ตอนที่ 5
จังหวัดศรีษะเกษ
อำเภอภูสิงห์คือจุดหมายปลายทางของนพฤทธิ์ ก่อนจะเริ่มลงพื้นที่ไปตามทางแคบ ๆ ถนนลูกรังของหมู่บ้านที่มีชื่อว่าหนองสมบูรณ์ เขากำลังขับรถไปตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา หุบเขาพนมดงรักที่รกทึบเต็มไปด้วยป่า มีลำธารเป็นคูหาลึก ป่าแห่งนั้นเต็มไปด้วยเสียงลำธารในระหว่างหมู่หิน สายลมแหวกผ่านต้นไม้ใบหนา เสียงหริ่งหรีดของแมลง และเสียงร้องของบรรดาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ เช่นเดียวกับเสียงเพลงของนก และบางครั้งบางคราวสายลมที่แรงจัดขึ้นก็ทำให้ได้ยินกิ่งไม้ที่เสียดสีกัน เขาพยายามสังเกต GPS หลายครั้งเพราะกลัวว่ามันจะพาเขาหลงเข้าป่าอีก
บ่ายสี่โมงเย็น
แสงอาทิตย์เจิดจ้า ไม่เคยขาดดุจเงาเลื่อมพรายลำแสงเจิดจ้าสีส้มทองส่องแทรกระหว่างเส้นทางและเงาของต้นไม้ แสงสว่างนั้นไม่เคยหยุดนิ่ง และวับวาบส่องแสงระยิบระหว่างยอดไม้ที่บดบัง กรองแสงอาทิตย์ทั้งมวลลงมาเป็นร่มเงา
พอเริ่มเห็นหมู่บ้านคน นพฤทธิ์ก็รีบจอดรถทันทีที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง หลังจากที่เขาพึ่งพา GPS มาตลอดการเดินทางแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเหงา ก่อนจะรีบลงจากรถแล้วตรงเข้าไปถามชายสูงอายุท่านหนึ่งที่ซื้อบุหรี่เสร็จเรียบร้อยและกำลังจะเดินมาทีี่รถมอเตอร์ไชค์ของตัวเอง
“สวัสดีครับ คุณลุง พอดี..ผมเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ที่นี่หมู่บ้านหนองสมบูรณ์ใช่มั้ยครับ” ชายสูงวัยคนดังกล่าวชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนแปลกหน้า ก่อนจะหันมายิ้มอย่างไมตรีเมื่อเห็นนพฤทธิ์ที่ดูท่าทางเป็นมิตร
“ใช่แล้ว!!..ไอ้หนุ่ม เอ็งจะมาหาใครที่นี่..งั้นรึ” ชายชราร่างผอมผมขาวประปราย เลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ผมมาตามหาอาจารย์ยอดครับ อาจารย์ยอดที่เก่ง ๆ เรื่องของขลัง”
“อ๋อ...อาจารย์ยอดงั้นเหรอ..”
“ครับ อาจารย์ยอด คุณลุงพอจะรู้จักมั้ย”
“รู้จักสิ..แต่เอ็งต้องไปหาที่วัดโน่นแหละ”
“อาจารย์ยอดบวชเป็นพระงั้นเหรอครับ” นพฤทธิ์ถามขึ้น เพราะไม่คิดว่าอาจารย์ยอดที่เขาร่ำลือกันจะบวชเป็นพระไปเสียได้
“ไม่ใช่หรอก อาจารย์ยอดกับลูกศิษย์มาช่วยงานศพที่วัดน่ะ”
“แล้ววัดอยู่ที่ไหนครับคุณลุง”
“เอ็งจะตามข้ามามั้ยละ ข้าก็กำลังจะไปวัดอยู่พอดี”
“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมค่อย ๆ ขับตามมอเตอร์ไชค์ของลุงไปก็แล้วกันนะครับ”
นพฤทธิ์ตัดสินใจขับรถของตนเองตามมอเตอร์ไชค์คันเก่า ๆ ของชายสูงวัยไปเรื่อย ๆ ระยะทางประมาณสักกิโลกว่า ๆ เห็นจะได้ ก็ถึงทางเลี้ยวเข้าวัด ภายในมีการทำพิธีศพของหญิงสาวที่เพิ่งตายใหม่ ๆ เธอไม่มีญาติที่ไหน มีเพียงหญิงชราตาบอดที่เป็นเพียงยายของเธอเท่านั้น อาจารย์ยอดจึงรับทำศพของหญิงสาวรายนี้ นพฤทธิ์เห็นอาจารย์ยอดกำลังยุ่ง ๆ ก็เลยยังไม่อยากเข้าไปรบกวน
เขาตัดสินใจปักหลักรออยู่ที่วัดแห่งนี้ ช่วงหัวค่ำมีสวดอภิธรรมพอดี หลังจากนั้น ก็มีกลุ่มชาวบ้านที่พากันมานั่งเล่นไฮโลกัน และระหว่างที่เขารอพบอาจารย์ยอด นพฤทธิ์จึงตัดสินใจเล่นไฮโลกับชาวบ้านเพื่อเป็นการฆ่าเวลา ลุงคนที่พาเขามาที่วัดมีชื่อว่าคุณลุงสมาน และคุณลุงสมานก็ได้แนะนำตัวนพฤทธิ์ให้คนในวงไฮโลรู้จัก
ลุงสมานคอเหล้า พอเหล้าเข้าปากแกก็พูดไปเรื่อย ๆ แต่ที่นพฤทธิ์ตัดสินใจเล่นไฮโล ก็เพราะมีลูกศิษย์ของอาจารย์ยอดคนหนึ่ง พูดถึงสรรพคุณของน้ำมันพรายขึ้นมา
“รับรองว่าได้ของจริงไม่จกตา...แน่นอน” ไอ้หาญลูกศิษย์คนสนิทของอาจารย์ยอด อวดอ้างสรรพคุณของน้ำมันพรายขึ้นกลางวงไฮโลให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟังกลางงานศพของหญิงสาวในหมู่บ้านที่ตายทั้งกลม
นพฤทธิ์ที่ตัดสินใจมาตามหาอาจารย์ยอดในงานศพดังกล่าว ก็ได้ยินชาวบ้านคุยกันว่าอาจารย์ยอดมาเป็นสัปเหร่อในงานศพที่วัดแห่งนี้ นพฤทธิ์บอกกับคนในวงไฮโลว่าเขาไม่ได้เป็นญาติกับผู้ตายแต่อย่างใด แต่สาเหตุที่ต้องมาที่นี่ก็เพราะอยากได้น้ำมันพรายจากอาจารย์ยอด หลังจากนั้นทุกคนจึงฟังนายหาญเล่าถึงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของน้ำมันพรายอีกครั้ง
“มันเด็ดถึงขนาดนั้นจริง ๆ เหรอครับพี่หาญ” รุ่นน้องในกลุ่มไฮโลเอ่ยขึ้น แต่นพฤทธิ์ก็ยังนั่งฟังทุกคำอย่างพิจารณาและเก็บทุกรายละเอียดเกี่ยวกับน้ำมันพราย
“ใช่แล้ว..น้ำมันผีพรายเนี่ย มันมีฤทธิ์ทางนี้จริงๆ นะ บุรุษที่ได้เป็นเจ้าของของมัน หากถ้าได้เอาน้ำมันพรายไปดีดไปทาหรือสัมผัสกับหญิงสาวคนไหนละก็ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักหลงผู้ชายคนนั้นจนโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว” นายหาญเล่าต่อไปเรื่อย ๆ