เปี่ยมรักดึงใบหน้ากลับ แอบกรอกตาแล้วเค้นเสียงในลำคอเบาๆ
เขาและเธออยู่ในสถานะสามีภรรยา แต่ต้องมารอลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายรู้สึกหรือรักก่อนเนี่ยนะ!
หากคนอื่นมองเข้ามาเขาจะลงความเห็นในเรื่องนี้ว่ายังไงกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นั่นมันก็ไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญอะไรมากมาย สุดท้ายการทำให้ผัวที่ถูกต้องตามกฎหมายรักเมียหลงเมีย มันก็เป็นสิ่งที่เมียอย่างเธอควรทำ
รถยนต์ยี่ห้อดังสีดำวาบวับเลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบริษัทขนาดใหญ่ ตึกหลายสิบชั้นย้ำชัดว่าเขาเป็นผู้บริหารในระดับที่โก้แค่ไหน
โคตรรวย ความหล่อก็ไม่แพ้ใคร ท่องไว้เถอะรัก ใครๆ เขาก็ว่าเธอโชคดี
"ฉันขอเวลาเคลียร์งานสักสองชั่วโมง เสร็จจากนั้นเธออยากไปไหนก็คิดไว้ละกัน"
"รักอยากกลับบ้านค่ะ" ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังดับเครื่องยนต์หันกลับมามอง ส่งผลให้คนตัวเล็กที่กำลังรั้งสายกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องบ่ารีบอธิบายออกมา
"พอดีว่ารักลืมของน่ะค่ะ อยากกลับไปเอา อยากซื้อของไปฝากพ่อกับแม่ด้วย"
"ไม่อยากไปเที่ยวเหมือนคนอื่นบ้าง?"
"ก่อนหน้านี้ก็เที่ยวมาจนทั่วแล้วค่ะ"
"อ้อ ลืมไป เมื่อก่อนเธอมีเวลาว่างมากนี่" คิ้วสวยขมวดเป็นปม เป็นจังหวะที่คนตัวโตก้าวขาลงจากรถไป
"นี่กำลังว่าเราอยู่ปะวะ" คนตัวเล็กมุ่ยหน้าอย่างงุนงง จากนั้นก็รีบตามลงจากรถอย่างรวดเร็ว
"เมื่อก่อนรักก็ทำงานนะคะ"
"งานที่ทำแค่ไม่กี่เดือนและยังไม่มีประสบการณ์มากพอไม่ควรเอามาอวดนะ" มือหนาจัดการล็อกรถยนต์ด้วยรีโมท เป็นจังหวะที่คนตัวเล็กก้าวขาไปหยุดตรงหน้า
"เฮียรู้เหรอคะว่ารักเคยทำงานอะไร และทำมากี่เดือน" คนถูกถามทำทีเป็นเมินออกไปอีกทาง สองมือล้วงกระเป๋า ท่าทีเมินเฉยของเขามันทำให้เธอไม่ค่อยพอใจ
"แม่รักเล่าให้ฟังสินะคะ ถ้าอย่างนั้นรักจะบอกให้นะคะ ประสบการณ์ในการทำงานรักพอมีค่ะ และเหตุผลที่ต้องลาออกมันก็เป็นเพราะว่าคุณแม่ขอให้รักมาแต่งงาน"
"ไม่อยากลาออกจากที่นั่นเลยว่างั้น?"
"ใช่ค่ะ รักไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด เพราะที่นั่น..."
"เสียใจด้วยก็แล้วกันนะที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องลาออกจากงานที่เธอชอบ เสียใจด้วยกับความผิดหวังในใจของเธอ" เปี่ยมรักนิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปากของอีกฝ่ายเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ
"หมายความว่าไงคะ"
"ก็หมายความว่าฉันเสียใจด้วย ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้เธอต้องลาออกจากที่นั่น และการลาออกจากที่นั่น มันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเสียใจไม่ใช่เหรอ"
"ก็ใช่ค่ะ รักเสียใจ" รอยยิ้มเย้ยหยันผุดบนมุมปากหนา ถึงอย่างนั้นดวงตาคมกริบก็แอบหลุดความไม่พอใจออกมา
"ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าที่นั่นมันมีอะไรดี"
"มันก็มีดีทุกอย่างนั่นแหละค่ะ มีเงินเดือน มีหนังสือดีๆ ให้อ่านเพียบ เวลาที่ทำงาน มองไปทิศทางไหนก็ได้เจอแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ มันก็ดีไม่ใช่เหรอคะ"
"ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลที่ว่าเงินเดือนดี มีหนังสือฟรีให้อ่านหรือว่ามีเจ้านายใจดีมาก นั่นมันก็เป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น ปัจจุบันเธอแต่งงานและเป็นภรรยาของฉัน เวลาอยู่ด้วยกันก็ควรทำหน้าให้มันดีๆ อย่ามานั่งเหม่อเพราะคิดถึงอดีตก็แล้วกัน" เปี่ยมรักนิ่วหน้า ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอทำแบบที่เขาพูดตั้งแต่เมื่อไหร่
ที่กล้าพูดว่าเสียใจที่ได้ออกจากงานเดิม เพราะงานที่เธอทำก่อนหน้านี้มันเป็นงานที่เธอรัก
เปี่ยมรักเคยเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของห้องสมุดแห่งนั้นเป็นนักเขียนในดวงใจที่เธอติดตามผลงานของเขามาโดยตลอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบหน้าเขาด้วยซ้ำ
และเหมือนว่าครั้งหนึ่งเธอจะโชคดีมาก สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่เธอชื่นชอบและสนับสนุนหนังสืออยู่บ่อยๆ มีการแจ้งและประชาสัมพันธ์สำหรับงานหนังสือ ข่าวดีคือเธอมีโอกาสได้ขอลายเซ็นนักเขียนในดวงใจ
เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย เจ้าของนามปากกาสุดเก๋ที่รู้ตั้งแต่ต้นว่าคำนำหน้าคือนาย เขาเป็นผู้ชายแท้ ตัวเป็นชาย ใจเป็นชาย และเขียนนิยายรักโรแมนติกได้โคตรดี ที่สำคัญวันแรกและครั้งแรกที่พบหน้า เขาหล่อราวกับพระเอกนิยายที่เขาบรรยายในคาแรคเตอร์ของพระเอกของนิยายตัวเอง
ได้มารู้หลังจากนั้นว่านักเขียนที่เธอติดตามเปิดห้องสมุดเพื่อให้เช่า หนอนหนังสืออย่างเธอที่รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ สุดท้ายกลับถูกชักชวนให้เข้าไปเป็นบรรณารักษ์ ความชอบส่วนตัวทำให้เธอตกปากรับคำ และได้มารู้ในภายหลังว่ารายได้จากงานที่ทำสามารถเลี้ยงเธอได้มากกว่าที่คิดเลย
"เดินเร็วๆ อย่าชักช้า" ใบหน้าหล่อเหลาที่ตวัดกลับมาหาส่งผลให้คนตัวเล็กสาวเท้าเร็วๆ
สังเกตเห็นว่าตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น บุคลิกของเขากลายเป็นคนที่สุขุม ถึงอย่างนั้นก็ออกหยิ่ง แม้แต่ตอนที่มีคนยกมือไหว้เขายังตีหน้านิ่งกลับไป
"สวัสดีค่ะบอส วันนี้รับ..." เสียงสดใสเมื่อสักครู่ขาดหาย ในตอนที่เลขาสาวอย่าง ทอฝัน ประสานสายตากับดวงตากลมโตของคนที่ก้าวเข้ามาตามหลังผู้ที่เป็นเจ้านายของเธอ
ใบหน้างดงาม เรือนร่างขาวผ่องสมส่วน ออร่าของเจ้าสาวหมาดๆ ยังมีให้เห็น และการที่เธอถูกเรียกตัวไปใช้ในตอนงานแต่งงาน ทอฝันจำต้องรีบยกมือไหว้หญิงสาวผู้ที่เป็นภรรยาของเจ้านาย
"คุณรัก สวัสดีค่ะ ทอฝันนะคะ เรียกฝันเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ฝันเป็นเลขาของคุณภูมิ"
"อ๋อ รักจำได้ค่ะ ตอนงานแต่งเห็นช่วยงานหลายอย่างเลย" เจ้าสาวหมาดๆ ยิ้มกลับไปอย่างเป็นมิตร ขณะที่อีกฝ่ายเพียงแต่ยิ้มแห้งๆ กลับมา
"อยากได้อะไรก็บอกทอฝัน เข้าไปรอในห้อง ขอทำธุระแป๊บเดี๋ยวตามเข้าไป"
"อ๋อได้ค่ะ" เปี่ยมรักตอบรับสามีด้วยรอยยิ้ม
"ดูแลด้วย" เขาหันไปสั่งเลขาก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง
กลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งกระจายจากสูทหรูราคาแพงผสานกับกลิ่นโคโลญจน์บนเรือนร่างสมส่วนส่งผลให้หัวใจของผู้ที่จงรักภักดีกระตุกวูบ
สายตาคมที่เหลือบมองผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าภรรยาตอนจะก้าวขาออกไป
เลขาสาวมีความรู้สึกว่าเจ้านายของเธอไม่ได้เสียใจกับการแต่งงานที่เกิดขึ้นกระทันหันเพราะผู้ใหญ่ต้องการเลย
หลังจากที่ภูมิรพีเคลียร์งานที่บริษัทโดยใช้เวลาราวๆ สองชั่วโมงแบบที่บอกก่อนหน้า เขาก็ยอมพาเธอไปที่บ้านของเธอแบบที่เธอร้องขอ
อาหารดีๆ หลายอย่างที่เปี่ยมรักซื้อติดไม้ติดมือกลับ และราคาของอาหารมันก็ทำให้เธอนิ่งเฉยไม่ได้จริงๆ
"ขอบคุณมากนะคะที่ออกค่าอาหารให้"
"ดูเธอดีใจมากนะที่ได้กลับบ้าน"
"ค่ะ รักอยากกลับไปเอาของด้วยค่ะ"
"ของชิ้นนั้นคงสำคัญมากสินะ" เจ้าของคำพูดเพียงแต่ปรายตามอง และรอยยิ้มบนมุมปากบางมันทำให้เขาสนใจ
"หนังสือน่ะค่ะ รักจะกลับไปเอาหนังสือ พอดีอ่านมาได้ครึ่งเรื่องแล้ว อยากอ่านต่อให้จบ"
"ชอบอ่านหนังสือมาก?"
"อ่านทุกวันค่ะ อ้อ ลืมเล่าให้ฟัง เจ้าของห้องสมุดที่รักเคยเป็นบรรณารักษ์ เขาคือผู้เขียนหนังสือที่รักชอบอ่านด้วยนะคะ" เปี่ยมรักยิ้มกว้าง ในความคิดเธอ พอเจอหนังสือเล่มโปรด ซ้ำยังมาพบว่าผู้เขียนหล่อมาก มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นชะมัดเลย
"พูดถึงผู้ชายแล้วอมยิ้ม ไม่คิดว่าตัวเองกำลังปลื้มสามีชาวบ้าน?"
"ไม่เป็นแบบนั้นเลยค่ะ นักเขียนคนนั้นที่เป็นเจ้านายเก่าของรักเขายังโสด โสดสนิทมาก ใจดีมากด้วยนะคะ" ภูมิรพีปรายตามองพลางดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้ม ไม่นานก็ส่งเสียงผ่านลำคอซ้ำยังแอบหลุดสีหน้าที่ไม่พอใจออกมาโดยไม่รู้ตัว