“เฮ้ย! ยัยโบท็อกซ์ด่ากันขนาดนี้เลยเหรอ” ฟ้าใสที่แอบมายืนดูคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กถึงกับสะดุ้ง สามสาวก็สะดุ้งพร้อมกันไปด้วย
“มาตอนไหนนี่แก ตกใจหมด” ราศีทาบอกตัวเองเมื่อหันไปด้านหลัง
“อย่ายอมให้ใครมาด่าฟรี” ปาริชาติบิดปากไปมา มองหน้าจอมคอมพิวเตอร์เหมือนจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ
“อืม... ใช่” ฟ้าใสเออออตาม ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
“แล้วนั่นแกจะไปไหน” ราศีงุนงงในอาการของเพื่อน ตอบรับว่าอย่ายอม แต่เดินหนีไปเฉย
“ไปอาบน้ำเตรียมนอนสิ ร้อนจะแย่ ค่าชุดชั้นในฉันลงบัญชีเรียบร้อยแล้วนะ”
“โห... ยัยงก” สองสาวประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียงมองเพื่อนรัก เกศราเพียงแต่ยิ้ม ฟ้าใสยักไหล่อมยิ้มแจกจ่ายให้เพื่อนรักทั้งสามอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
“หยุด” ฟ้าใสชี้หน้าเพื่อน ทั้งสองหุบปากฉับ เกศราหัวเราะคิก เลยโดนสายตาพิฆาตจากปาริชาติมาเต็มๆ
“งั้นแกไปอาบน้ำ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ปาริชาติโบกไม้โบกมือไล่
“ดีมาก ห้ามพูดมาก ห้ามหือ เดี๋ยวเอาคืนเสียเลย ถ้าพวกแกไปซื้อรับรองไม่ได้ราคานี้นะ จะบอกให้”
ปาริชาติโพสต์รูปแห้วลงที่หน้าไทม์ไลน์*ของรินลดา รินลดาโมโหลบทิ้ง ก่อนจะโพสต์กลอนด่าโต้กลับมา
“ยัยโบท็อกซ์นี่ยั่วขึ้นแฮะ แบบนี้ก็มันน่ะสิ” สองสาวหัวเราะคิกคักที่ได้แกล้งโต้ตอบอีกฝ่ายให้ดิ้นพล่าน ส่วนเกศราได้แต่แอบมองดูสถานการณ์เงียบๆ เช่นเคย นิสัยของเธอจึงไม่ได้ทำให้เพื่อนรำคาญ แต่กลับเอ็นดูเสียมากกว่า ปล่อยให้เพื่อนรักทั้งสองตอบโต้กับกลุ่มของรินลดากันอย่างเมามัน
-------------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
ไทม์ไลน์* (อังกฤษ: Timeline แปลไทยว่า เส้นเวลา) เป็นแผนผังแสดงการพัฒนาหรือลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับเวลา โดยขึ้นอยู่กับหัวข้อที่สนใจและช่วงเวลาที่สนใจ ไทม์ไลน์ถูกใช้ในการแสดงผลเพื่อง่ายต่อการศึกษาข้อมูล โดยทั่วไปจะใส่เฉพาะหัวข้อสำคัญ ไม่ลงรายละเอียดมากนัก และเฟซบุ๊กก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นระบบที่เรียกว่า “ไทม์ไลน์”
สี่สาวเพื่อนซี้เดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ กับร้านกาแฟที่พวกเธอเปิดอยู่ ปกติสี่สาวจะมีเวลาให้กันสัปดาห์ละหนึ่งวันเป็นอย่างต่ำในการทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะออกกำลังกาย เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ตีแบดบินตัน หรือฟิตเนส ไม่ก็ทำอาหารทานด้วยกัน ช่วยกันจัดร้านทำความสะอาด และช้อปปิ้ง
“นี่ พวกแกว่าเราจะเจออีตาเทพประทานหรือเปล่า” ปาริชาติเปิดประเด็นหัวข้อสนทนาทันทีที่เดินเข้ามาตากแอร์เย็นฉ่ำภายในห้างดัง ที่มีนิสิตนักศึกษาเข้ามาใช้บริการหลังเลิกเรียนเป็นจำนวนมาก
“แกจะอยากเจอนายผีดิบนั่นไปทำไมกัน” ราศีเบ้ปากทันทีที่เพื่อนเอ่ยถึงเทพประทาน
“ถ้าเราเจอ จะได้แนะนำให้ยัยฟ้ารู้จักไง ยัยฟ้านี่ยังไม่เคยเห็นหน้าอีตานี่ แถมยังไม่สนอีกต่างหาก รับปากว่าจะช่วยก็ไม่เห็นจะทำอะไรสักอย่าง” ปาริชาติหันไปเหล่มองเพื่อนรักอย่างฟ้าใสที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้
“เอา ถ้าเจออีตานั่นวันนี้ ฉันก็จะทำความรู้จักกับเขา แต่แกพูดเหมือนรู้จักเขาดีนะ จะแนะนำให้ฉันรู้จักเขาอีก” ฟ้าใสดักคอเพื่อน
“แนะนำให้แกรู้จักคือหมายความว่าถ้านายเทพประทานเผลอเดินออกมาตรงนี้ ฉันจะชี้ให้แกดูว่าคนไหน” ปาริชาติแก้อย่างรวดเร็ว
“จ้ะ ยัยเปรี้ยวจี๊ด” ฟ้าใสรับคำยิ้มๆ
“เฮ้ย! แกดูเสื้อชั้นในนั่นสิ” ราศีชี้ให้เพื่อนดู
“เฮ้ย! ทำไมมันลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์หว่า” อุทานประสานเสียงแทบจะพร้อมกัน ยกเว้นเกศราที่มองตาปริบๆ ปิดปากเงียบเชียบเหมือนไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ฟ้าใสแทบจะโบยบินเข้าไปในแผนกชุดชั้นในทันที นี่เธอพลาดอะไรไปนี่ พลาดสุดๆ!!! อีตานั่น อีตาพนักงานนั่นร้ายกาจที่สุด ฟ้าใสอยากจะกรีดร้องให้ลั่นห้างสรรพสินค้า แต่ที่ทำได้ก็คือเม้มริมฝีปากสกัดกั้นอารมณ์เอาไว้อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช
“ยัยฟ้า คราวนี้แกซื้อของแพงว่ะ” ปาริชาติที่ปากไวที่สุดพูดก่อนเป็นลำดับแรก
“ฟ้าแกพลาดสุดๆ” ราศีเอาด้วยอีกคน
“ฟ้าพลาดเยอะเลยนะคะคราวนี้” เกศราพูดเสียงเนิบนาบตามสไตล์
“รู้แล้ว อย่าตอกย้ำ ยังไงราคาเสื้อชั้นในก็ยังเหมือนเดิม เข้าใจไหม” ฟ้าใสพูดจบก็เดินจ้ำอ้าวไปทันที เพื่อนทั้งสามถึงกับขำในอาการของเพื่อน พวกเธอไม่ได้สนใจเรื่องราคาเสื้อชั้นในอะไรมากมายนัก เพราะมันซื้อไปแล้วนั่นเอง...
...ความเป็นเพื่อนนั้นจะยืนยาวหรือไม่นั้น มิได้ขึ้นอยู่กับความร่ำรวยหรือเงินทอง แต่อยู่ที่ความดี ไม่มีใครสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากจะคบกันแล้ว จงมองข้ามในสิ่งไม่ดีของเขาไป เพราะเขายังมีสิ่งดีๆ ให้เราได้ประจักษ์อีกมาก หากมัวแต่จับผิดกันไป มิได้ละเลยข้อเสียเล็กน้อยของกันและกันบ้าง หรือมิรู้จักปรับตัว เราก็จะมีแต่หวาดระแวงไร้ความสุข...
...สิ่งใดก็ตามหากผิดพลาดไปแล้ว เราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก แค่เราทำวันนี้ให้ดีที่สุด และไม่กลับไปผิดพลาดกับมันอีก เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว...
เพื่อนใหม่ในโลกออนไลน์
ฟ้าใสจัดการเคลียร์บัญชีเรียบร้อยก็เปิดคอมเพื่อเข้าเฟซบุ๊ก เธอกดออฟไลน์เอาไว้ เพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวรู้ว่าแอบเข้าเฟซ ในอาคารพาณิชย์หลังใหญ่ นอกจากห้องนอนใหญ่ที่ไว้สำหรับนอนรวมกันแล้ว ยังมีห้องนอนแยกย่อยไว้สำหรับเป็นส่วนตัว สี่สาวจะนอนด้วยกันเมื่อมีเรื่องต้องปรึกษากัน และแยกกันคนละห้องเมื่อต้องการความเป็นส่วนตัว
...เป็นเพื่อนกันสนิทกันได้ แต่บางครั้งก็ต้องมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง เพื่อเว้นช่องว่างจะได้ไม่ทำให้อึดอัดมากนัก การได้ปล่อยให้แต่ละคนได้เป็นอิสระ จะทำให้ลดความบาดหมางที่จะเกิดขึ้น ยิ่งอยู่ใกล้กันมากตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง นั่นยิ่งทำให้อึดอัดหรือไม่ก็กระทบกระเทียบกันได้ง่าย
หญิงสาวคลิกเข้าไปอ่านข้อความของเพื่อนรักที่โต้ตอบกับกลุ่มของรินลดาก่อนจะหัวเราะเบาๆ เพื่อนเธอก็แสบใช่ย่อย จริงๆ แก๊งของเธอก็ใช่ว่าจะเคยอ่อนข้อให้แก๊งของรินลดา ยกเว้นเกศราซึ่งหญิงสาวมักไม่มีปากเสียงกับใครๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร อาจเป็นเพราะชีวิตครอบครัวทำให้เพื่อนของเธอเป็นเช่นนั้น มนุษย์ทุกคนที่เติบโตมา จะเป็นเช่นไรนั้นอยู่ที่การเลี้ยงดูปลูกฝังในเรื่องต่างๆ เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นในสังคมหนึ่งจึงมีคนหลากหลายจำพวก เรียกว่าความแตกต่างระหว่างบุคคล เพราะบางคนต้องปากกัดตีนถีบ บางคนเกิดมาสุขสบายไม่เคยได้หยิบจับทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน บางคนมีชีวิตที่เรียบง่าย หรือแม้แต่บางคนชอบชีวิตที่โลดโผน
ฟ้าใสอ่านกระทู้มากมายในเฟซบุ๊ก ก่อนที่จะไปเจอกระทู้กินใจของใครคนหนึ่งที่ถูกแชร์หลายครั้ง เธอคลิกเข้าไปดูเจ้าของกระทู้ชื่อ... ความสุขบนโลกเกิดจากความดี
“ความคิดดีนะคนนี้ แอดเป็นเพื่อนไว้ก็ไม่เสียหาย” ฟ้าใสแอดขอเป็นเพื่อนกับ ‘คุณความสุขบนโลกเกิดจากความดี’ เผื่อในวันข้างหน้าอาจจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันและกันบ้าง แม้ใครๆ จะบอกว่าในโลกออนไลน์นั้นหาคนที่จริงใจด้วยยากยิ่ง แต่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรหากเรามีสติที่จะพูดคุยกับใครก็ได้ ที่คุยกันเข้าใจ คุยกันรู้เรื่องและมีทัศนคติที่ดีๆ เหมือนๆ กัน ไม่ได้หมายความว่าเราจะหลงมัวเมาเชื่ออะไรใครไปเสียทุกอย่าง นั่นเรียกว่าเรารู้จักใช้วิจารณญาณในการคิดว่าควรหรือไม่ควรอย่างไร
“กดรับเร็วจัง” ฟ้าใสอมยิ้มก่อนโพสต์หน้าไทม์ไลน์ของอีกฝ่าย
‘ขอบคุณที่รับแอดค่ะ ^_^’
‘ยินดีที่ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกันครับ’
“เป็นผู้ชายเหรอนี่” ฟ้าใสอมยิ้ม ก่อนจะส่งข้อความส่วนตัวทักทายกับเขา
‘สวัสดีค่ะ’
‘สวัสดีครับ’
‘ชอบข้อความในเฟซบุ๊กของคุณจัง อ่านแล้วได้แง่คิดมากมาย ทำให้มีกำลังใจในหลายๆ เรื่องเลยค่ะ’