ตอนที่ 14
นพฤทธิ์นั่งอ่านตำราอยู่นานสองนาน จนล้มตัวนอนไปด้วยความเมื่อยล้าแต่ก็ยังยกตำราเล่มนั้นขึ้นอ่านอยู่ ก่อนจะเผลอหลับไป และมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อสมุดตำราหล่นใส่หน้า
สองมือหนาพลางยกหนังสือที่ปิดหน้าตนเองออก ก่อนจะเห็นว่ามันไม่ใช่หน้าที่เขาอ่านทิ้งไว้เมื่อสักครู่ที่เผลอหลับไป
เขียนเมื่อ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ ๒๕๒๒ แรม ๒ ค่ำ เดือนหก (๗) ปีมะแมปีมะแม เขาอ่านข้อความที่ปรากฏในหน้าสมุดเล่มนั้น ก่อนจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เฮ่ย!!!!..” มันเป็นตำราหน้าสุดท้าย ที่คนจดบันทึกคาถาเขียนวันที่กำกับเอาไว้ มันจะเป็นไปได้อย่างไร!!!
“หรือว่าสมุดเล่มนี้มันจะมีอายุมานานแล้ว” ระหว่างนั้นสมองของเขาก็รีบหักลบวันเดือนปีที่ปรากฏกับเวลาปัจจุบันทันที
“หรือว่า!!!...”
“คุณนุ่น ๆ คุณยังอยู่ในห้องนี้มั้ย คุณนุ่น ๆ ผมต้องการคำตอบ!!!” เขาสับสนและเรียกหาพรายนุ่น วิญญาณของผีพรายที่อยู่ในฝันเมื่อสักครู่นี้ จนเธอยอมปรากฏร่างขึ้นตรงหน้า และคราวนี้เขาก็หยิกแขนตัวเองอย่างแรง เพื่อเช็กว่าตนเองนั้นไม่ได้ฝันไปเหมือนคราวที่แล้ว และหลายคำถามก็ยิงไปที่ผีพรายตนนั้น
“คุณนุ่น คุณตายเมื่อไหร่ ปีอะไร”
“เหมือนว่าคุณจะได้คำตอบแล้วนะคะ คุณจะเรียกฉันมาถามอีกทำไม”
“ผมอยากรู้ แล้วที่ผมไปทำพิธีอะไรนั่นแหละ มันคือเรื่องจริงหรือผมฝันไปกันแน่ ผม ๆ ผม สับสนไปหมดแล้ว”
“ใจเย็น ๆ คุณค่อย ๆ นึก และลำดับเหตุการณ์ก่อนสิ ”
“เมื่อสามสี่วันก่อน ผมขับรถไปหาอาจารย์ยอดที่ชายแดน แถวอำเภอภูสิงห์”
“คุณแน่ใจเหรอ ว่าคุณขับรถไปที่นั่น”
“แน่ใจสิ!!! ผมตั้ง GPS ไปตลอดทางนะคุณ แล้วผมก็...”
“คุณไปเจอคุณลุงท่านหนึ่ง ชื่อว่าลุงสมาน แล้วท่านก็เลยพาคุณไปที่วัด ถูกมั้ย”
“ถูก!!! คุณรู้ได้ไง” คิ้วหนาขมวดเป็นปมแล้วถามด้วยความประหลาดใจ จนไม่รู้จะถามเธอด้วยคำถามไหนก่อนดี จนเธอต้องพูดขึ้นมาเอง
“ฉันเป็นคุณเปิดทางให้คุณขับรถเข้าไปที่นั่นเอง ที่นั่นคือเมืองลับแล เหตุการณ์และเวลาของที่นั่นจะช้ากว่าที่คุณอยู่สักเล็กน้อย”
“จริงดิ เมืองลับแลมีอยู่จริง ๆ เหรอ”
“มีสิ! มันเป็นมิติหนึ่งที่ซ้อนอยู่กับโลกของคุณไง แล้วคนที่คุณไปตามหาเค้าตั้งแต่แรก นั่นน่ะ...คือพ่อฉันเอง”
“ห๊า!!!..อาจารย์ยอดคือพ่อคุณงั้นเหรอ เรื่องมันเป็นไงมาไง ผมเริ่มจะงงไปหมดแล้ว คุณช่วยเล่าให้ผมฟังแบบละเอียด ๆ เลยได้มั้ย” นพฤทธิ์กุมขมับทันที
“ฉันเป็นลูกสาวอาจารย์ยอด พออายุได้ 18 ก็ฉันมีความรักกับหนุ่มเมืองกรุงที่หลงเข้าไป ฉันทำผิดกฎของที่นั่นก่อนจะตัดสินใจหนีออกมาพร้อมกับเขา ฉันมีลูกกับเขาหนึ่งคน และพอกลับไปพ่อก็ไม่ยอมรับ ฉันเสียใจก็เลยกินยาฆ่าตัวตายอย่างที่เราให้คุณฟังในตอนแรกไง"
“แล้วที่เมืองลับแลมียาฆ่าตัวตายด้วยงั้นเหรอ”
“มีสิ มันมีเห็ดพิษตัวหนึ่ง ที่เอาไว้ใช้สำหรับฆ่าตัวตายยังไงล่ะ มันก็ไม่ต่างจากโลกของคุณนักหรอก”
“ผมไม่เข้าใจเลยว่า อาจารย์ยอดทำไมจะต้องผูกวิญญาณของคุณไว้กับน้ำมันพรายด้วย”
“อันดับแรกก็ให้น้ำมันพรายมีฤทธิ์มาก และอีกอย่างพ่อไม่ต้องการให้ฉันออกมาข้างนอกอีกยังไงละ”
“อ่าว!..แล้วถ้างั้นคุณมาที่นี่ได้อย่างไร”
“ก็คุณท่องคาถาเรียกใช้ฉันมา คนที่ท่องคาถาตามตำราเล่มนี้เท่านั้นจึงจะสามารถเรียกวิญญาณของฉันออกมาได้”
“คุณอยากเป็นอิสระมั้ย”
“ก็อยาก แต่คุณคงช่วยฉันไม่ได้หรอก”
“แล้วผมต้องทำยังไง ผมถึงจะช่วยคุณได้”
“คุณช่วยฉันไม่ได้หรอก เพราะคุณไม่ใช่คนผูกวิญญาณ”
“แล้วใครสามารถช่วยคุณได้บ้าง”
“นอกจากคนที่ผูกวิญญาณแล้ว ก็ต้องเป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับฉันเท่านั้น”
“งั้น..ถ้าอาจารย์ยอดไม่ยอมช่วย ก็ต้องให้ลูกของคุณช่วยงั้นเหรอ”
“ใช่”
“แล้วคุณรู้หรือเปล่า ว่าตอนนี้ลูกของคุณอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่เมืองของคุณเนี่ยแหละ เธออยู่กับคุณพ่อของเธอ”
“ใครกัน”
“ถ้าคุณรู้แล้ว อย่าเพิ่งตกใจนะ”
“ใครกัน”
“ก็คนที่คุณจะเอาน้ำมันพรายไปจัดการเธอไง”
“หมายถึงคุณอินทิรา งั้นเหรอ!!!..”
“ใช่!!!..อินทิราคือลูกสาวของฉันกับคุณวโรดม”
“แล้วทำไม..คุณถึงดูไม่แก่ และก็ไม่เหมือนเป็นแม่ของเธอเลยล่ะ”
“ก็ฉันตายด้วยสภาพนี้ไง คุณก็เลยเห็นฉันในสภาพนี้ และเวลาของเมืองลับแลมันก็ช้ากว่าที่นี่ คุณเข้าไปอยู่ที่นั่นสามวันก็เหมือนแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ
“งั้นเหรอ!! ถึงว่าตอนขับรถออกมาเวลามันแปลก ๆ”
“ตอนนี้ฉันสิ่งมีบางสิ่งที่อยากจะให้คุณช่วยมากกว่าการปลดปล่อยตัวเองซะอีก”
“อะไรเหรอ”
“สามีและลูกสาวของฉันกำลังอยู่ในอันตราย”
“หมายถึงคุณอินทิรากับท่านปลัดเหรอ”
“ใช่”
“ปลัดท่านมีศัตรูที่ไหน..งั้นเหรอ”
“สามีของฉันเคยข่มขืนเด็กในบ้านที่ชื่อลันนา จากนั้นก็มีความสัมพันธ์กับเธอเรื่อยมา จนวันหนึ่งลันนาเธอมีแฟน เธอจึงต้องการจะแก้แค้นคุณวโรดมโดยการจะฆ่าเขาเพื่อชิงทรัพย์ อันที่จริงฉันห่วงลูกสาวของฉันมากกว่า เพราะแฟนหนุ่มของลันนาจะเล่นงานเธอด้วย ตอนนี้พวกเขากำลังวางแผนกันอยู่ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากจะช่วยเค้าหรอก แต่ว่าแฟนของลันนา วางแผนจะทำมิดีมิร้ายกับลูกสาวของฉันด้วยเนี่ยสิ ฉันสงสารลูก”
“คุณต้องการให้ผมไปเตือนท่านปลัดใช่มั้ย”
“ก็ประมาณนั้น”
“แล้วท่านจะเชื่อผมเหรอ”
“ที่คุณพูดมาก็ถูก แต่คุณมีวิธีอื่นมั้ยละ”
“เอางี้..ผมจะคอยจับตาดูให้ เพราะผมก็ไปบ้านปลัดเกือบทุกวัน แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้น คุณก็มาบอกผมได้”
“มีดลงอาคมที่คุณได้มาจากพี่หาญ อย่าลืมอ่านวิธีใช้มันล่ะ แล้วก็พกติดตัวไว้ตลอดมันจะช่วยปกป้องคุณได้เมื่อยามมีภัย”
“พี่หาญบอกผมคร่าว ๆ แล้วล่ะ”
“ฉันต้องไปแล้ว เดี๋ยวพ่อจะสงสัยเอา และถ้าไม่จำเป็นคุณก็อย่าเรียกฉันบ่อย ๆ นะ”
“โอเค”
หลายวันต่อมา มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นกับนพฤทธิ์เต็มไปหมด สิ่งที่เขาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ทีแรกจึงตัดสินใจยกเลิกไป เพราะตอนนี้เขาไม่อยากใช้เสน่ห์จากน้ำมันพรายเพื่อทำให้เธอรักเขาอีกแล้ว เพราะมันไม่ได้เกิดจากความรักที่แท้จริง