ตอนที่ 2 โทษทัณฑ์จากคนเถื่อน 50%

2676 คำ
ตอนที่ 2 โทษทัณฑ์จากคนเถื่อน 50%          เมื่อเขาได้เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงมาแล้วก็รีบจัดการเปลี่ยนให้ทันที แต่ก็นะ! เขาไม่อยากให้ใครเห็นเรือนร่างอรชรของเธอ จึงตะคอก         เสียงห้วนขับไล่ไอ้ลูกน้องหน้ามึนที่ยืนมองอย่างทองไม่รู้ร้อนว่า “ออกไปสิวะ ทำบื้ออะไรอยู่”          “เผื่อว่านายมีอะไรให้ผมช่วยอย่างไรล่ะครับ”          “ไม่มีโว้ย จะไปทางไหนก็รีบไปเลยนะ ก่อนที่บาทาฉันจะประเคนใส่ปากแก”          “ครับๆ”          เมื่อแจ็กเก็ตตัวใหญ่พ้นกายบาง เผยเนื้อนวลงามให้ประจักษ์ พร้อมกับรอยแดงจ้ำเป็นจุดๆ ปนประปราย แต่โจรใจร้ายหน้าเถื่อนไม่ยักสน มือใหญ่คว้าผ้าขนหนูผืนขาวสะอาดที่เตรียมมา ชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆ ก่อนจะใช้ความเย็นสบาย ซับไปตามเนื้อตัวของคนที่นอนนิ่งไม่รู้สึกตัว จากนั้นก็พับผ้าผืนนั้นแปะไว้บนหน้าผากเกลี้ยงนูน          เสื้อยืดคอวีสีขาวสวมผ่านทางศีรษะอย่างรวดเร็วและง่าย        แต่กางเกงขาสั้นสีดำที่สวมผ่านเรียวขาเสลาขึ้นมานี่สิ! ค่อนข้างทุลักทุเล แต่ก็ไม่เกินความสามารถของนายหัวหนุ่มไปได้          เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรพ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับทอดสายตาคมมองร่างงามครู่หนึ่ง แล้วกระตุกเรียวปากหยักลึกพ่นเสียงเข้มออกมาอย่างพอใจ          “เรียบร้อยสักที” จากนั้นเอ่ยกับคนนอนนิ่งอย่างเอาจริง “ตื่นขึ้นมาเมื่อไร เธอต้องชดใช้ฉัน แม่คนสำออย”          นัยน์ตาคู่คมของเขานั้นยากแก่การคาดเดา และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร   มือหนาถือกะละมังใบน้อยเดินออกมาจากกระท่อมหลังเล็ก จากนั้นก็ไปสงบอารมณ์ที่กำลังตีรวนอยู่ภายในกาย สงสาร เสียใจ    เคียดแค้น พร้อมกับอารมณ์เบื้องต่ำที่กำลังเล่นงานเขาจน ‘ปวดหนึบ’  อยู่ในตอนนี้          น้ำเย็นใสแตกกระจายเป็นวงกว้าง ทั่วผืนธารานานร่วมชั่วโมง เมื่อนายหัวหนุ่มกำลังใช้ความเย็นของสายน้ำดับอารมณ์ร้อนรุ่มในกาย   ซึ่งกำลังสุมไหม้อย่างน่ากลัว          สมองชายหนุ่มครุ่นคิดถึงแผนการที่วางไว้ ตั้งใจว่าจะทำให้บิดามารดาของหญิงสาวอับอาย ไม่กล้าแบกหน้าสู่สังคม เมื่อทราบว่าลูกสาวเพียงคนเดียวนั้นท้องไม่มีพ่อ และแน่นอนว่าไอ้ลูกชายนักการเมืองที่จะหมั้นหมายกับเธอก็ต้องยกเลิกงานหมั้น เพราะไม่มีผู้ชายใจพระคนใด ยอมรับลูกคนอื่นได้!          ‘ริอยากมาสร้างความแหลกลานแก่ครอบครัวเขาดีนัก มันต้องเจอแบบนี้ล่ะ ถึงจะสาสม นายปริญวัฒน์ ศิริโชติ’          ธัชชานนท์อยากเห็นครอบครัวนี้อับอายจนไม่กล้ายืนอยู่ในสังคม พร้อมกับความย่อยยับเหมือนอย่างที่ครอบครัวเขาเจอ ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างคนางค์นุชที่ต้องร่วมชะตากรรม และคงสนุกพิลึกหากนายปริญวัฒน์รู้ว่าลูกสาวที่ตนหวงยิ่งกว่าไข่ในหินนั้นท้องไม่มีพ่อ! เกียรติยศที่สั่งสมมาคงย่อยยับไม่มีชิ้นดี คิดเห็นผลที่จะเกิดขึ้นแล้ว กระตุกมุมปากหยักยิ้มอย่างสะใจ          ภาพบิดาบังเกิดเกล้าใช้ปืนทำร้ายตนเอง ยังจำติดตาและไม่กี่ปีต่อมามารดาตรอมใจตายตาม เขายังจดจำภาพเหล่านั้นได้ไม่มีวันลืม และในวันนั้นธัชชานนท์แทบไม่เป็นผู้เป็นคน ชีวิตบัณฑิตเกียรตินิยมจากต่างประเทศต้องหยุดชะงักพักเอาไว้ มองไปทิศทางไหนก็ไม่เห็นทางออก ทุกอย่างมันมืดดับ ญาติพี่น้องที่คุ้นเคยเสมือนพึ่งได้ พลันหายสูญสิ้น    ทุกคนก็ต่างโบกมือลาและเบือนหน้าหนี           จะมีก็แต่คุณยายกับนมฉวีที่คอยอยู่เคียงข้างไม่ห่างหายจาก     ธัชชานนท์ต้องสร้างรากฐานฐานะใหม่ ในเมื่อบริษัทส่งออกอัญมณีถูกขายทอดในตลาดเศรษฐกิจ และผู้ที่ได้บริษัทไปครอบครองด้วยราคาแสนต่ำก็คือ นายปริญวัฒน์ และที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือ ธารินทร์พาวเวอร์โฮเต็ล โรงแรมอันดับต้นๆของประเทศ โรงแรมที่บิดากับมารดาเขาสร้างมากับมือถูกนายปริญวัฒน์ยึดครองอีก และเขาก็แอบรู้มาจากวงในว่าทั้งหมดนั้น  มีนายปริญวัฒน์เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง... ธัชชานนท์มาอาศัยอยู่กับคุณยายที่จังหวัดใกล้เคียง ซึ่งคุณยายของเขาทำกิจการเกี่ยวกับปาล์มน้ำมัน จากที่ปลูกไม่กี่ร้อยไร่ก็เริ่มขยับขยายพื้นที่มากขึ้น เพราะท่านได้หลานชายเพียงคนเดียวมาช่วยบริหารจัดการ พลันทำให้กิจการของไร่เติบโตในระยะเวลาไม่กี่ปีถัดมา และเนื่องจากว่าคุณยายนั้นเริ่มแก่แล้ว หน้าที่ในการบริหารจัดการไร่ทั้งหมดนั้นจึงตกเป็นของธัชชานนท์ หลานชายเพียงคนเดียว ส่วนตัวท่านเองก็คอยเป็นกำลังใจให้อยู่ไม่ห่าง ทั้งยังคอยแนะแนวทางเกี่ยวกับการเกษตรแบบใหม่ๆ ให้กับหลานชายเป็นประจำ และต่อมา  ไม่นานบ้านหลังใหญ่ได้รับเด็กน้อยนามว่าก้านพลูเข้ามาอยู่ด้วยซึ่งก้านพลูนั้นเป็นเด็กที่นมฉวีรับมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พลอยทำให้คนแก่   ในบ้านไม่เหงาหู เพราะได้เด็กก้านพลูมาคอยพูดเสียงดังเจื้อยแจ้วให้ฟังทุกวี่ทุกวัน นายหัวหนุ่มหยุดความคิดของตนเอาไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่    ทุกอย่างจะฟุ้งซ่านไปไกลเกินควร ตกบ่ายแก่... ธัชชานนท์เดินย้อนกลับมากระท่อมหลังเล็กอีกครั้ง ในมือมีปิ่นโตขนาดกลาง ข้างในมีอาหารบรรจุอยู่ 2-3 ชนิด ขณะตวัดท่อนขาเพรียวก้าวข้ามประตู ต้องชะงักครู่หนึ่ง ครั้นดึงสติกลับคืนมาได้ก็กลายเป็นว่า ตุ้บ!!! ก็แม่เชลยที่นอนอยู่บนแคร่น่ะสิ! ดิ้นกระสับกระส่ายไปมาจน    ตกแคร่กระทบพื้นดินแข็งๆ “โอ้ย!!!” เสียงหวานเครือแหบนิดๆ ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด    ธัชชานนท์รีบรุดเข้ามาช่วย แต่เธอไม่สนใจซ้ำยังสะบัดมือคนตัวใหญ่ออกไปให้พ้น ใบหน้างามเชิดใส่อย่างถือดี และมีเสียงหวานตวาดแว้ดๆ ตามมา “อย่ามายุ่ง” มือเรียวเล็กลูบเนินสะโพกของตนเบาๆ ด้านนายหัวจอมเถื่อนได้ยินเสียงหวานตวาดกลับมา จากที่ตั้งใจว่าจะช่วยกลับกลายเป็นว่าอารมณ์พุ่งขึ้นสูงปรี๊ด! “อวดดี”          สิ้นเสียงห้วนกระด้าง มือหนาแกร่งดุจคีมเหล็กหิ้วกระชากร่างงามขึ้นมาปะทะเข้ากับอกกว้าง ส่วนปิ่นโตในมือหนาวางกระแทกแคร่ไม้     จนเกิดเสียงดัง แต่ว่าคนางค์นุชไม่สนใจและหวาดกลัว  ยิ่งเห็นใบหน้าได้รูปเชิดใส่ นายหัวในคราบโจรป่าก็เริ่มจะควบคุมตนเองไม่ได้ มือหนาบีบหัวไหล่มนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันกลีบปากหยักลึกสีสดขยับพ่นเสียงห้วนกระด้าง      สาดใส่อย่างโมโห  “อย่าริมาอวดดีกับฉัน! เดี๋ยวเธอจะตายไม่รู้ตัว” “แล้วจะรอช้าทำไม ฆ่าฉันเลยสิไอ้โจรชั่ว ไอ้โจรไม่มีเหตุผล ไอ้โจรใจยักษ์ใจมาร ไอ้…”          “ไอ้โจรอะไรอีกห๊ะ!! อย่าปากดีให้มันมากนักนะ”                   สิ้นเสียงห้าวกระด้างร่างงามลอยหวือไปนั่งอยู่บนแคร่ไม้อีกครั้ง คนางค์นุชอยากตะโกนบอกมหาโจรใจร้ายเหลือเกินว่าเธอเจ็บสะโพกเหลือเกิน เจ็บเจียนน้ำตาไหล เพราะไม่กี่นาทีก่อนหน้าเธอก็เพิ่งก้นจ้ำเบ้าตกแคร่ หญิงสาวได้แต่ครางเสียงหวานเมื่อความเจ็บปวดเวียนซ้ำกลับคืนมาอีกครั้ง          “โอ้ยยย…”  ด้วยความโมโหและโกรธกรุ่นแค้นใจทำให้นายหัวหนุ่มเห็นอากัปกิริยาแล้วยั้งปากเอาไว้ไม่อยู่          “สำออย”          “ไอ้โจรปากมะ…” เหลืออีกนิดเดียวที่คนางค์นุชจะหลุดคำว่า ‘หมา’ ตอกใส่หน้าคนใจร้าย เหลือเพียงนิดเดียวเท่านั้นที่เธอรั้งปากเอาไว้ได้ทัน แต่ว่ายังได้ผลเพราะธัชชานนท์โกรธมากที่ได้ยินเสียงหวานกำลัง ก่นด่าและกำลังจะพ่นถ้อยคำหยาบออกมา ไหนจะกิริยาอาการของแม่คุณที่แสนพยศผยอง ยิ่งพิศมองเรียวปากกระจับที่ขยับขึ้นลงโต้ตอบ ยิ่งจะควบคุมตนเองไม่อยู่          “อะไรห๊ะ! เธอจะว่าฉันว่าอะไร! ยัยสกปรก! แล้วถ้าเธอตอบความฉันอีกล่ะก็ จะไม่ใช่แค่ภายนอกนะ แต่ฉันจะจัดการให้เธอสิ้นฤทธิ์       ยัยเชลยโสมม!”          “อะ ไอ้…” เสียงหวานแผ่วเบาหายลงลำคอ เมื่อตวัดสายตามองเห็นคนที่ยืนตรงหน้าจ้องมองอย่างเอาเรื่อง และท่าทางของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง... แต่หญิงสาวไม่วายทำกระฟัดกระเฟียดใส่ ใบหน้างามสะบัดหนีพรืด ขณะเดียวกันกลีบปากเรียวกระจับขยับบ่นอุบอิบ          “หันหน้ามาคนางค์นุช” แม้จะได้ยินเสียงเข้มสั่ง แต่มีหรือที่เธอจะสนใจ หญิงสาวยังคงทำนิ่งและเงียบ แล้วเสมองไปอีกทิศทาง ราวกับว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นไร้ซึ่งความหมายสำหรับเธอ          “ฉันสั่งให้หันหน้ามา” คราวนี้น้ำเสียงเข้มของนายหัวหนุ่ม         หน้าเถื่อนกดต่ำ ราบเรียบ แต่เคลือบแฝงด้วยความน่ากลัว และยิ่งเห็นเชลยสาวทำราวกับว่าเขาเหมือนอาหารธาตุ อารมณ์โกรธกรุ่นที่สะสมก็ยิ่งเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องระงับอารมณ์ดังกล่าวด้วยการถอนลมหายใจหนักๆ ติดกันหลายต่อหลายครั้ง          และเมื่อไม่ได้ดังใจ นายหัวเถื่อนก็ไม่รั้งรอให้เสียเวลา มือหนากระชากใบหน้างามให้หันกลับมาเผชิญ กดบีบคางเรียวมนแรงๆ เหมือนเป็นการสั่งสอนคนตัวน้อยว่าอย่าริมาอวดเก่งใส่คนอย่างเขา          ด้านคนางค์นุชแม้จะเจ็บร้าวถึงขากรรไกรบริเวณปลายคาง         แต่หญิงสาวไม่ปริปากร้องสักคำ ตรงกันข้ามดวงตาคู่งามจ้องเขาอย่างชิงชัง เรียวปากบางกระจับเม้มเป็นเส้นตรงด้วยความอดกลั้นกับความไม่ยุติธรรมที่ตนพึงได้รับในขณะนี้          “ทำไม! จ้องฉันทำไมฮึ!” เหยียดมุมปากหยักใส่ ในขณะเดียวกันเค้นเสียงห้วนถามด้วยความโมโห โมโหที่คนตรงหน้ากล้าทำอวดเก่ง และในขณะนั้นมือหนาใช่จะหยุดอยู่นิ่ง ยิ่งนานเข้าเขายิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ ราวจะให้คางเรียวนั้นแตกสลายคามือ          “จ้องไอ้คนสารเลวที่ไร้เหตุผล ตั้งศาลเตี้ยขึ้นมาตัดสินคนอื่น”          “ในเมื่อศาลมันทำอะไรกับคนอย่างพวกเธอไม่ได้ ฉันก็จำเป็นต้องใช้วิธีของฉัน มันถึงจะสาสมกับสิ่งที่ฉันเคยได้รับ เข้าใจไหมห๊ะ! ยัยโง่!!” กรามบึนบดกันจนเป็นสันนูน ขณะที่คนางค์นุชก็จดจ้องหน้าโจรป่าอย่างไม่ยินยอม หญิงสาวยังคงผยองนักในสายตาของธัชชานนท์          “หึ” คนหนึ่งแสยะยิ้ม แต่อีกคนเจ็บร้าวบริเวณปลายคางเจ็บสุดๆ ราวกับว่ามันจะแยกจากกัน เพราะมือแกร่งดุจเหล็กนั้นไม่ยอมหยุดแรงบีบ และแม้ว่าคราวนี้นัยน์ตาคู่งามจะมีน้ำใสคลอหล่อเลี้ยงด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็ไม่ยอมปริปากร้องขอให้เขาหยุด          ส่วนธัชชานนท์ก็ทำแข็งใจ ทั้งยับยั้งความโมโหเอาไว้สุดขีด        ก่อนจะกระชากเสียงห้วนใส่ผู้หญิงตรงหน้าด้วยความกรุ่นโกรธอีกครั้ง “จำใส่สมองกลวงๆ ของเธอไว้นะคนางค์นุช จำไว้ว่าฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆ ถ้าฉันยังชำระแค้นไม่สาแก่ใจและยังไม่ได้มีของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ ไปฝากพ่อ แม่และว่าที่คู่หมั้นของเธอจำไว้ ยัยโง่!” พูดจบสะบัดมือหนาออกจากปลายคางเรียวแรงๆ  และเพื่อเป็นการป้องกันอารมณ์ไม่ให้ปะทุหนักขึ้นกว่าเก่า เขาจึงยื่นเครื่องปะทังชีวิตส่งให้เชลยสาวเอาไปจัดการ เพื่อมีชีวิตอยู่รอดในวันต่อๆ ไป มีชีวิตให้เขาแก้แค้น ทรมาน สารพัดวิธีไปอีกนานๆ  “กินซะ! เดี๋ยวจะตายก่อนที่ฉันยังชำระความไม่พอ กิน!”        แกะปิ่นโตแล้วยื่นส่งให้ แต่หญิงสาวทำเป็นไม่ใส่ใจ ใบหน้างามเบือนหนี แต่คนที่กำลังจ้องอยู่นี่สิ! ไม่ชอบพอสุดๆ จึงกระชากเสียงห้วนกระด้างใส่อีกครั้ง “กินซะ! อ้าปาก แล้วก็กลืนกินเข้าไปเดี๋ยวนี้”  หญิงสาวเม้มปากเป็นเส้นตรง แต่โจรร้ายไม่ยอม มือหนาวางภาชนะขนาดพอดีมือลงต่อหน้าแม่คนดื้อจอมอวดดีพร้อมกับใช้มืออีกข้างของเขาตักข้าวในภาชนะจนพูนช้อน ก่อนจะส่งใส่ปากเรียวเล็กที่พยายามเม้มปิดเอาไว้ และก็กลายเป็นประเด็น เมื่อหญิงสาวไม่ยอมอ้าปากรับข้าว ทั้งยังปัดช้อนข้าวออกไปอย่างรุนแรง เคว้ง!! ธัชชานนท์เห็นช้อนคันเล็กตกกระทบพื้นแล้วโมโหสุดๆ ใบหน้าคมคร้ามดุกระด้าง แววตาคมวาวโรจน์โกรธกรุ่นแทบจะรุดฆ่าคนตรงหน้าให้แหลกคามือ “ไม่อยากกินดีๆ ใช่ไหมห๊ะ! ได้! เดี๋ยวฉันจัดให้เธอเอง!” สิ้นคำตะคอก มือหนาเอื้อมมาบีบคางเรียวมนเข้าหากัน พร้อมกับเทข้าวในภาชนะกรอกใส่ปากเรียวเล็กที่เผยอค้าง จนคนโดนกระทำสำลักไอหน้าดำหน้าแดง “แค่กๆๆ” เศษข้าว เศษอาหารหล่นกระจัดกระจายทั่วแคร่ไม้ที่หญิงสาว        นั่งอยู่ และยังมีบางส่วนหล่นลงพื้นดินกระด้าง คนางค์นุชน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บใจ ฟันซี่คมกัดเม้มริมฝีปากตนเองเอาไว้จนได้กลิ่นคาวเลือด หากแต่อีกคนยังไร้ความปราณี “เป็นไงถูกใจมากใช่ไหม ถูกใจกับวิธีกินข้าวของฉันใช่ไหม ต่อไป ถ้าเธอหิวก็เก็บไอ้เศษพวกนี้กินเอานะ ตามแคร่ตามพื้นมีให้เลือก     เพียบเลย” ได้ยินวาจาเราะร้ายแล้งน้ำใจของโจรป่าเถื่อนแล้ว โมโหสุดๆ จนต้องผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขยับท่อนขาเรียวให้เดินมาใกล้ร่างทรงพลัง ช้อนสายตามองบุรุษใจทมิฬตรงหน้า จ้องเข้าไปข้างในส่วนลึกที่สุด               จนธัชชานนท์ที่ยืนนิ่งอยู่ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจการต้องมนตร์สะกดจากหญิงสาว นัยน์ตาคู่สวยสยบสายตาคมของโจรหน้ารกได้อย่างเหลือเชื่อ และเมื่อมาถึงจุดๆ นี้เธอเองก็ไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป  เพียะ! สิ้นเสียงเนื้อกระทบเนื้อ แก้มซีกซ้ายที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเคราชาวาบ ใบหน้าที่หันเอียงต้องรีบตวัดกลับมา แล้วจ้องหน้าสาวน้อยอย่างเอาเรื่อง  มือใหญ่กระชากร่างงามปะทะอกกว้างซึ่งอุดมไปด้วยมัดกล้ามเรียงตัวเป็นคลื่นลอนสวยชวนขบกัด! “อยากลองดีใช่ไหม คนางค์นุช!” เสียวหลังวาบเมื่อได้ยินเสียงเย็นยะเยือก และเธอก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่ามหาโจรกำลังจะทำอะไร เพราะคราวนี้เธอไม่สามารถอ่านความคิดเขาได้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะจากที่ผ่านมาเวลาเธอขัดขืนหรือโต้ตอบเขามักจะทำร้าย ไม่ก็กระชาก เสียงห้วนตอกกลับอย่างโกรธแค้นชิงชัง แต่สัญญาณ ณ ตอนนี้น่าหวาดผวาเกินกว่าจะคาดเดา “ไอ้โจรชั่ว อะ ไอ้โจรร้าย ไอ้” เสียงตวาดต่อว่าหยุดชะงัก ถ้อยคำที่เตรียมบริภาษกลืนหายลงในลำคอ ดวงตาคู่งามเบิกกว้างตกใจ เมื่อคนตัวใหญ่ใช้วงแขนล่ำสันรวบรัดร่างบอบบางให้แน่นขึ้นเรื่อยๆ คนางค์นุชดิ้นรนขัดขืนเมื่อเริ่มรู้ว่าชายหนุ่มไม่เพียงโอบวงแขนรอบร่างตนเท่านั้น แต่เขากลับเลื่อนใบหน้ารกชัฏเข้าหาซอกคอผ่อง ทั้งยังใช้หนวดคมสากระคายเคืองถูไถไปตามเนินไหล่เกลี้ยงกลม จนหญิงสาวขนลุกซู่ ทั้งยังตกใจกลัว เพราะไม่คาดคิดว่าโจรร้ายตนนี้จะแสดงกิริยาเถื่อนถ่อยกับเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม