตัดเป็นพิเศษด้วย เรื่องค่าใช้จ่ายผมจัดการเอง ส่วนห้องพักในการรักษาตัวใช้ห้องพิเศษของผมได้เลย ที่นี่ดูแลและปฏิบัติต่อผมยังไงรบกวนช่วยดูแลเคสนี้เหมือนผมทุกกระเบียดนิ้ว"ยิ่งได้ยินแบบนั้นไอรักยิ่งสะอื้น อ้อมแขนแกร่งของอัคคียังคงเหนียวแน่นกอดกระชับอีกคนแน่นขึ้นโดยไม่ยอมปล่อย แม้ขณะที่พูดคุยเขาก็ไม่ละสายตาไปจากหัวทุย ปากพูดแต่ตายังจ้องอยู่เหมือนเดิม คุณหมอธานินทร์รับทราบพร้อมกับขออนุญาตไปจัดการทำตามคำสั่งอย่างไม่รีรอ ก่อนที่อัคคีจะได้มาที่โรงพยาบาล เขาต่อสายหาแพรวพราวเพื่ออยากถามอะไรบางอย่างเกี่ยวเด็กสาวที่ชื่อไอรักด้วยตัวเองอย่างที่ไม่เคยทำ แพรวพราวเล่าทุกอย่าง อย่างละเอียดจนอัคคีเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าชีวิตคนคนหนึ่งมันจะเหมือนนิยายได้ขนาดนี้ และสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจมาที่โรงพยาบาลด้วยความไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน รู้แต่ว่าความเป็นห่วงมันก้องอยู่ภายในใจ สุดท้ายใจและกายก็มาอยู่ที่โรงพยาบาล "กลับไปพักผ่อนเถอะคุณแพรวพราวไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ยังไงก็ปลอดภัย"อัคคีมองพร้อมกับบอกแพรวพราวด้วยสายตาที่นิ่ง "แล้ว เอ่อ!!…"แพรวพราวอึกอักแต่อัคคีก็พอจะรู้ว่าเธอจะถามอะไร "ส่วนไอรักให้กลับกับผม พรุ่งนี้เราสองคนมีเรื่องที่ต้องตกลงกัน"อัคคีบอกและตั้งใจอยากให้คนในอ้อมกอดได้ยินเช่นกันจะได้ไม่ต้องทำหน้างงแล้วให้เขามาอธิบายอะไรซ้ำๆ แพรวพราวพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจเธอเดินห่างออกไปแต่ไอรักและอัคคียังอยู่เดิม "แต่หนูรักอยากอยู่กับน้องค่ะ"ไอรักที่ซบหน้าร้องไห้ผละตัวออกนิด มองใบหน้าคมคายอย่างอ้อนวอน ดวงตาแสนช้ำที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มายิ่งได้มองยิ่งน่าสงสาร เธอเอื้อนเอ่ยร้องขอในสิ่งที่ใจต้องการ ในเวลานี้เธอไม่อยากห่างน้องอยากอยู่เฝ้ารอถึงแม้ช่วยอะไรไม่ได้ก็ตาม "อยู่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ต่อให้ผ่าตัดเสร็จก็ยังเข้าไปเยี่ยมไม่ได้อยู่ดี เยี่ยมได้เมื่อไรฉันจะเป็นคนพาเธอมาเองไม่ต้องห่วง"สิ้นสุดคำพูดร่างบางก็ถูกโอบมายังตัวรถอย่างไม่เต็มใจคล้ายโดนบังคับ แต่ทั้งหมดที่อัคคีทำคือความห่วงใยที่แสดงออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว อัคคีไม่รู้แต่คนรอบข้างอย่างชาญรู้และดูออก บนท้องถนนในช่วงกลางคืนรถไม่ค่อยพลุกพล่านเหมือนช่วงเช้าให้วุ่นวายใจ รถสีดำเงาวับป้ายทะเบียนเลขสวยมังกรเรียกทรัพย์ค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างไม่เร่งรีบ โดยมีชาญลูกน้องคนสนิทเป็นพลขับ ภายในรถยังมีความเงียบแต่กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัด ดวงตาคมขลับในยามมืดมองไปยังร่างบางที่หันไปทางด้านกระจกทึบตลอดทาง คล้ายกับกำลังไม่พอใจที่เขาปฏิเสธและบังคับให้เธอมาด้วย "ไม่พอใจที่ฉันบังคับให้มาด้วยใช่ไหม"อัคคีถามอย่างหงุดหงิด ตั้งแต่เกิดจนเติบโตมาถึงปัจจุบัน ไม่เคยเจอเลยสักครั้งที่จะโดนเมิน มีแต่คำว่าเอาอกเอาใจถูกประเคนให้สำหรับอัคคีเท่านั้น "เปล่าค่ะ" "หิวรึเปล่าตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรใช่ไหม" "ไม่หิวค่ะ"ถามคำตอบคำ "อืม!!ฉันลืมไปเธอคงอดอยากจนเคยชิน"อัคคีประชดขึ้นเพราะรู้สึกว่าเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆกำลังต่อต้าน คงไม่พอใจที่เขาไม่ให้อยู่โรงพยาบาลเลยมีอาการอย่างที่เห็น คำประชดนั่นถึงกับทำให้ร่างบางน้ำตาไหล เสียงสะอื้นไห้ทำให้อัคคีเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ไอรักก็ไม่เคยคิดว่าประโยคเหล่านี้จะมามีอิทธิพลให้เธอเจ็บช้ำใจจนร้องไห้ออกมา ทั้งๆที่เธอเคยเจอหนักหน่วงกว่านี้ก็ยังยิ้มได้ "ไปที่คฤหาสน์เลยนะ"แขนล่ำเกี่ยวคว้าเอวคอดให้มานั่งบนตักแกร่ง ไล่มองเครื่องหน้าที่มีแต่คราบน้ำตาสาเหตุทั้งหมดมาจากเขา จะปลอบก็ไม่รู้จะพูดยังไงไม่เคยทำไม่เคยปลอบใจใคร ใบหน้าสากโน้มไปใกล้กดจูบจมูกรั้นเล็กเลื่อนเลยมาหาปากอิ่มที่แดงเข้มขึ้นอย่างน่ามองและหวังว่าวิธีนี้จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้าง ไอรักหลับตารับสัมผัส เพียงแค่นั้นใจที่กำลังงอแงอย่างไม่มีสิทธิ์กลับหายเป็นปลิดทิ้ง "ครับคุณอัคคี"ชาญรับคำแต่ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ผู้เป็นนายจะพาเด็กสาวไปยังคฤหาสน์ พื้นที่ส่วนตัวที่อัคคีหวงแหน มีเพียงคุณหญิงสุณีกับท่านชาวีผู้เป็นบุพการีเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้และเพื่อนสนิทของอัคคีอีกคน "ไหนว่าไม่หิวทำไมทานไปตั้งสองจาน"อัคคีเลื่อนของหวานเข้าไปใกล้เพื่อให้อีกคนได้ทานหลังจากทานข้าวเสร็จ "ก็ตอนนั้นหนูรักไม่หิวแต่ตอนนี้หนูรักหิวแล้วนี่ค่ะ" "ไม่ใช่ว่ามัวแต่โกรธฉันรึไง" "หนูรักไม่มีสิทธิ์โกรธหรอกค่ะ" "รู้ตัวก็ดี"คำว่ารู้ตัวก็ดีของอัคคีทำให้เด็กสาวก้มหน้าลงอีกครั้งเม้มปากจนแน่น เขาได้แต่ยิ้มว่านิดว่าหน่อยก็คอยแต่จะงอแงน้อยใจ เด็กอะไรงอนเก่งไม่อยากนึกถึงสภาพตอนนอนพลีกายใต้ร่างคงร้องไห้ขี้มูกโป่งน่าดู "อิ่มแล้วใช่ไหม?งั้นไปอาบน้ำพร้อมฉัน"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม