‘ขอบคุณครับ ดีใจที่ข้อความของผมมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับใครหลายๆ คนครับ ยินดีอีกครั้งที่แอดมาเป็นเพื่อนกันนะครับ’
‘จะให้ฉันเรียกคุณว่าอะไรดีคะ’ ฟ้าใสพิมพ์ถามชื่ออีกฝ่าย
‘เรียกผมว่าอะไรก็ได้ครับ’
‘แสดงว่าจะไม่ยอมบอกชื่อจริงเหรอคะ’
‘ชื่อเป็นเพียงสิ่งที่สมมติขึ้นมาเท่านั้นครับ’
‘ก็จริงค่ะ บางทีเพื่อนในโลกออนไลน์ไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อจริง นามสกุลจริง แต่ก็สามารถคุยกันได้ทุกเรื่องนะคะ แต่จะให้ฉันเรียกคุณว่าอะไรดีล่ะคะนี่ ขอคิดก่อน’ ฟ้าใสคิดเช่นนั้นจึงพิมพ์กลับไป เธอเองยังไม่อยากบอกชื่อจริงๆ ให้อีกฝ่ายได้รับรู้เลยเหมือนกัน
‘แล้วคุณล่ะครับ จะให้ผมเรียกคุณว่าอะไร’
‘เรียกอะไรก็ได้ค่ะ’ ฟ้าใสตอบไปเหมือนกัน แล้วหัวเราะเบาๆ เห็นอีกฝ่ายเงียบไปนานเลยทีเดียว ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับมา
‘ครับ ไว้วันไหนเราอยากบอกชื่อจริงๆ ค่อยว่ากันอีกที’ เขาตอบกลับมา ฟ้าใสอยู่คุยกับชายหนุ่มอีกพักก็ขอตัวเพราะรู้สึกง่วง อีกอย่างพรุ่งนี้เธอมีภารกิจที่ต้องทำอีกหลายอย่าง
...ในโลกอินเทอร์เน็ตนั้นมีคนหลายรูปแบบ ทั้งดีชั่วต่างสวมหน้ากากเข้าหากัน หากมิได้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมก็อาจตกเป็นเหยื่อได้ แต่มีอีกหลายคนที่รู้จักกันในโลกออนไลน์และสามารถพูดคุยกันได้ ยามเหงา สุข เศร้า ก็มีโลกไซเบอร์เอาไว้ให้คลายความรู้สึกเหล่านั้น หรือเติมเต็มความรู้สึกเหล่านั้น
บางทีการคุยโดยไม่เห็นหน้ากัน ก็อาจเป็นการระบายบางสิ่งบางอย่างออกมาโดยไม่เคอะเขิน หรืออาจจะเจอเพื่อนที่สามารถคุยกับเราได้มากกว่าคนใกล้ชิดเสียอีก
หากเรารู้จักใช้ความก้าวล้ำให้เป็นประโยชน์ เราก็จะเพลิดเพลิน ได้สาระและมีความสุขกับมัน แต่หากเราใช้ไม่ถูกไม่ควรในทางที่ไม่เหมาะสม หรือหลงเชื่อคำพูดล่อหลอกจอมปลอมของคนชั่วที่แฝงตัวเข้ามาในโลกไซเบอร์ เราอาจจะตกเป็นเหยื่อ สูญเสียทรัพย์สิน สูญเสียร่างกาย หรือสูญเสียชีวิตก็เป็นได้...
ขนมแสนอร่อย
“โห... หน้าตาน่าทานจังเลยจ้ะหนูฟ้า”
ลำไยรับขนมมาเปิดดูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เย็นนี้นางมีขนมอร่อยๆ ไปฝากหลานๆ แล้ว ลำไยเป็นแม่บ้านวัยกลางคนที่ต้องเลี้ยงหลานหลายคน อาศัยเงินเดือนจากห้างก็พออยู่ได้ แต่ค่อนข้างขัดสนอยู่พอสมควร
“เอาไปฝากเด็กๆ ค่ะ ฟ้าเองก็ต้องขอบคุณป้ามากนะคะ ที่ช่วยฟ้า” ฟ้าใสรีบไหว้ขอบคุณลำไย เพราะนางช่วยนำขนมที่เธอทำไปส่งให้เทพประทาน ด้วยว่าเธอเป็นพนักงานทำความสะอาดของห้างสรรพสินค้า จึงสามารถช่วยเธอในเรื่องนี้ได้ จริงๆ เธอก็ไม่รู้ว่าเทพประทานหน้าตายังไง แต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวก็คงเห็นหน้า น่าแปลกที่เธอไม่เคยสนใจว่าเขาหน้าตายังไง ให้มันได้อย่างนี้สิ ยัยฟ้าเอ๊ย เพียงแค่เพื่อนบอกว่าเขาเป็นเจ้าของห้าง เธอก็เลยลองเอาขนมที่ทำกับเกศรามาฝากให้เขาได้ทาน เผื่อจะติดใจโอกาสหน้าจะได้อุดหนุนเธอบ้าง เธอคิดแบบขำๆ ซึ่งจริงๆ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนักหรอก บางทีผู้ชายอาจจะไม่ชอบขนมหวานๆ พวกนี้ก็เป็นได้
หว่านพืชก็ต้องหวังผล ลงทุนก็ต้องหวังผลกำไร ขนมของเธอคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย...
“อุ๊ย! ไม่ต้องไหว้ป้าหรอกค่ะ คุณน่ะเป็นคนมีน้ำใจ เคยช่วยเหลือป้าเอาไว้ ป้าต่างหากไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงดี”
ลำไยจับไม้จับมือฟ้าใสบีบไปมาด้วยความซาบซึ้งใจ ตอนนั้นนางกำลังจะเป็นลมอยู่ที่กลางถนน แต่โชคดีที่ฟ้าใสเผอิญเห็นพอดีขณะเดินออกมาจากร้านของตัวเอง และฟ้าใสก็ช่วยนางเอาไว้ ไม่เช่นนั้นคงโดนรถทับไปแล้ว
“ค่ะ ป้ามีอะไรก็บอกหนูได้นะคะ หนูยินดีค่ะ” ฟ้าใสบอกยิ้มๆ ยินดีช่วยเหลือลำไยที่ต้องแบกภาระดูแลหลานหลายคน เนื่องจากลูกๆ ตายหมดแล้ว ทิ้งหลานๆ เอาไว้ให้นางเลี้ยง แต่นางก็ไม่เคยย่อท้อ รักและห่วงใยหลานๆ ให้มีกินมีใช้ได้เรียนหนังสือเหมือนคนอื่นๆ แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนก็ตามที
“คุณนี่น่ารักเสียจริง ป้าถามหน่อยได้ไหมคะ ว่าคุณเอ่อ... ชอบคุณเทพประทานเหรอคะ ถึงได้ฝากขนมไปให้”
“แค่กๆๆๆ ไม่ใช่ค่ะป้า” ฟ้าใสถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อเจอคำถามนี้ของลำไย
“อ๋อ... แล้วยังไงล่ะคะ บอกป้าให้รู้หน่อย ป้าอยากรู้ คุณอย่าหาว่าป้าละลาบละล้วงเลยค่ะ คือถ้าคุณชอบคุณเทพประทานจริงๆ ป้าจะช่วยค่ะ คุณเทพก็เป็นคนดี คุณก็เป็นคนดี เหมาะสมคู่ควรกันราวกับกิ่งทองใบหยก”
ฟ้าใสทำหน้าแหยๆ ใครจะอยากได้นายนั่นเป็นแฟน เธอคนหนึ่งขอบาย ได้ยินกิตติศัพท์จากราศีมาพอสมควรว่าเขาขี้เก๊ก แถมยังไม่ชอบผู้หญิงอีก แบบนี้จะให้เธอไปเป็นแฟนเขาเหรอ ไม่ไหวหรอก ฟ้าใสจึงเล่าให้ลำไยฟังถึงเหตุผลทั้งหมด เพราะไว้ใจนางพอสมควร
“สามพันเหรอคะ” ลำไยหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าสาวๆ จะทำอะไรพิเรนทร์แบบนี้ด้วย
“ใช่ค่ะป้า พนันกันสามพัน ตั้งสามพันเชียวนะคะ” ฟ้าใสพูดแบบขำๆ จริงๆ เธอก็เล่าไม่หมด ไม่ได้บอกไปถึงว่าแก๊งของรินลดาท้าแก๊งของเธอ เพียงแค่บอกว่าเพื่อนๆ ของเธอพนันกับเธอเพียงเท่านั้น
คำพูดของฟ้าใสนั้นทำให้ลำไยอมยิ้ม นางรู้จักฟ้าใสมานาน รู้ดีว่าหญิงสาวเป็นคนมัธยัสถ์ รู้จักเก็บออมและใช้เงิน นึกชื่นชมในนิสัยเอื้ออาทรของหญิงสาว รู้ดีว่าฟ้าใสไม่ใช่คนงก แต่รู้จักกินรู้จักใช้และยังมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นเสมอ อีกอย่างหญิงสาวยังเป็นคนละเอียดลออจนเพื่อนๆ ไว้ใจให้จัดการเรื่องเงินทุกอย่างในร้าน ที่นางรู้ก็เพราะว่ายามว่างจะไปช่วยเหลืองานพวกเก็บกวาดให้เด็กสาวเป็นประจำ ก็เห็นฟ้าใสเป็นคนคิดบัญชีร้านและจัดการเรื่องรายรับรายจ่ายทั้งหมด โดยมีเกศราคอยช่วยอีกแรง และร้านกาแฟของเด็กสาวก็ถือว่าเป็นร้านที่ขายดีที่สุดในละแวกเดียวกัน อาจเป็นเพราะความเป็นกันเอง อัธยาศัยดีและราคาที่ไม่แพงสำหรับนิสิตนักศึกษาที่อยากติวหนังสือ พักผ่อนหรือนั่งคุยกันตามประสาก็เป็นได้
“โอเค งั้นมีอะไรให้ป้าช่วยก็บอกมาได้เลยนะคะ” ลำไยบอกยิ้มๆ
“ขอบคุณป้าอีกครั้งนะคะ ฟ้าคงต้องวานเอาขนมพวกนี้ไปให้เจ้านายของป้าอีกค่ะ” ฟ้าใสขอบคุณมองตามร่างท้วมๆ ของลำไยไปด้วยสายตาเป็นประกาย
อีตานั่นจะชอบขนมหรือเปล่าไม่รู้ แต่ไม่เป็นไรไม่ชอบก็ทิ้ง ขนมเกือบหมดอายุแล้ว... หุหุ
ลำไยนำขนมในกล่องที่ผูกริบบิ้นสวยงามไปฝากเลขาหน้าห้องของเทพประทานอีกทีหนึ่ง อาศัยที่นางเป็นคนอัธยาศัยดีสามารถเข้ากับคนอื่นได้ดี จึงจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้เทพประทานกล่าวอนุญาตก่อนที่ร่างท้วมๆ ที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ของเลขาสาวจะเดินเข้ามา
“มีอะไรคุณสายใจ” เขาเอ่ยถามเลขาสาวเสียงเรียบๆ ก้มหน้าเซ็นเอกสารไปเรื่อยๆ
“มีคนฝากของมาให้คุณเทพค่ะ” สายใจวางกล่องขนมที่ผูกโบสีสวยลงตรงหน้าเจ้านายหนุ่ม
เทพประทานขมวดคิ้วยุ่งเงยหน้ามองเลขาสาวด้วยความสงสัย “ของใคร”
“สายใจไม่ทราบค่ะ แต่มีแม่บ้านนำมาให้อีกทีนึงค่ะ”
“แม่บ้านคนไหน” เขาเอ่ยถามเพราะเป็นคนที่มีความจำดี ตลอดระยะเวลาที่กลับมาดูแลกิจการแทนบิดา เขาทำความรู้จักและจดจำพนักงานได้ทุกคน
“ป้าลำไยค่ะ”
“รู้แล้ว คุณออกไปได้” เขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะเรียกพนักงานทำความสะอาดที่ชื่อลำไยมาถาม
เทพประทานเปิดกล่องสีสวยที่ผูกโบเก๋ไก๋ออก ด้านในเป็นขนมคุกกี้กลิ่นหอม แม้จะไม่ชอบทานขนมหวาน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิบเข้าปากรับประทาน
เขานิ่งอึ้ง! พิงแผ่นหลังไปกับเก้าอี้อย่างแสนสบาย แล้วหยิบขนมเข้าปากอีก คล้ายต้องการชิมให้แน่ใจว่าขนมตรงหน้าอร่อยจริงๆ