ทั้งที่คุณสมควร ก็ไม่รู้ว่าหลานสาวที่หายจากบ้านไปตั้งยี่สิบปี จะมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่สิ่งเดียวที่คุณสมควรเชื่อก็คือ เกือบแปดปีที่อยู่ร่วมชายคาด้วยนั้น หลานเป็นคนฉลาดหลักแหลม ทันคนและไม่เกรงกลัวใคร ซึ่งได้สงครามผู้พ่อมาเกือบจะทั้งหมด
แม้จะเป็นความหวังที่ริบหรี่ ในการค้นหาทายาทมาสืบทอดกิจการ แต่คุนสมควรก็มั่นใจว่ามองคนไม่ผิด จึงเอ่ยปากสั่งเมียให้ส่งคนออกตามหานับตั้งแต่สงครามตายแล้ว
ผ่านไปร้อยวันกระทั่งถึงวันเผาศพทุกอย่างก็เงียบ คุนสมควรจึงได้คิดว่าเมียเกลียดอิงอรก็ย่อมเกลียดหลานด้วย การเมินเฉยต่อคำสั่งสามีที่นอนป่วยอยู่จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากนัก
คุณสมควรจึงได้คิดหาวิธีใหม่ๆ ด้วยการเอาเรื่องที่จะยกสมบัติให้มูลนิธิเด็กกำพร้าขึ้นมาอ้าง เพื่อขู่ให้ทุกคนทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงดังคาดไว้ ฃ
เพียงแค่ไม่กี่วัน สุจินต์ก็ได้รับรู้ข่าวคราวของหทัยชนกอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว นักศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งทั้งปริญญาตรีและโท กับหน้าที่การงานในบริษัทอินเตอร์อันมั่นคง
บวกประสบการณ์อีกแปดปี น่าจะพอวัดพอเหวี่ยง หากจะเอามาฝึกฝนให้เก่ง แล้วเป็นผู้นำให้ครอบครัวต่อไป หรืออย่างน้อยๆ ก็ในช่วงที่รอเวลาให้สงกรานต์ปรับปรุงตัวเองใหม่ ตั้งใจเล่าเรียนให้จบ จะได้มาทำงานแล้วฝึกฝนตนเองจนมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำรุ่นต่อไปได้นั่นเอง
หทัยชนกกับวีนา ยื่นจดหมายลาออกในวันเดียวกัน เพราะทั้งสองจะต้องเข้าไปผจญภัย กับคนในตระกูลบวรชัยสกุลด้วยกัน ส่วนอิงอร อุ้ยและนิ่ง จะต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ เพิ่งโอนเสร็จเมื่อวานนี้
บ้านเช่าหลังน้อยทั้งสองหลัง จึงกำลังถูกคนในชุมชนมาช่วยกันขนย้ายข้าวของใส่รถ ไปบ้านใหม่อย่างชุลมุลวุ่นวาย แม้ผู้คนในซอยจะคุ้นเคยกันมานาน และทั้งสามคนไม่อยากจะย้ายไปยังไง
แต่หทัยชนกก็ต้องขอร้องให้ไป เพราะแม่มีสุขภาพไม่สู้ดี การอยู่แวดล้อมด้วยสภาพไม่ดีพลอย จะทำให้อาการเจ็บป่วยมาเล่นงานซ้ำได้โดยง่าย เมื่อเจอเหตุผลนี้เข้าทุกคนจึงจำใจต้องยอม
หทัยชนกซื้อรถคันใหม่ราคาเหยียบล้าน เพื่อเอาไว้ไปใช้งาน ส่วนคันเก่า จะเก็บไว้ให้แม่ใช้ เพราะหมู่บ้านจัดสรรห่างไกลตลาด จึงต้องมีรถไว้อำนวยความสะดวก อุ้ยจะเป็นคนขับให้สองสาวไปทุกๆ ที่
เมื่อทุกอย่างลงตัวดีแล้ว หทัยชนกก็มีเวลาได้ศึกษาแหล่งที่อยู่ใหม่ นั่นคือคฤหาสน์ของวงศ์สกุล ที่ตัวเองมีความจำหลงเหลืออยู่ในหัวเพียงเลือนลางเท่านั้น โดยเฉพาะด้านบวก
ส่วนด้านลบนั้น จำได้แม่นยำว่าใครเคยทำอะไรให้ เคยด่าว่ายังไง เคยกลั่นแกล้งยังไงบ้าง เพราะฉะนั้นเป้าหมายของการกลับไปในครั้งนี้ นอกจากจะได้ไปหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแม่เรื่องคบชู้สู่ชายแล้ว
การจะได้เอาคืนคนเคยทำไม่ดีไว้ให้ ก็เป็นเป้าหมายรองลงมา ส่วนเรื่องจะให้ไปช่วยงาน หญิงสาวไม่มั่นใจเอาเสียเลย เพราะลำพังตัวเองนั้นจะไปทำอะไรได้มากน้อยสักแค่ไหน
แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยๆ ก็ได้ชื่อว่าเป็น ‘บวรชัยสกุล’ ด้วยหนึ่งคน แม้เจ้าของนามสกุลจะไม่เต็มใจให้ใช้ยังไง แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธได้ ว่าเธอคือลูกสาวคนแรก ของนายสงครามนั่นเอง
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกิจการของครอบครัว ที่พอจะหาได้ในเน็ท จึงถูกสืบค้นอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อเก็บไว้ใช้เป็นทุนในการเริ่มต้นทำงาน จะได้ไม่ปล่อยไก่ทั้งเล้านัก หรือถ้าจะมีก็ให้เป็นแค่ตัวสองตัว ถึงจะไม่ถือว่าน่าเกลียด
อิงอรจ้องมองลูกวุ่นอยู่กับหน้าจอแล็ปทอป มาตั้งแต่เช้าแล้ว จึงเดินเข้าไปหาพร้อมแก้วน้ำส้มคั้น หทัยชนกหันไปมองของในมือแม่แล้วมาจิบอย่างเอาใจ แม้จะไม่รู้สึกหิวก็ตามที แล้วก็แซวแม่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เดี๋ยวนี้แม่เห็นอ๋อเป็นนางเอกไปแล้วเหรอจ๊ะ ตั้งแต่ย้ายมาบ้านใหม่ถึงขยันคั้นน้ำส้มให้จัง”
“เปล่า! แม่เห็นช่วงนี้ส้มถูกหรอก เลยเหมามาหลายถุง แล้วแม่จะเห็นเราเป็นนางเอกไปได้ยังไงกันจ๊ะ นางร้ายล่ะไม่ว่า ป่านนี้คุณปู่คุณย่าไม่ด่าเราเปิงไปแล้วเหรอ หาว่ารีดไถเงินท่านมาใช้ แม่ไม่สบายใจเลย แล้วตกลงจะไปค้างบ้านนั้นจริงๆ เหรอ ทำไมไม่มาค้างบ้านเราล่ะ ขับรถไกลขึ้นอีกหน่อยเองนะ แม่ไม่อยากให้ห่างหูห่างตาเลยบอกตรงๆ ว่าเป็นห่วง”
อิงอรเอง ก็รู้ความร้ายกาจของคนในบ้านนั้น ไม่น้อยไปกว่าลูกสาว หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่กว่าจะรู้ หรือคิดได้ว่า เบื้องหลังใบหน้าเปื้อนยิ้ม กับท่าทีอ่อนหวานของสาลินีนั้นซุกซ่อมคมมีดเอาไว้
มันก็สายไปเสียแล้ว แถมก็ไม่มีหลักฐานหรือพยานจะเอาไปบอกใครได้ หรือต่อให้บอกได้ก็คงไม่มีใครเชื่อ ว่าคุณผู้หญิงของบ้านจะใจไม้ไส้ระกำทำเรื่องไม่ดีอย่างนั้นได้
“ไกลขึ้นอีกหน่อยที่ไหนกันละจ๊ะแม่ อยู่คนละมุมเมืองเลย อีกอย่างถ้าอ๋อไม่เข้าไปอยู่ในนั้น อ๋อจะกระชากหน้ากากนังผู้ดีจอมปลอมออกมาได้ยังไง แล้วไหนจะเรื่องหาพยานหรือหลักฐาน มาลบล้างความผิดให้แม่อีก เรื่องผ่านมาตั้งยี่สิบปีแล้ว คนสวนที่ว่าก็ไม่รู้จะทำงานอยู่ในบ้านนั้นหรือเปล่า เราอยากได้ลูกเสือ ก็ต้องยอมเสี่ยงเข้าถ้ำเสือหน่อยสิจ๊ะแม่”
หทัยชนกรู้ดีว่าแม่ห่วง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น หากจะหาทางลบล้างความผิดในอดีตให้แม่
“แต่แม่ไม่สนใจแล้ว ว่าใครจะคิดยังไงกับแม่ ถ้ามันต้องแลกด้วยการที่ลูกต้องเข้าไปใกล้คนใจร้ายอย่างสาลินี เราไม่มีวันจะรู้หรอกว่าในใจของแม่นั่นคิดทำอะไรร้ายๆ เอาไว้บ้าง อีกอย่างแม่ก็ไม่แน่ใจ ว่ามีคุณย่าร่วมมือด้วยหรือเปล่า คุณย่าเกลียดแม่ยังกับอะไรดี และแม่ก็เชื่อว่าท่านจะต้องเกลียดลูกด้วย คนในบ้านทั้งหมดก็เป็นคนของท่าน จะสั่งให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แล้วอย่างนี้จะไม่ให้แม่ห่วงได้ยังไงล่ะอ๋อ”
ข้อนี้เธอรู้ดีและเห็นด้วยกับคำแม่แทบทั้งสิ้น แต่ก็ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ จึงแสดงท่าทีแข็งขันและมุ่งมั่นอย่างไม่เกรงกลัวใครเลย