ประตูห้องปิดลงพร้อมกับแผ่นหลังเนียนนุ่มที่ทาบทับบนผนังห้อง ราชาวดีไม่แม้แต่จะได้ยินเสียงของเครื่องปรับอากาศด้วยหลงใหลในรสชาติหวานระรื่นหอมของจุมพิตที่แผนร้อนเข้าไปถึงแก่นกลางใจ
สองหนุ่มสาววนเวียนเลาะเล็มแลกจุมพิตกันอย่างเร่าร้อนพร้อมเสียงครางแหบพร่าที่ดังมาเป็นระลอก กายเล็กแอ่นแผ่นหลังแนบผนังห้อง ศีรษะทุยสะบัดส่ายไปมาด้วยความสยิวซ่านที่ผ่านมาเป็นระลอกคลื่น ทรวงอกอวบอิ่มไหวกระเพื่อมแนบชิดใบหน้าคมคร้ามที่หลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น ฟอนเฟ้นกัดกลืนกินผ่านม่านเสื้อชั้นในจนส่วนของปลายยอดเปียกชื้น
“หวาน...หวานมากช่อม่วง” ฝ่ามือใหญ่คลึงเคล้นจนปทุมงามอวบอิ่มบางเบ่งตามติด ปลายลิ้นสากระคายตวัดไล้หยอกล้อกับเม็ดบัวที่หดเกร็งดันเสื้อชั้นในตัวเล็กออกมา
เซกิจิโร่นวดคลึงผิวเนื้อนุ่มประดุจใยไหมไล้ลงไปบนหน้าท้องแบนราบเรียบ สอดแทรกเข้าไปทักทายกุหลาบที่ซ่อนเร้นอยู่แผ่วเบา เพียงสัมผัสที่ตอบสนองมา เขาก็หัวหมุนติ้ว จึงรีบโอบกระชับร่างเล็กพาเดินไปที่เตียงนอน
ชายหนุ่มผ่อนร่างบอบบางลงบนเตียง ขณะแนบริมฝีปากเคลื่อนไปทั่วใบหน้านุ่ม เหมือนเขากำลังตกหลุมอะไรสักอย่างที่เขาไม่อยากจะรับรู้ นิ้วยาวไกล่เกลี่ยปลายจมูกโด่งได้รูปลงมาถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กดคลึงลงไปอย่างแผ่วเบา
“เธอเป็นคนที่ทำให้ฉันเกิดความปรารถนาขึ้นมาในฉับพลันเลยช่อม่วง” เซกิจิโร่เอ่ยเสียงแหบพร่า ประกายในดวงตาเจิดจ้าร้อนแรงด้วยเปลวเพลิงพิศวาสที่อาบล้นท่วมท้นกายจนอยากที่จะจิกทึ้งดึงเอาเสื้อผ้าจากสองร่างออกแล้วถาโถมความแข็งแกร่งเข้าไปในกายสาวที่อุ่นนุ่มและร้อนระอุในฉับพลันแต่รู้ดีว่าหญิงสาวยังใหม่สดและบริสุทธิ์เกินไปที่จะทำอย่างนั้น เพราะเธอจะขลาดกลัวการมีสัมพันธ์กับผู้ชายไปเลย
เสียงครางผะแผ่วดังจากลำคอแกร่ง กายสาวกลมกลึงเนียนนุ่มยังติดตรึงอยู่ในมโนภาพ จนอยากที่จะมองซ้ำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่แสงจากไฟระย้าที่ห้อยอยู่ด้านบนไม่เพียงพอให้ได้ชมรูปกายบอบบางอย่างถนัดถนี่จนต้องเอื้อมไปกดสวิตช์โคมไฟเป็นตัวช่วยอีกทางหนึ่ง
“ไม่ต้องกลัวนะช่อม่วง มันก็แค่เรื่องธรรมดาเท่านั้นเอง ฉันจะสอนให้เธอรู้จักกับสัมผัสลี้ลับระหว่างชายหญิงที่จะทำให้เธอมีความสุขที่สุดสาวน้อย”
เซกิจิโร่วางมือบนหน้าท้องแบนราบเรียบ กดคลึงอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน นิ้วยาวลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่มเหมือนกับไหมชั้นดี เกี่ยวเอาชายเสื้อตัวเล็กขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมนวดคลึงเผื่อให้ราชาวดีผ่อนคลายความกลัวที่มันฉายชัดอยู่บนวงหน้าและดวงตากลมโต
“แต่ฉันกลัว” ราชาวดีตอบกลับเสียงเบาหวิว ในหัวใจมันเต้นอ่อนล้าเหมือนกับว่ามันกำลังจะหมดแรง แต่เมื่อถูกแตะต้องกลับเต้นแรงรัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมา
“ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิดเดียวสาวน้อย” ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนไหวไปตามส่วนเว้าโค้ง ไล้ขึ้นลงให้อีกฝ่ายได้ชินกับสิ่งที่เขาปรารถนาปรนเปรอให้กับตัวเองและแม่สาวที่เป็นเหมือนกับลูกแกะแต่พอสัมผัสเข้าจริง ๆ กลับร้อนแรงเป็นไฟ
ริมฝีหนาร้อนแย้มยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงร้องครางเปล่งออกจากลำคอระหง ยามที่เขาเคล้นคลึงปทุมถันอวบอิ่ม จมูกโด่งเป็นสันกดลงบนพวงแก้มนุ่มไพล่ไปถึงสันจมูกโด่งได้รูปเรื่อยลงไปถึงริมฝีปากนุ่มนิ่มที่เย็นชืด
“แล้วเธอจะต้องขอบใจที่ฉันทำให้ค่ำคืนนี้กลายเป็นคืนแห่งความทรงจำอันแสนมีค่า”
ริมฝีปากหนาขบกัดติ่งหูนุ่ม สอดแทรกปลายลิ้นล่วงล้ำไปหยอกล้อกับช่องหูเล็กก่อนจะเคลื่อนไหวราวกับผีเสื้อโบยบิน เซกิจิโร่กดคลึงขบกัดกลีบปากบนล่างสลับกันไปมา ขณะมือก็ฟอนเฟ้นเคล้นคลึงปทุมถันอวบสล้าง ริมฝีปากหนาร้อนระอุขบไล่ลงไปซุกไซ้ซอกคอระหง
“อ๊ะ...อือ...” น้ำเสียงแผ่วพลิ้วดังออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม เมื่อสัมผัสที่ได้รับสร้างความวาบหวิวเสียวซ่านจากศีรษะจรดปลายเท้า มือเล็กดึงทึ้งผ้าปูเตียง จิกเกร็งปลายเท้าสลับถูไถไปในเตียงนอนนุ่มๆ ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งรับสัมผัสหนักหน่วงที่ทำให้เธอร้อนราวถูกไฟเผา
เซกิจิโร่ขบกัดริมฝีปากร้อนผ่าวไปทั่วผิวกายที่ทั้งเนียนและนุ่มหวาน ลำคอระหงมีสีแดงเป็นจ้ำ ๆ ทุ่มน้ำหนักนวดเฟ้นทรวงอวบอิ่มเต่งตึงสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่ทะนุถนอม
“ยกตัวขึ้นหน่อยซิช่อม่วง” เซกิจิโร่บอกเสียงนุ่ม ปกติแล้วเขาไม่เคยที่จะทำอย่างนี้กับใคร ยามที่จะมีผู้หญิงอยู่เคียงนอนเรียงเตียงเดียวเผื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าทางกายและสมองที่ทำงานหนักมานั้น เธอเหล่านั้นจะเป็นฝ่ายจัดการทุกอย่างด้วยความชำนิชำนาญ ส่วนเขามีหน้าที่แค่นอนรับเอาความสุข แต่กับราชาวดีนั้นไม่ใช่ เธอยังเป็นสาวน้อยที่ไร้เดียงสากับเรื่องที่จะเกิดขึ้นระหว่างชายและหญิง
แม้จะอายแต่ราชาวดีก็ทำตามคำสั่งนั้นแต่โดยดี ศีรษะทุยขยับขึ้นพร้อมลำตัวเล็กกลมกลึงเพื่อให้เสื้อยืดตัวเล็กเนื้อนิ่มที่เก่าจนชายเสื้อยืดย้วยที่เคลื่อนขึ้นมาพำนักบนลำคอหลุดออกจากกายไป ความเย็นของอากาศทำให้เธอหนาวสั่นสะท้านยิ่งขึ้นจนขนตามเรือนกายลุกชัน แต่เพียงครู่เดียวมันก็จางหายไปเพราะกายแกร่งที่โอบอุ้มกดกอด
“คุณ...ปล่อยฉันไปเถอะนะ” ราชาวดีลองขออีกครั้ง พลางมือยกขึ้นปิดทรวงอวบอิ่มจากสายตาคม แต่สิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็น...
“อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ซิช่อม่วง”
เสื้อสูทสีขาวถูกโยนไปกองอยู่ข้างเตียง ก่อนที่มือแกร่งจะจับมือเล็กออกจากอกอวบอิ่ม แล้วจรดริมฝีปากหนาเคลื่อนไปหา เลาะเล็มบนก้อนเนื้อกลมกลึงไปจนถึงปลายยอดสีทับทิมที่ชูชันดุดดันเสื้อชั้นในตัวเล็กที่ปกปิดความอวบใหญ่เอาไว้ไม่มิด ลากไล้ปลายลิ้นสากระคายบนปลายยอดทรวงถี่รัว
“อ๊ะ...” ลำตัวกลมกลึงแอ่นโค้งเหมือนกับคันศร ทรวงสล้างปริบานยามถูกแตะต้อง วาบหวิวสะท้านไปทั้งกาย หนาวสลับเย็นเหมือนกับคนที่กำลังจับไข้ ในท้องน้อยเริ่มปั่นป่วนเหมือนมีสายน้ำอุ่นวิ่งวนอยู่ สองขาถูไถกับพื้นเตียง
“ห้ามพูดและขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกนะช่อม่วง ระหว่างเรา เธอก็รู้แล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้น”
ชายหนุ่มจรดริมฝีปากบดคลึงปลายยอดทรวงหดเกร็งอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน หูรอฟังเสียงหวานที่ดังมาจากปากอิ่มด้วยความวาบหวิวสยิวซ่านที่มันจะเปล่งออกมาทุกครั้งตามการแตะต้องของเขา ทว่าหญิงสาวกลับพยายามข่มกลั้นเอาไว้
“ดูซิช่อม่วง กายเธออยากให้ฉันสัมผัสมันแค่ไหน” นิ้วยาวลากไล้ไล่ขึ้นไปจนถึงปลายยอดทรวงสีเข้มที่ชูชันดุนดันตัวผ้าก่อนจะกดขยี้ปลายยอดถันแผ่วเบาแล้วทวีความหนักหน่วงขึ้น
“อ๊ะ...คะ...คุณ...” ราชาวดีขบกัดริมฝีปากสะกดกลั้นเสียพลิ้วหวานไม่ให้หลุดออกมาจากปาก
น้ำเสียงที่ขาดหายไปทำให้เซกิจิโร่เกิดความรู้สึกอยากที่จะกลั่นแกล้งคนที่ยังใจแข็งทั้งที่ร่างกายนั้นร้อนเร่าด้วยความปรารถนา นิ้วยาวลากไล้เคล้นคลึงบดขยี้ปลายยอดทรวงอย่างหนักหน่วง จนหน้าท้องแบนราบเรียบขมวดไหวเป็นเกลียวเหมือนน้ำทะเลที่สาดซัดเข้าหาฝั่ง