พรรณาราเดินยิ้มเข้ามาภายในบ้านหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ แต่รอยยิ้มของเธอค่อย ๆ จางหายไปเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับผู้ชายใจร้ายซึ่งกำลังยืนกอดอกจ้องหน้าเธอเขม็ง
"ยิ้มหน้าบานแบบนี้คงแอบไปคุยกับชู้อย่างไอ้กล้าตะวันมาอีกแล้วสินะ" พรรณารารีบซ่อนโทรศัพท์ของตัวเองเอาไว้ด้านหลังเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะเดินมาแย่งจากเธอไป แต่ใครจะรู้ว่าการกระทำแบบนั้นเป็นเครื่องช่วยยืนยันว่ามันเป็นจริงตามที่เขาได้คิดไว้
"หึ มีผัวเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วยังร่านคิดว่าตัวเองโสดหรือไงถึงได้ไปอ่อยผู้ชายคนอื่น" น้ำเสียงเกรี้ยวกราดเอ่ยตำหนิหญิงสาวเรื่องเมื่อคืนที่เธอหายไปกับผู้ชายสองต่อสองเขายังจัดการไม่เสร็จ วันนี้เธอยังกล้าโทรศัพท์ไปหามันอีกชักจะหยามหน้าคนอย่างเขาเกิดไปแล้ว
"พูดแล้วไม่พูดด้วย ไม่มีปากหรือไงห้ะ"
"แล้วคุณรณทีอยากให้พรรณพูดอะไรเหรอคะ ในเมื่อพูดอะไรไปพรรณก็เป็นคนผิดอยู่ดี" ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาสบตากับชายหนุ่ม ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาเม็ดใสก่อนจะหลั่งไหลออกมาประจานความอ่อนแอในหัวใจ ดวงหน้าอ่อนหวานของพรรณาราบวกกับหยาดน้ำตาทำเอารณทีรู้สึกแปลกประหลาดลึก ๆ อยู่ในหัวใจ
"จะไปไหนก็ไป แล้วทีหลังอย่าให้ฉันรู้อีกนะว่าแอบไปคุยกับมัน"รณทีเอ่ยปากไล่หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะเมื่อเห็นน้ำตาของพรรณาราในตอนนี้
วันนี้เป็นวันที่พรรณาราต้องมาทำงานในตำแหน่งเลขาของรองประธานบริษัทเคียงคู่กับรณทีอย่างเต็มตัว ทุกคนต่างให้ความเคารพเมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงบริษัท
"วันนี้ฉันมีงานอะไรบ้าง"รณทียิงคำถามทันทีเขาแตกต่างจากผู้ชายโหดร้ายเจ้าอารมณ์เมื่อได้นั่งอยู่ในตำแหน่งรองประธานบริษัท ดูเป็นผู้ใหญ่มีความน่านับถือแตกต่างจากเมื่อเช้าตรู่ที่เขาเอาแต่รังแกเธอจนแทบไม่มีแรงเดินออกมาจากห้องน้ำ
"เสร็จงานวันนี้ฉันมีนัดกับเพื่อน เธอกลับเองก็แล้วกัน แล้วอย่าให้ฉันรู้ว่าไปแอบนั้นเจอกับไอ้กล้าตะวันมันอีก"
"ค่ะ"แม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจที่อยู่ ๆ รณทีก็มาพูดดีกับเธอแต่เป็นแบบนี้มันก็ดีแล้วอย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องโดนว่าร้ายทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
การทำงานอย่างเต็มตัวในวันแรกถือว่าหนักเอาการพอสมควร บริษัทส่งออกรายใหญ่ของประเทศไทยแตกต่างจากบริษัทผลิตอุปกรณ์เครื่องเขียนเล็ก ๆ ของเธอลิบลับ สองเท้าเล็กต้องคอยวิ่งตามงานวุ่นวายอยู่กับเอกสารกว่าจะเข้าที่เข้าทางก็เล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น
"จะใหญ่ไปไหนกัน"ตึกราสูงใหญ่มากไปกว่ายี่สิบชั้นทำเอาพรรณาราเหนื่อยหอบ แต่ละแผนกถูกแยกออกเป็นสัดส่วนในแต่ละชั้นยังดีที่มีลิฟต์อำนวยให้ความสะดวกสบายไม่อย่างนั้นเธอได้หอบตายอยู่บนทางบันไดหนีไฟแน่ ๆ
ปึ้ง
เอกสารแฟ้มใหญ่หนาถูกวางลงบนโต๊ะทำงานของรณที แรงที่วางไม่เบาทำเอารณทีต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
"เหนื่อย?"มุมปากกดยิ้มเมื่อเห็นสภาพร่างกายของพรรณาราเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ร่างเล็กเหนื่อยหอบทรุดกายลงนั่งอย่างหมดสภาพ
"หิวน้ำ"น้ำเสียงแหบแห้งร่างกายไร้เรี่ยวแรงแทบทรงตัวไม่อยู่ รณทีส่ายหน้าลุกขึ้นเดินเข้าไปตวัดอุ้มร่างของพรรณาราไปวางไว้บนโซฟาก่อนจะหมุนตัวเดินหายเข้าไปหลังห้องทำงาน
"น้ำ"ยังดีที่ชายหนุ่มยังมีจิตสำนึกเดินไปหยิบขวดน้ำมาให้กับเธอ แม้จะเป็นเพียงน้ำเปล่าธรรมดาแต่กลับทำให้พรรณารารู้สึกสดชื่น แววตาอ่อนโยนมองไปยังร่างใหญ่หลังโต๊ะทำงานสลับกับก้มมองขวดน้ำภายในมือ
"ขอบคุณนะคะ สำหรับน้ำ"รณทีเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะหันไปสนใจกับกองเอกสารต่อเขาไม่ได้กล่าวเอ่ยพูดอะไรแต่น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเขาก็ทำเอาพรรณาราอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
พรรณาราเลือกเดินทางกลับด้วยรถแท็กซี่หลังจากเลิกงาน ส่วนรณทีนั้นเขาออกไปพบลูกค้าตั้งแต่ตอนบ่ายเลยไปสังสรรค์พบปะกับเพื่อน ๆ โดยไม่กลับเข้าบริษัทวันนี้นับว่าเป็นเรื่องดีที่ชายหนุ่มยอมคุยกับเธอโดยไร้คำด่าทอต่อว่าดั่งเช่นครั้งก่อน แม้จะไม่รู้สาเหตุว่าอะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปแต่เธอกลับมีความรู้สึกดีที่เขาไม่ใจร้าย
แต่
รถสปอร์ตสองที่นั่งสีดำคันหรูที่ขับผ่านรถแท็กซี่ที่เธอนั่งมันทำให้พรรณารานั่งหน้าซีดหัวใจเต้นสั่นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อรถสปอร์ตคันหรูนั้นเป็นของรณทีที่ด้านข้างคนขับมีผู้หญิงคนอื่นนั่งอยู่
"พรรณลูก"น้ำเสียงอ่อนโยนของผู้เป็นพ่อเอื้อนเอ่ยเรียกชื่อของบุตรสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูในเวลาใกล้ค่ำ พรรณารายกมือไหว้ในมือของเธอนั้นเต็มไปด้วยของกินมากมายเธอกำลังยืนส่งยิ้มให้กับบิดาผู้ให้กำเนิด
"พรรณทำไมหนูมาแล้วไม่โทรบอกพ่อ"
แกร็ก
"เซอร์ไพรส์ยังไงล่ะคะ วันนี้พรรณซื้อของกินมาให้คุณพ่อเยอะแยะเลยนะ"ผู้เป็นพ่อยื่นมือไปรับถุงกับขาวและขนมจากมือลูกสาวก่อนทั้งคู่จะเดินเข้าไปในบ้านแสนสุขอันแสนคุ้นเคย
"คราวหน้าคราวหลังหนูไม่จำเป็นต้องซื้อข้าวของมากมายขนาดนี้ก็ได้นะลูก มันสิ้นเปลือง"
"สิ้นเปลืองอะไรกันคะคุณพ่อ แค่นี้ไม่ทำให้พรรณลำบากหรอกค่ะแล้วอีกอย่างตอนนี้พรรณก็มีงานทำแล้วด้วยมีเงินเดือนเลี้ยงคุณพ่อได้สบาย"
"แต่ถึงอย่างไรหนูก็ต้องเก็บออมเอาไว้บ้าง ถึงแม้ตอนนี้สถานการณ์ทางบ้านเราดีขึ้นแต่พ่อก็ไม่อยากให้หนูลำบาก"
"หนูรู้ค่ะ หนูถึงได้พยายามทำงานเก็บเงิน"ผู้เป็นพ่อเดินมาหย่อนกายนั่งบนโซฟาข้างลูกสาว สีหน้าไม่สู้ดีของพรรณาราทำให้ผู้เป็นพ่อรู้ว่าบุตรสาวกำลังมีเรื่องที่ทุกข์ใจ
"มีเรื่องทุกข์ใจบอกพ่อได้นะลูก"พรรณาราเม้มริมฝีปากแน่นเป็นเส้นตรงไม่รู้จะพูดดีหรือไม่ในสิ่งที่เธอต้องเผชิญหน้ากับมันมา
"คุณพ่อคะ ถ้าหากพรรณหาเงินค่าสินสอดไปคืนคุณลุงกับคุณป้าได้คุณพ่อจะยอมอนุญาตให้พรรณหย่ากับคุณรณทีได้ไหมคะ"ผู้เป็นพ่อรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยพลางคิดสงสัยว่ามันเกิดเรื่องอะไรที่ร้ายแรงขึ้น ทั้งที่แต่งงานกันไม่ได้กี่เดือนทำไมลูกสาวของเขาได้พูดถึงเรื่องการหย่า
"ทำไมพรรณต้องการหย่ากับคุณรณที พรรณพอจะบอกเรื่องนี้กับพ่อได้ไหมลูก"พรรณาราสบตามองผู้เป็นพ่อ ผู้ชายที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก ๆ
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พรรณก็พูดไปอย่างนั้นพ่ออย่าสนใจเลยค่ะ ถือเสียว่าพรรณไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน"พรรณารารีบเปลี่ยนเรื่องสีหน้าของเธอกลับมายิ้มสดใส แต่ในใจของผู้เป็นพ่อกลับคิดลึกมันต้องมีเรื่องอะไรที่ทำให้ลูกสาวของเขาพูดออกมาแบบนี้แน่ ๆ