“อืม...” เทพประทานครางอย่างพึงพอใจ เขาหยิบขนมทานจนหมดไปครึ่งกล่องอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวพลางคิดในใจว่าต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันที่ทำขนมแสนอร่อยเช่นนี้มาให้เขา
อาจเป็นผู้หญิงที่อยากทอดสะพานให้เขาก็เป็นได้ เขาเบื่อหน่ายผู้หญิงอาจเป็นเพราะเจอพวกหล่อนนิสัยเหมือนมารดา จริงๆ ก็ไม่อยากตำหนิมารดานัก แต่เขาไม่ชอบคนจู้จี้ขี้บ่น ไม่ชอบคนเซ้าซี้จนน่ารำคาญ และไม่ชอบคนจับผิดเท่านั้นเอง เขาจึงยังรักชีวิตโสดอยู่แบบนี้
“ฟ้า” เสียงเพื่อนสาวทั้งสามที่เรียกกันอย่างพร้อมเพรียงทำให้ฟ้าใสครางรับ
“หือ... ว่าไง” ฟ้าใสถามกลับแต่สายตายังมองตัวเลขในสมุดบัญชี มือจิ้มเครื่องคิดเลขเพื่อคิดเงินต่อไปไม่ได้เงยหน้ามองเพื่อน
“ถึงไหนแล้ว” ทั้งสามสาวเพื่อนรักเอ่ยถามอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง
“อะไรถึงไหน” ฟ้าใสยังไม่ยอมเงยหน้ามองเพื่อน แต่ถามกลับ
“ขัดใจ” ปาริชาติถอนใจพรืดเมื่อเพื่อนถามกลับ
“บัญชีนะเหรอ” ฟ้าใสยอมเงยหน้ามองเพื่อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอนใจเสียงดัง ทำเนียนเป็นไม่เข้าใจว่าเพื่อนหมายถึงอะไร ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอก
“ไม่ใช่ โอ๊ย!” ปาริชาติร้องอย่างขัดใจกว่าเดิม
“อ้าว... แล้วเรื่องอะไรถึงไหนแล้ว” ฟ้าใสเลิกคิ้วทำหน้าซื่อๆ ก้มหน้าซุกซ่อนแววตาระริกเอาไว้
“ยัยเปรี้ยวถามความคืบหน้าเรื่องของนายเทพประทานต่างหาก และไม่ต้องมาทำเนียนเลยฟ้า เงยหน้าขึ้นมาเลย” ราศีหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าอยากรู้อยากเห็นของปาริชาติ แม้ตนนั้นมิได้สนใจเทพประทานสักเท่าไหร่ เพราะตอนพนันครั้งแรกก็เห็นเพียงแค่สนุกๆ มิได้จริงจังนัก แต่ก็อยากรู้ความคืบหน้าของเพื่อนเหมือนคนอื่นๆ เช่นกัน
“อ๋อ...” ฟ้าใสลากเสียงยาว ก่อนหันไปสนใจบัญชีตรงหน้าต่อ เกศราดูจะเป็นคนเดียวที่นิ่งเงียบ เงียบเสียจนบางครั้งทุกคนลืมไปว่ายังมีเธออยู่ตรงนี้
“อ้าว... นึกว่าจะตอบ ขัดใจ” ปาริชาติแย่งบัญชีที่เพื่อนทำมาถือไว้แล้วมองอย่างคาดคั้น
“ยังไม่ถึงไหนเลยจ้ะ สงสัยนายเทพประทานจะเป็นเกย์จริงๆ” ฟ้าใสทำสีหน้าจริงจังตอบเพื่อนทั้งสามไป ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เจอตัวเป็นๆ
“จริงเหรอ” สามสาวอุทานพร้อมกัน คราวนี้เกศราก็หลงอุทานไปกับเขาด้วย
“นึกว่ากลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก” ปาริชาติกัดเพื่อนเล็กๆ เกศราไม่พูดอะไรเพียงแต่ยิ้มบางๆ ตามสไตล์
“ล้อเล่น แต่ค่อยๆ ทำความรู้จักไปก่อน จะไปบุ่มบ่ามได้ไง อีกอย่างนึงนายเทพประทานน่าจะเข้าหายากอยู่” ฟ้าใสมั่วอีกตามเคย เธอไม่รู้หรอกว่าเขาเข้าหายากหรือเปล่า แค่เดาๆ ไปให้เพื่อนๆ ตื่นเต้นเล่นเท่านั้นเอง
“จะเข้าหาเลยเหรอ” เกศราแซวเล่น ฟ้าใสทำตาดุใส่เพื่อน ก่อนจะแย่งสมุดบัญชีกลับมาจากมือของปาริชาติ
“ห้าม!!!” ฟ้าใสดักคอชี้นิ้วที่อกของปาริชาติ อีกฝ่ายชะงัก เมื่อเห็นเพื่อนอยากทำบัญชีให้เสร็จ จึงไม่อยากกวนเพื่อนอีก
“เดือนนี้ขายดีเหมือนกันนะ” เกศราเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นกำไรที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดือนที่แล้ว
“เดือนนี้เราจัดร้านใหม่ไง ต้องยกความดีความชอบให้หยกที่วาดภาพสวยๆ โชว์ในร้าน” ฟ้าใสหันไปเอ่ยชมราศีที่นั่งอยู่อีกด้าน
“ใครบอกกันเล่า ฟ้ากับเกศทำขนมอร่อยต่างหาก แถมยังโปรโมทร้านลงเฟซบุ๊กบ้าง อินเทอร์เน็ตบ้าง จัดโปรโมชั่นอีก คนเลยแน่นร้านแบบนี้” ราศีพูดยิ้มๆ
“แต่ก็สู้คนตกแต่งร้านอย่างเปรี้ยวไม่ได้หรอก ไอเดียบรรเจิดนะจ๊ะ” ฟ้าใสเอ่ยชมเพื่อนด้วยเช่นกัน
“ตกลงว่าช่วยกันทุกคนนั่นแหละ” สามสาวสรุป แล้วหัวเราะคิกคัก
“แบบนี้ก็ต้องฉลองสิ” ปาริชาติเสนอความคิด
“ก่อนฉลองเอาส่วนแบ่งไปก่อนจ้ะ นี่หักค่าชุดชั้นในเรียบร้อยแล้วนะ” ฟ้าใสจาระไนเสร็จสรรพก่อนยื่นซองให้เพื่อนสาวทั้งสาม
“จ้า... แม่นักบัญชีคนเก่ง” ปาริชาติพูดพร้อมกับหันไปหัวเราะกับเพื่อนรักอีกสองคน
“เราจะไปเที่ยวกันที่ไหนดี” ราศีหันมาถามเพื่อน
“ที่เดิมของเราไง” ปาริชาติรีบตอบ
“ถ้าเกศขอตัวได้ไหมคะ” เกศราเอ่ยขอตัวอย่างเกรงใจเพื่อนอยู่เหมือนกัน เธอไม่ค่อยชอบเที่ยวกลางคืนแบบนั้น
“ไม่ได้จ้ะ” สามสาวพูดพร้อมกัน ทำให้เกศราจำต้องพยักหน้ารับ เพราะเกรงใจเพื่อน
“ต้องไปจริงเหรอ” เกศราทำเสียงออดๆ เล็กน้อย แม้จะพยักหน้ารับแล้วก็ตาม
“ต้องไปจริงๆ จ้ะ” สามสาวพูดพร้อมกัน
“ไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้างยัยเกศ เผื่อจะเจอเทพบุตรในฝันไงเล่า” ปาริชาติจับหน้าเพื่อนสาวแล้วพินิจพลิกซ้ายพลิกขวาอย่างสำรวจ
“ไม่เอาหรอกค่ะ เขาว่าผู้ชายที่ชอบเที่ยวกลางคืนน่ากลัว” เกศราส่ายหน้าดิก
“ไปแต่งตัวสวยๆ เร็วเข้า นานๆ น้องหนิมจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเสียที” ปาริชาติรีบดันแผ่นหลังเพื่อนเข้าห้องทันที เกศราจำต้องทำตามเพื่อนเพราะไม่อยากขัดใจ
ระหว่างที่รอเพื่อนสาวแต่งตัวอยู่ ฟ้าใสก็เปิดเฟซบุ๊กคุยโต้ตอบกับ คุณความสุขบนโลกเกิดจากความดี เธอเล่าเรื่องที่ตัวเองทำให้เขาฟัง เขาโต้ตอบกลับมาอย่างอารมณ์ขัน เธอรู้สึกมีความสุขที่ได้พูดคุยกับเขา แม้จะไม่เคยเห็นหน้ากันเลยก็ตาม
ผับประจำของสี่สาว...
“ได้มาเที่ยวสักที กระชุ่มกระชวยหัวใจดีจัง” ปาริชาติโยกกายไปตามจังหวะเพลง
“แกไม่กลัวนักข่าวหรือไง” ราศีเอ่ยถามจิบเครื่องดื่มไปอย่างสบายอารมณ์
“ก็แค่มาเที่ยวน่า ไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดสักหน่อย ผับนี้เค้าก็เป็นส่วนตัวดี เจ้าของเค้าจะไม่ให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับเขาหรือลูกค้า ยังไงถ้าเกิดอะไรขึ้นก็มีทางหนีทีไล่” ปาริชาติไม่อยากบอกว่าเธอมีลูกน้องของบิดาตามติดคอยดูแลและค่อนข้างสนิทกับเจ้าของร้านที่นี่พอสมควร จึงไม่ห่วงว่าจะมีนักข่าวที่ไหนมาตามตอแยความสุขส่วนตัวที่เธอจะทำกับเพื่อน
“แหม... แม่ดาราดัง” ราศีพูดอย่างหมั่นไส้เล็กๆ
“เสียดายยัยเกศ แต่งตัวเรียบร้อยเกิน” ปาริชาติเท้าคางมองเพื่อนรักแล้วส่ายหน้าไปมา ในกลุ่มสี่สาวแม้ปาริชาติจะแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดก็ตาม แต่ราศีก็แต่งตัวได้ทันสมัยไม่แพ้กัน แม้จะออกไปคนละแนวก็ตามที ส่วนฟ้าใสจะแต่งตัวสบายๆ ไม่เชยหรือไม่เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด สำหรับเกศราแล้วแทบจะจืดชืดปกปิดเหมือนคุณยายวัยหกสิบในสายตาใครหลายๆ คน ทั้งๆ ที่ก่อนออกจากบ้าน ปาริชาติเป็นคนจัดการหาชุดให้เพื่อนดิบดี แต่พอเกศราเห็นชุดเท่านั้นก็แข็งขืนไม่ไป เพื่อนทั้งสามรู้ดีว่าถึงแม้เกศราจะพูดน้อย ไม่ชอบขัดใจ แต่ถ้าคิดจะทำอะไรแล้วหรือตัดสินใจอะไรจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด เธอเป็นคนใจเด็ดเอามากๆ เหมือนกับที่เธอปฏิเสธที่จะใส่ชุดของปาริชาติ เธอก็ปฏิเสธหัวชนฝา จนสุดท้ายทุกคนต้องยอมให้เธอแต่งตัวตามต้องการ แถมเกศรายังไม่เคยแสดงความอับอายกับการแต่งตัวเป็นยัยเชยเลยสักครั้งเดียว จนพวกเธอก็ชินๆ ไปเหมือนกัน ยกเว้นปาริชาติที่คะยั้นคะยอให้เปลี่ยนแนว เพราะขัดสายตาเอามากๆ
“นี่... หยุดวิจารณ์ชุดของยัยเกศได้แล้ว แต่งตัวแบบนี้ก็ดีนะ ป้องกันอันตรายไปในตัว จะให้แต่งตัวโป๊ๆ มาเที่ยวแบบนี้เดี๋ยวก็โดนลวนลาม หรือโดนฉุดหรอก ยัยเกศน่ะไม่อาย เราก็ไม่เห็นจะต้องอายเลย” ฟ้าใสพูดยิ้มๆ ไม่ได้ซีเรียสตามคำพูดของเพื่อน เกศรายิ้มให้ฟ้าใส เพราะฟ้าใสเข้าใจเธอเสมอ ปาริชาติถึงกับยกมือตบหน้าผาก
“ยัยฟ้าก็เป็นนางฟ้าในสายตายัยเกศอีกล่ะสิ ฉันมันนางมาร”
“ใช่ ยัยน้ำส้มสายชู แกมันนางมารชัดๆ” ราศีหัวเราะร่วน ทำให้เพื่อนสาวตวัดสายตาจิกกัดมามอง
“บาร์เทนเดอร์คนนั้นหล่อจังเลย สงสัยเพิ่งมาทำงาน” ปาริชาติหันไปจ้องบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อตาปิ๊งๆ
“นี่ยัยเปรี้ยว แรงนะแก ทำท่าจะกลืนกินผู้ชาย ไม่มีผู้ชายตกถึงท้องหรือไงหมู่นี้” ราศีตีแหมะเข้าให้