“โอ๊ย!!!”
แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังชนเข้าอย่างจังอยู่ดี เมื่อเดินมาถึงทางเลี้ยวเข้าห้องน้ำ เพราะเจ้าตัวมัวแต่ก้มลงไปคว้านหาทิชชูในกระเป๋า สองแขนจึงไม่ว่างมากพอที่จะค้ำร่างตัวเองไว้
เป็นเหตุให้บั้นท้ายจ้ำเบ้ากับพื้นแข็งๆ จนของเหลวที่กำลังจะวิ่งไปเอาออก เกือบทะลักออกมาก่อน ถุงสารพัดในมือคู่กรณีตกมาใส่อีกสองสามถุง ที่ตกลงหาพื้นก็ไม่ต่ำกว่าสามถุง
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มไม่ได้ห่วงถุงของ ไปมากกว่าหญิงสาวที่วิ่งเข้ามาชนเลย จึงรีบก้มลงไปหมายจะช่วยพยุงให้ลุกขึ้น แต่ทันทีที่เจ้าของบั้นท้ายจ้ำเบ้าอยู่เงยขึ้นมามองเจ้าของเสียง และจำได้ว่าเป็นใครเท่านั้น ก็อุทานออกมาทันที
“คุณ!!!”
ปวีย์เองก็เพิ่งจะเห็นว่าเป็นใครเช่นกัน ทำให้เขาอดคิดถึงหญิงสาวอีกคน ที่เดินมาชนเขาในโรงจอดรถเมื่อนานมาแล้วไม่ได้ อยากจะคิดว่าเป็นคนเดียวกัน
แต่สาวในคืนนั้นเป็นนางแบบ เพราะเขาจำชุดที่ใส่ได้ แม้จะไม่ใช่ชุดฟีนาเล่ก็ตาม ส่วนสาวปากกล้าคนนี้อยู่คนละวงการกัน ไม่น่าจะใช่
“อ้าว! นึกว่าใครคุณนั่นเอง ให้ผมช่วยนะ”
“ไม่ต้อง ฉันลุกเองได้”
หทัยชนกรีบปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขา ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง และรีบลุกขึ้นโดยเร็ว แถมยังจ้องหน้าเขม็ง เพราะหมั่นไส้ ว่าทำไมตัวเองจะต้องมาเจอนายคนนี้ซ้ำสองอีกแล้ว
และเป็นการเจอแบบไม่สวยงามซะด้วย คงจะเป็นลางร้ายบอกให้รู้เป็นแน่ ว่านายคนนี้คงจะเป็นหนึ่งในจำนวนสามหรือสี่ ของศัตรูตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณเดินยังไงไม่ทราบ คนกำลังรีบไม่เห็นหรือไง”
“อ้าวคุณ! ผมเดินมาของผมดีๆ คุณต่างหากชนผม แถมไม่ขอโทษอีก มิหนำซ้ำยังจะมาว่าอีก อะไรกัน”
ปวีย์ออกอาการเซ็งนิดๆ ขณะก้มลงเก็บข้าวของ ที่สาวเจ้าไม่คิดจะช่วยเลย ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด หทัยชนกเองก็ยิ่งหัวเสียหนักเข้าไปอีก
“ถ้าเดินดีๆ คุณก็ต้องเห็นฉัน แล้วหลบฉันทันแล้วสิ คุณเองก็มัวแต่หิ้วของให้แฟน จนไม่ดูทางเหมือนกัน จะมาโทษว่าฉันผิดคนเดียวได้ยังไง อ้อ! ฉันก็ลืมไป ว่าพวกคุณเป็นประเภทไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ หัวสูง เห็นคนอื่นต่ำกว่าจนมองไม่เห็นหัว มิน่าล่ะถึงมาเป็นแฟนกับลูกสาวแม่นั่นได้ ที่แท้ก็สมกันยังเหมือนผีเน่ากับโรงผุนี่เอง”
ว่าแล้วร่างสูงเพรียวก็สบัดหน้าเดินเข้าห้องน้ำทันที ทิ้งให้ปวีย์ยืนงงเป็นไก่ตาแตก ที่อยู่ดีๆ ตัวเองก็ถูกแม่คุณวิ่งมาชน แถมมากระแหนะกระแหนด้วยเรื่องที่เขาไม่เข้าใจอีก
ไม่เข้าใจหนักเข้าไปอีกว่าเขาไปเผลอทำอะไรให้แม่คุณโกรธนักหนา ถึงออกอาการใส่เขาขั้นโคม่าขนาดนี้
“พี่วี! รอนานหรือเปล่าคะ ขอโทษทีค่ะ”
สาริยาที่คลาดกับพี่ต่างแม่ในห้องน้ำ รีบร้องทักแฟนด้วยรอยยิ้มและสีหน้าของคนรู้สึกผิด ที่ปล่อยให้รอนาน ปวีย์ที่ยังยืนงงไม่หายรีบส่งยิ้มให้สาวหน้าใสเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องขุ่นเคืองใจเมื่อครู่
“ไม่นานครับ”
“งั้นเรากลับกันเลยนะคะ เดี๋ยวคุณย่ากับคุณแม่จะรอกินข้าว”
มือบางสอดเข้าไปคล้องแขนแฟนหนุ่มที่หิ้วถุงพะรุงพะรัง แล้วเดินยิ้มออกไปอย่างภาคภูมิใจ เมื่อผู้คนต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน เพราะทั้งสองนั้นต่างหล่อสวย สมกันกว่าคู่ไหนๆ ในรอบปีก็ว่าได้
“มีความสุขกันจังเลยนะ ทำไมไม่เอาเวลามาเดินจู๋จี๋กันไปหัดทำงานให้ครอบครัวบ้าง ฉันจะได้ไม่ต้องลำบากมาสู้รบปรบมือกับแม่ของหล่อนไง แต่ช่างเถอะเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน รับรองเราได้เจอกันแน่ อยู่สบายมานานแล้วนี่ คราวนี้ฉันจะส่งความลำบากให้หล่อนกับแม่บ้างก็แล้วกัน ดูซิ! ว่าหล่อนสองคนจะทนได้เท่าฉันกับแม่หรือเปล่า”
หทัยชนกมองตามหลังคนทั้งสอง ด้วยสายตาเกลียดชังไม่น้อย ก่อนจะเดินกลับไปหาพี่ที่ร้านเสริมสวย ซึ่งเสร็จพอดี
ร้านขายอุปกรณ์ป้องกันตัวสำหรับผู้หญิงที่พีระแนะนำไว้เป็นเป้าหมายต่อไปของสองสาว สเปรย์พริกไทย ที่ช็อตไฟฟ้าถูกซื้อหามาอย่างละสอง
“เฮ้อ! ทำยังกับจะไปออกรบแน่ะเราน่ะอ๋อ ทั้งปืนทั้งที่ช็อตและสเปรย์อีก ตกลงคฤหาสน์ของเจ้าคุณปู่อ๋อนี่เป็นติมอร์ตะวันตกไปแล้วหรือไงนะ”
วีนาอดบ่นไม่ได้ ขณะเดินหิ้วข้าวของพะรุงพะรุงตรงไปหารถ หทัย-ชนกหันไปยิ้มให้ด้วยความขำ ทั้งที่มือก็มีของจนเต็มไม่แพ้กัน
“น่าพี่อี๋ เดี๋ยวเกิดมีอะไรร้ายๆ ขึ้น ขี้คร้านจะรีบมาขอบคุณอ๋อแทบไม่ทัน ที่รอบคอบเอาไว้ก่อน อีกอย่างแม่จะได้สบายใจไงถ้าเห็นอุปกรณ์ป้องกันตัวของพวกเราแล้วน่ะ นี่มีเวลาน้อยนะ! ไม่งั้นอ๋อจะพาไปลงเรียน ครอสป้องกันตัวไว้ด้วยเลย แต่ไม่เป็นไรหรอก ไปอยู่โน่นแล้วค่อยหาที่เรียนเจ๋งๆ ก็ได้”
ฮอนด้าซีวิคสีขาวป้ายแดง เคลื่อนออกจากลานจอดช้าๆ มุ่งตรงไปบ้าน แต่สุดท้าย ก็อดใจจอดแวะซื้อข้าวของจากตลาดนัดทางผ่านไม่ได้ อีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะเข้าบ้านได้
ทุกคนต่างตกตะลึงในลุคใหม่ของสองสาว อุปกรณ์ป้องกันตัวที่ซื้อมาถูกเอาขึ้นมาอวด อิงอรค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยที่ลูกมีตัวช่วยหลายอย่าง แต่จะยังไงหัวอกแม่ก็ห่วงลูกอยู่ดี
“โธ่! แม่จ๋า ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองว่าอ๋อกับพี่อี๋เอาตัวรอดได้แน่ๆ แม่อย่าทำหน้าแบบนี้สิจ๊ะ อ๋อห่วง! เดี๋ยวไปทำงานได้ไม่ดีคุณปู่ก็คงจะเกลียดขี้หน้ากันพอดีสิจ๊ะ”
หญิงสาวพยายามปลอบใจแม่ ทุกคนก็เห็นด้วยตามนั้น โดยเฉพาะนิ่งที่ปากและการกระทำไม่เคยตรงกับชื่อเลยสักนิด
“นั่นสิอิง มัวแต่ห่วง เดี๋ยวลูกก็ห่วงบ้าง เลยไม่ต้องทำอะไรกันทีนี้ คิดมากทำไม อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดสิกลัวอะไรนักหนา ฉันยังไม่เห็นห่วงยายอี๋มากมายขนาดนี้เลยนะยะ”