บทที่ 1 คุณเลขาแม่ชี (1)
‘เมื่อไหร่คุณจะแต่งตัวสวย ๆ เหมือนคนอื่นเขาบ้างครับ คุณเลขาแม่ชี’
ประโยคนี้ประโยคเดิมที่เธอได้ยินมาตั้งแต่เริ่มทำงานจวบจนเวลาผ่านไปหลายปีเธอก็ยังได้ยินเหมือนเดิม
ทำไมเหรอถ้าเธอจะแต่งตัวเป็นแม่ชีปิดบนปิดล่างมันไม่ได้หรือไง เจ้านายจะมายุ่งอะไรด้วย ขนมหวานคิดด้วยความไม่พอใจในขณะยืนเลือกชุดที่จะใส่ออกไปทำงานวันนี้
“ฉันจะแต่งตัวเหมือนแม่ชี บอสจะทำไม” เธอเบะปากพลางกลอกตามองบนไม่สนใจคำพูดของคนเป็นเจ้านายแม้แต่น้อย
“เอาตัวนี้แหละ สวยเหมือนกัน” หญิงสาวเลือกชุดเสร็จก็เอาออกมาสวมใส่ หลังจากแต่งหน้าทาแป้งเรียบร้อย ก็รีบเก็บของที่จำเป็นใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องพัก ก่อนที่มันจะสายทำให้ไม่ทันกับรถเมล์เที่ยวแรก
เธอล็อกประตูใหญ่ของหอพักเรียบร้อยเตรียมจะก้าวเท้าเดิน แต่หูได้ยินเสียงคนทักจึงหันไปมองพลางส่งยิ้มน้อย ๆ อย่างมีมารยาท ทั้งที่ในใจไม่อยากยิ้มให้เลย คนอะไรก็ไม่รู้มาดักเจอเธอได้ทั้งเช้าทั้งเย็นมาดักเจอแทบทุกวัน
“น้องขนมจะไปทำงานแล้วเหรอจ๊ะ” สมนึกชายแก่คราวพ่อเอ่ยทักทายขนมหวาน แต่น้ำเสียงของเขาอดทำให้ขนมหวานรู้สึกขนลุกไม่ได้ แก่ไม่อยู่ส่วนแก่จะตายวันตายพรุ่งอยู่แล้วไม่รู้จะชีกอไปถึงไหน วัดวาไม่รู้จักเข้าเมาหัวราน้ำได้ทุกวัน เธอละไม่อยากเสวนาด้วยเลยจริง ๆ
“ค่ะ ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะลุงนึก” หญิงสาวตอบกลับและเน้นย้ำคำว่า ลุง ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินหนี
“เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ น้องขนมหวานคนสวย” สมนึกไม่ยอมแพ้เดินอ้อมไปยืนอยู่ด้านหน้าของขนมหวาน
“ลุงนึกมีอะไรอีก หนูต้องรีบไปทำงานค่ะ เดี๋ยวเข้างานสาย” น้ำเสียงของหญิงสาวเริ่มฉุนเฉียว
“โธ่เรียกพี่นึกดีกว่า เรียกลุงรู้สึกแก๊แก่” คนอยากให้เด็กรุ่นลูกเรียกพี่เอ่ยอย่างไม่อายปาก หนังหน้าเต็มไปด้วยตีนกาแบบนี้ เธอเรียกพี่ไม่ลงหรอก ขนมหวานคิดในใจ
“เข้าเรื่องเถอะค่ะ หนูรีบไป” เธอเอ่ยตัดบทด้วยความรำคาญสุดขีด มือทั้งสองข้างกอดกระชับกระเป๋าคู่ใจเอาไว้แน่นเผื่อมีอะไรเกิดขึ้นเธอจะได้วิ่งหนีทัน ดูอาการของชายแก่ตรงหน้าแล้วเธอคิดว่าสมนึกน่าจะดื่มเหล้ามาไม่น้อย
“คือพี่นึกไม่เห็นพ่อหนุ่มคนนั้นมานานแล้ว แฟนของหนู ยังคบกันอยู่ไหม” นี่คือเรื่องที่สมนึกสงสัย หลายปีมานี้เขาเฝ้าดูขนมหวานมาตลอด นับตั้งแต่รู้ว่าหญิงสาวมีแฟนแล้วเขาก็แอบสังเกตอย่างเงียบ ๆ และแปลกใจไม่น้อยที่ไม่เคยเห็นแฟนหนุ่มของขนมหวานมาหาเลย
“ยังคบกันค่ะ เรายังรักกันดี” หญิงสาวหน้าตาตื่นเล็กน้อย ก่อนตอบกลับด้วยรอยยิ้มกลบเกลื่อนความกลัวในใจ
“แน่ใจเหรอ พี่นึกไม่เห็นเขามาหาหนูนานแล้วนะ” ชายแก่หรี่ตาจับผิดขนมหวาน ตอนนี้เริ่มเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“แน่ค่ะ ลุงนึกจะถามเรื่องแค่นี้ใช่ไหม หนูขอตัวก่อนค่ะ”
ขนมหวานไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบสาวเท้าก้าวฉับ ๆ เดินออกจากซอยแคบ ๆ อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เวลาประมาณตีห้าครึ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวค่อนข้างมืด เธอไม่ไว้ใจสมนึกแม้แต่นิดเดียว
คนแก่อะไรก็ไม่รู้น่ารังเกียจเป็นที่สุด เห็นทีเธอต้องย้ายออกจากหอนี้ให้เร็วขึ้น เพราะยิ่งอยู่ยิ่งเครียดยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัย
“ค่อยกลับมาหาหอใหม่อยู่ก็แล้วกัน ย้ายก็ย้าย” หญิงสาวบ่นพึมพำก่อนจะข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อรอขึ้นรถเมล์ไปทำงาน
ขนมหวานต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเดินทางจากหอพักซึ่งตั้งอยู่หน้ารามฯ มาจนถึงบริษัทซึ่งตั้งอยู่แถวสุขุมวิท แต่หญิงสาวก็ไม่เคยเข้างานสายเพราะเผื่อเวลาเอาไว้แล้ว
เมื่อถึงโต๊ะทำงานอันดับแรกที่เธอจะทำก็คือเปิดคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเอาข้าวไข่เจียวราคาไม่เกินยี่สิบบาทมากินระหว่างนั่งตรวจสอบอีเมลต่าง ๆ รวมถึงงานที่เจ้านายสั่งมา
การทำงานกับอาเรสค่อนข้างเป็นระบบมาก เพราะชายหนุ่มเป็นเจ้านายที่รู้จักเวลา หากไม่ใช่เวลาทำงานเขาจะไม่ตามไม่โทร. ถาม ยกเว้นงานด่วนจริง ๆ ซึ่งมีไม่บ่อย
ขนมหวานยุ่งอยู่กับงานในคอมพิวเตอร์จนลืมอาหารตรงหน้า อาเรสมาถึงที่ทำงานและเห็นเข้าพอดีจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก เขาบอกเธอไม่รู้กี่ครั้งให้กินข้าวเสร็จก่อนแล้วค่อยขึ้นมาทำงาน บริษัทของเขามีห้องรับประทานอาหารให้พนักงานอยู่แล้ว แถมในนั้นยังมีน้ำ นม ขนม อาหารสารพัดอย่างเพื่อบริการพนักงาน แต่ดูเธอทำสิแล้วแบบนี้จะไม่ให้เขารู้สึกโมโหได้อย่างไร
“คุณขนมหวาน” ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงสาวเสียงเข้ม
“บอส มาถึงแล้วเหรอคะ” หญิงสาวเงยหน้ามองก่อนตอบกลับ
“ทำไมไม่ไปกินข้าวที่ห้องโน้น” เขาชี้ไปที่ข้าวของเธอพลางส่ายหัว
“ฉันรีบค่ะ กลัวมีงานด่วนเลยมาดูก่อน” เธอทำแบบนี้เป็นประจำต้องเปิดดูงานก่อนแล้วค่อยกินข้าว ปกติเจ้านายจะมาหลังจากที่เลขากินข้าวเสร็จ แต่วันนี้ขนมหวานไปขึ้นรถเมล์สายเพราะชายแก่คราวพ่ออย่างสมนึกทำให้เธอมาถึงที่ทำงานผิดไปจากเวลาเดิม
“รีบแค่ไหนคุณก็ต้องกินข้าวให้ตรงต่อเวลา” เขาดุเธอด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่รู้ตัว แววตาของอาเรสอดทำให้ขนมหวานรู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อย เพราะชีวิตของเธอตอนนี้แทบไม่เหลือใครเลย
“ค่ะบอส เดี๋ยวฉันจะรีบไปกินแล้วรีบกลับมาทำงาน” ขนมหวานพยักหน้า
“ไปด้วยกัน ผมก็ยังไม่ได้กินอะไร” อาเรสยกปิ่นโตที่พกมาด้วยให้เธอดู
“ได้ค่ะ เชิญค่ะ” ขนมหวานตอบกลับพลางแสดงสีหน้างงงวยเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจว่าเจ้านายจะไปแย่งที่นั่งกินข้าวของลูกน้องทำไม เพราะเขาก็มีห้องรับประทานอาหารส่วนตัว แต่เธอไม่ได้ถามออกไปคิดเองว่าเขาคงอยากเปลี่ยนบรรยากาศ
ใช่เขาอยากเปลี่ยนบรรยากาศจริง ๆ ไม่รู้อะไรดลใจสั่งให้ชายหนุ่มเกิดอยากไปนั่งกินข้าวที่ห้องรับประทานอาหารของบริษัท แทนที่จะเป็นห้องรับประทานอาหารของตนเอง
ระหว่างอยู่ในลิฟต์อาเรสได้หันมามองเสี้ยวหน้าของขนมหวานอยู่ครู่หนึ่งพลางขมวดคิ้วมุ่นก่อนเกิดคำถามขึ้นมาในใจ เธอกับเขาทำงานด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว เท่า ๆ กับอายุของหลานชายที่มีนามว่า วันพิเศษ ใช่ไหมถ้าจำไม่ผิด
“คุณจำได้ไหม คุณเข้ามาทำงานที่นี่กี่ปีแล้ว” เขาถามเธอในขณะที่สมองก็พยายามคิดย้อนไปในอดีต
“หลายปีแล้วค่ะ ฉันจำตัวเลขกลม ๆ ไม่ได้ ทำไมคะบอสมีอะไร” เธอเงยหน้าตอบ หากจะให้ตอบเป็นเลขตรง ๆ เธอก็จำไม่ได้ เพราะทำงานกับอาเรสมานานจริง ๆ นานจนรู้ไส้รู้พุงเจ้านายทุกอย่าง แบบว่าอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
“นานมากแล้วสินะ” ชายหนุ่มพยักหน้าหงึก ๆ
“ทำไมคะ หรือว่าบอสจะไล่ฉันออก” เธอถามด้วยความระแวง กลัวจะตกงานกะทันหัน