ตอนที่ 6
“ในอดีต ทหารที่เป็นแม่ทัพนายกองไปจนถึงพวกหัวหมู่ทะลวงฟัน จะทำพิธีชุบดาบด้วยน้ำมันพรายเพื่อให้ดาบนั้นมีฤทธิ์เดชาประกาศิต แต่ไม่ใช่หญิงตายทั้งกลมหรอกนะ เป็นศพของพวกทหารที่เสียชีวิตไปแล้วนั้นแหละ พอศพใกล้เน่ามันจะมีน้ำเหลืองออกมา ก็จะเอาน้ำเหลืองนั้นแหละไปทำพิธีชุบดาบ
“ทหารที่ตายไป ก็เรียกได้ว่าเป็นผีตายโหงเหมือนกันใช่มั้ยครับ” คนในวงเอ่ยถาม
“ใช่ พวกนี้ตายโหงเพราะถูกฆ่าตายยังไงล่ะ” นายหาญรีบตอบ
“แล้วถ้าก่อนออกรบ เค้าจะไปหาศพทหารจากไหนกันล่ะพี่” รุ่นน้องในวงอีกคนเอ่ยถาม
“มีสิ! สมัยก่อนมักไม่ค่อยได้เผาศพกันเหมือนสมัยนี้หรอก พวกศพเขาก็จะไปขุดเอา การทำน้ำมันพรายแบบนี้จะใช้น้ำเหลืองน้ำหนองเลือดเมือกรวมทั้งไขมัน ตลอดจนมีเศษเนื้อที่เละๆ เน่าเปื่อยปนมาด้วย ลักษณะแบบนี้เอ็งลองนึกถึงก้อนเนื้อที่เน่าเฟะที่มีน้ำแฉะๆ เหนียวเหนอะน่ะ หรือที่พอจะใกล้เคียงที่สุดก็คือปลาร้าที่เละๆ แบบเนื้อละลายนั่นแหละใช่เลย"
"โห..ยิ่งพูดยิ่งขนลุก" ชายในวงพูดขึ้น
"และถ้าเป็นศพผู้หญิงที่ตายทั้งกลมก็จะดีเลยเพราะเขาจะผ่าเอาก้อนเลือดที่เริ่มก่อตัวเป็นทารกในครรภ์ อาจารย์ข้าเล่าว่า ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ใช้เป็นก้อนเลือดที่ได้จากการทำแท้ง ก้อนเลือดนี้จะว่าไปแล้วก็คือทารกนั่นเอง จึงถือว่าใกล้เคียงกับซากศพและเอามาทำน้ำมันพรายได้เหมือนกัน จากนั้นเวลาออกรบก็จะให้วิญญาณเด็กช่วย วิธีการนี้ขุนแผนก็ยังใช้เลยนะจะบอกให้ พอได้น้ำเหลืองมาเรียบร้อย ก่อนจะออกรบก็จะทำพิธีชุบดาบโดยจะเรียกว่า พิธีชุบพระแสง” พอนายหาญพูดถึงพิธีสมัยโบราณที่คนทั่วไปไม่เคยรู้ พวกนักพนันทั้งหลายก็นั่งฟังกันอย่างใจจดใจจ่อ
“แหม! เรื่องที่พี่ชายเล่ามาเนี่ย...ฟังแล้วสนุกดีนะ” นพฤทธิ์ที่ฟังอยู่นานก็เอ่ยขึ้น
“อ่าว ไอ้หนุ่ม เอ็งก็สนใจเรื่องพวกนี้เหมือนกันเหรอวะ ข้าเห็นเอ็งเป็นหนุ่มเมืองกรุง ก็คิดว่าจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เสียอีก”
“เชื่อสิครับพี่ชาย ผมชอบไสยศาสตร์พวกนี้อยู่แล้ว ว่าแต่ตอนนี้อาจารย์ยอดของพี่ไปไหนเสียแล้ว” นพฤทธิ์เอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าอาจารย์ยอดหายไปหลังจากสวดศพเสร็จ
“อาจารย์ของข้าน่าจะไปสวดมนต์อยู่ที่อาศรมนั่นแหละ ข้าน่ะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ยอด เอ็งมีอะไรกับอาจารย์ข้างั้นรึ..ไอ้หนุ่ม” นายหาญเอ่ยถามนพฤทธิ์ เพราะเห็นว่าเขาปักหลักคอยอาจารย์ยอดที่วัดมาตั้งแต่เย็น
“ผมตั้งใจจะมาขอบูชาน้ำมันพรายจากอาจารย์ของพี่นั่นแหละครับ”
“ได้สิ! ถ้าเอ็งอยากได้ละก็ ไปที่อาศรมของอาจารย์ข้า แต่ข้าก็ไม่แน่ใจหรอกนะ..ว่ามันจะมีหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า เพราะอาจารย์ข้าไม่ได้ทำน้ำมันพรายมานานมากแล้ว”
“ว่าแต่..คืนนี้อาจารย์ของพี่จะกลับมาที่งานศพอีกหรือเปล่าครับ”
“คืนนี้คงไม่แล้วล่ะ...แต่ถ้าจะมาก็คงเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะคืนนี้อาจารย์ยอดยกหน้าที่นี้ให้ข้าแล้วล่ะ”
“เอ่อ..พี่ชายครับ ผมชื่อว่าเข้ม ส่วนพี่ชายชื่ออะไรเหรอครับ” นพฤทธิ์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มมีประโยชน์กับตนเอง
“ข้าชื่อว่า หาญ”
“งั้นผมเรียกพี่หาญก็แล้วกันนะครับ”
“เอ็งเป็นคนที่ไหนวะ..ไอ้เข้ม”
“ผมมาจากกรุงเทพฯ ครับ”
“เอ่อ!!!...พี่หาญ ผมอยากรู้เรื่องการชุบดาบด้วยน้ำมันพราย” นพฤทธิ์พยายามชวนคุยเพื่อตีสนิท
“เอ็งอยากรู้ไปทำไมกันอีกวะ”
“ผมอยากรู้ตอนที่พี่เล่าว่า ในอดีตการจะออกรบแต่ละครั้งจะมีการชุบดาบด้วยน้ำมันพราย มันจะทำให้ชนะศัตรูยังไงเหรอครับพี่ ผมไม่เข้าใจ”
“เอ็งคงจะคิดว่าน้ำมันพรายมันทำเสน่ห์ได้อย่างเดียวล่ะสิ อันที่จริงอาจารย์ของข้าท่านเคยเล่าให้ฟังว่า หมอผีโบราณเค้าจะใช้น้ำมันพรายเขียนยันต์ลงไปที่ดาบ เมื่อทิ้งให้แห้ง ก็จะเอาดาบเล่มนั้นเข้าเตาเผาจนดาบร้อนเป็นสีแดง
อาจารย์ข้ายังเล่าอีกว่า มันจะส่งกลิ่นเหม็นตลบจนต้องใช้ใบชาเพื่อกลบกลิ่นของมัน พอทิ้งดาบให้เย็นแล้วตัวยันต์ที่เขียนเอาไว้จากน้ำมันพรายก็จะเกิดเป็นอักขระปรากฏขึ้นมา”
“โอ้! ช่างอัศจรรย์ดีแท้ ผมชักอยากเจออาจารย์ยอดเร็ว ๆ แล้วสิ” นพฤทธิ์รีบบอก
“เอ็งอยากได้แค่น้ำมันพรายอย่างเดียวไม่ใช่รึ...ไอ้เข้ม”
“ครับ ผมอยากน้ำมันพราย แต่เรื่องดาบ ผมก็เพิ่งเคยได้ยินเนี่ยแหละ”
“คงจะเอาไปใช้กับผู้หญิงละซิ แต่บอกไว้ก่อนนะ ถ้าเอ็งได้ไปแล้ว ก็อย่าเอาไปใช่สุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ เอ็งต้องใช้อย่างระมัดระวัง”
“ครับ”
“งั้นเดี๋ยวเสร็จจากงานศพคืนนี้ ข้าจะพาเอ็งไปพบกับอาจารย์ของข้า”
“แล้วเอ็งมีที่หลับที่นอนหรือยังล่ะ..ไอ้เข้ม”
“ยังเลยครับ ผมกะว่าจะนอนหลังรถเอา”
“เฮ่ย!..ไม่ต้องหรอก ไปนอนที่บ้านอาจารย์ข้าก็ได้”
“ครับ ขอบคุณครับพี่หาญ"