-11-
รางวัล
“อารมณ์ดี” หลี่เฉิงหลินถามสาวสวยที่นั่งมองทิวทัศน์ในเมือง เขานั่งลงข้างเธอเท้าคางมองใบหน้าสวยที่มีรอยยิ้มบางๆ
ซูซือเหยียนเหลือบมองเขา รอยยิ้มยังไม่จางหาย “นิดหน่อย” เธอว่า
เธอยังไม่ลืมความโกรธที่มีต่อหลี่เฉิงหลิน แต่ก็ไม่ได้ลืมความชอบที่เขาทำ เพียงแต่ตอนนี้สีหน้าของสองคนนั้นทำให้เธอเก็บบัญชีของหลี่เฉิงหลินไว้ในใจ
“คุณไม่ทำงานเหรอ” เธอถาม
“วันนี้ว่าง”
ซูซือเหยียนเลิกคิ้ว “แล้วคุณก็พาฉันมาที่นี่”
“ไม่ดีเหรอ” เขาเลิกคิ้ว
ซูซือเหยียนหัวเราะในลำคอ “ก็ดี”
“ซือเหยียน” เขาเรียกเธอ
“รุ่นพี่ต้องการอะไรจากฉัน” เธอถอนหายใจแล้วมองเขาตรงๆ
เธอมองกลีบปากบางสีซีดของเขา เผลอคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้โดยไม่รู้ตัว เขามีใบหน้าชวนหลงใหล ดวงตามีเสน่ห์ดึงดูดยากปฏิเสธ เหมือนมนุษย์ที่ได้รับความรักจากพระเจ้าเป็นอย่างมาก ทว่าก็ไม่แตกต่างกับคนทั่วไป
เขายังคงเป็นคนเดินดิน ดูเหมือนจะมีพลังแปลกๆ นิดหน่อย แต่นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีเลือดเนื้อและร่างกายอบอุ่นเหมือนคนปกติ
คนแบบนี้จะเป็นปีศาจได้ยังไง
“มองแบบนี้ จูบเลยไหม” เขาถาม แต่ไม่ได้รอให้เธอตอบ กลับเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาจูบเธอเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม “อร่อย” เขาไม่ลืมเลียริมฝีปากเธอ
ซูซือเหยียนหน้าแดงก่ำ คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำตัวแบบนี้บนดาดฟ้าของบริษัท “รุ่นพี่!”
เธอเอามือแตะริมฝีปาก ยังไม่ชินกับความรู้สึกนี้ ขณะเดียวกันก็ใจเต้นแรงมาก
“โวยวายทำไม”
“ที่นี่เป็นดาดฟ้า” เธอว่า
“ฉันเป็นประธานบริษัท”
“...”
อำนาจล้นเหลือของท่านประธานใครจะกล้าว่าอะไรเขา นี่คือสิ่งที่หลี่เฉิงหลินเข้าใจ และไม่มีใครปฏิเสธได้
ซูซือเหยียนทั้งอายทั้งโมโหกับความหน้าด้านของเขา “อย่าทำรุ่มร่ามกับฉัน ฉันไม่ชอบ”
“แต่ฉันจะทำ” เขาว่า “เธอเป็นของฉัน”
“ไร้ยางอาย!”
เขาโคลงศีรษะอย่างไม่ยี่หระ “ยางอายไม่จำเป็นสำหรับฉัน”
ทุกการกระทำของซูซือเหยียนและหลี่เฉิงหลินตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่หลังต้นไม้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เสื้อเชิ้ตและเนคไทเป็นรอยกระชากไร้ระเบียบจากอารมณ์รุนแรง
ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด “หลี่เฉิงหลิน” น้ำเสียงมีความอาฆาต ขณะเดียวกันก็มองหญิงสาวที่เขารักมากด้วยความผิดหวัง “อาเหยียน คุณลืมผมได้ลงเหรอ”
ซูซือเหยียนเดินออกจากห้องน้ำ ทว่ากลับมีใครบางคนรอเธออยู่ที่มุมของตึก ใครคนนั้นคือคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
หญิงสาวเหยียดยิ้ม แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเขาแล้วเดินผ่านไป
“อาเหยียน”
แขนของเธอถูกกระชากจนเป็นรอยแดง ร่างกายปลิวตามแรงของบุรุษ เว่ยเสวี่ยหลินผลักเธอติดกำแพง ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
“ปล่อยฉัน!” เสียงของเธอเย็นชา มองเขาเหมือนคนไม่รู้จักกัน
ใบหน้าของเว่ยเสวี่ยหลินกลายเป็นน่าเกลียด มองผู้หญิงตรงหน้าที่เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เธอเป็นคนสวย เขารู้...
แต่เขาไม่ยอมให้เธอกลายเป็นดอกไม้ที่ใครๆ ก็สามารถเชยชมได้ เว่ยเสวี่ยหลินต้องการให้ซูซือเหยียนเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น ต้องการให้เธอผลิบานเพื่อเขาคนเดียว เขาไม่ต้องการแบ่งปันให้ใครเห็น
แต่เรื่องวันนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกถล่มตรงหน้า
“อาเหยียน ผมอธิบายเรื่องวันนั้นให้คุณฟังได้”
“ฉันไม่อยากฟัง” ภาพที่เห็นยังคงติดตา เขาสามารถอธิบายอะไรได้อีก คำพูดของพนักงานในบริษัทที่ทำงานกับพวกเขามานานยังไม่เพียงพออีกหรือ
เขาใช้แขนทั้งสองข้างกักขังเธอติดกำแพง จ้องใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความเฉยชาอย่างเจ็บปวด “อาเหยียน ผู้หญิงคนนั้นแค่ของคั่นเวลา ผมจริงจังกับคุณมาก รักแค่คุณคนเดียว”
ซูซือเหยียนหัวเราะเสียงเย็น เหลือบมองเขาราวกับเพิ่งรู้จักผู้ชายตรงหน้า “เว่ยเสวี่ยหลิน ฉันไม่ใช่คนที่ใจกว้างนัก และไม่มีทางให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง”
“อาเหยียน ผมรักคุณ”
“เว่ยเสวี่ยหลิน!” เธอตะคอกใส่เขาด้วยความเหลือทน “คำว่ารักของคุณมันไร้ค่า กล้าทำแบบนั้นกับเพื่อนที่ฉันไว้ใจที่สุด คุณคิดว่าฉันโง่มากเลยใช่ไหม” น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “หลิวอิงเป็นเพื่อนฉันมาสิบกว่าปี แต่เพราะผู้ชายอย่างคุณทำให้พวกเราไม่สามารถมองหน้ากันได้อีกต่อไป”
ในใจของเธอชืดชา หลิวอิงเปรียบเสมือนพี่น้องของเธอ หากอีกฝ่ายบอกเธอก่อนหน้านี้ว่าชอบเว่ยเสวี่ยหลิน ซูซือเหยียนจะไม่มีทางตอบตกลงคบกับเขา
ไม่มีทาง!
เธอไม่มีทางเห็นคนอื่นสำคัญกว่าพี่น้อง
“ดูเหมือนว่าหลิวอิงจะไม่คิดแบบนั้น” เว่ยเสวี่ยหลินมองเธอ “ผู้หญิงคนนั้นไม่สนใจว่าคุณเป็นแฟนผมแถมยังเสนอตัวให้ถึงที่ สมควรที่คุณจะมองเป็นเพื่อนเหรอ”
ซูซือเหยียนหัวเราะทั้งน้ำตา เธอเหยียดยิ้ม “เว่ยเสวี่ยหลิน คุณมันไร้ยางอาย!”
“อาเหยียน!” เว่ยเสวี่ยหลินแววตาดำมืด เสียงของเขาแหบพร่าเมื่อก้มมองรูปร่างของเธอ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้หญิงตรงหน้าจะเต็มไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนขนาดนี้ ลมหายใจของเขาถี่กระชั้น
ซูซือเหยียนรู้สึกถึงอันตราย เธอพยายามผลักเขา ทว่าเว่ยเสวี่ยหลินจับแขนเธอไว้พร้อมกับจูบเธออย่างรุนแรง ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปยังตำแหน่งต่างๆ บนปากและคอของเธอ ลมหายใจร้อนแผดเผาผิวกายของซูซือเหยียน ทว่าเธอกลับขนลุกซู่และเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“ปล่อย!”
“ไม่!” เขากระซิบ พยายามแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากเธอ
ซูซือเหยียนตัวสั่นเทา เธอไม่เคยรู้สึกขยะแขยงเขามาก่อน ทว่าครั้งนี้แตกต่างกัน เพียงแค่คิดว่าเขาบอกรักผู้หญิงคนอื่นและผู้หญิงคนนั้นคือหลิวอิง เธอก็แทบจะอาเจียนออกมา เธอกลั้นหายใจแล้วยกเข่าขึ้นโจมตีเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
“อาเหยียน!” เสียงของเว่ยเสวี่ยหลินขาดห้วง ใบหน้าของเขากลายเป็นสีม่วงแล้วล้มลง
ซูซือเหยียนรีบถูริมฝีปากแล้ววิ่งหนี แต่ถนนของศัตรูนั้นแคบจริงๆ เมื่อเธอพบกับหลิวอิงที่ระเบียงทางเดิน
หลิวอิงมองเธอ ใบหน้าซีดเผือด “อาเหยียน” เธอพยายามเดินมาจับแขนของซูซือเหยียนเหมือนที่เคยทำ ทว่าซูซือเหยียนสะบัดมือหนีอย่างรังเกียจ
“อย่าแตะต้องตัวฉัน”
น้ำตาของหลิวอิงเอ่อคลอ “อาเหยียนฉันขอโทษ เขา...เขาหลอกฉัน”
หลอก? โตขนาดนี้สามารถหลอกกันได้เหรอ?
ซูซือเหยียนกอดอกมองอีกฝ่าย ไม่อยากจะสนทนาด้วยสักนิด แต่เมื่อหลิวอิงพยายามบีบน้ำตา เธอก็อยากจะฟังว่าผู้หญิงตรงหน้าจะพูดอะไร “หลอกยังไง”
“เขา...เขาบอกฉันว่ากำลังจะเลิกกับเธอ อาเหยียน...ฉันชอบเขามาตั้งแต่ตอนเรียน แต่เขาชอบเธอ”
“แล้วยังไง” ซูซือเหยียนเหยียดยิ้ม เหมือนกำลังฟังเรื่องตลกของคนอื่น
หลิวอิงก้มหน้าลง น้ำตาร่วงเผาะ “เขาบอกว่าถ้าเธอไม่ยอมแต่งงานกับเขาภายในปีนี้ เขาจะเลิกกับเธอ”
“งั้นเหรอ? แต่เธอรู้ว่าฉันคิดยังไง หลิวอิง ฉันพูดกับเธอทุกเรื่อง เธอรู้ว่าฉันจะไม่แต่งงานจนกว่าจะอายุครบยี่สิบห้า เธอเลยใช้เรื่องนี้เข้าหาเขาอย่างนั้นเหรอ?”
“นี่...ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น”
ท่าทางของหลิวอิงน่าสงสารมาก หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงต้องกอดปลอบอีกฝ่ายไปแล้ว
“ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจแล้ว” เธอว่า เตรียมจะเดินหนี
“อาเหยียน เธอกับรุ่นพี่หลี่” หลิวอิงมีท่าทางลังเล แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย “ตอนนั้นเธอบอกว่าจะไม่มีทางคบกับเขา”
ซูซือเหยียนหัวเราะ “หลิวอิง แม้แต่เพื่อนที่ฉันคบมาสิบกว่าปียังสามารถทรยศฉันได้ ทำไมฉันจะเปลี่ยนใจไม่ได้”
“แต่เธอไม่ได้รักเขา”
“เธอคิดว่าฉันสนใจหรือเปล่า เทียบกับเว่ยเสวี่ยหลินแล้ว หลี่เฉิงหลินมีอะไรด้อยกว่าไหม”
“เธอไม่กลับไปหาเว่ยเสวี่ยหลินเพราะเรื่องนี้เหรอ อาเหยียน ฐานะของรุ่นพี่หลี่ไม่ได้รับประกันความสุขของเธอนะ เธอต้องคิดความสุขของตัวเองบ้างสิ”
“หลิวอิง...ความสุขของฉันมันจบลงไปตั้งแต่เมื่อคืนนั้น หลังจากนี้ชีวิตของฉันจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ขอให้มีความสุขกับเว่ยเสวี่ยหลินนะ” เธอตัดสินใจเดินหนีทันที
คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงแผ่วเบาปนเย้ยหยันดังขึ้น “อาเหยียน เธอคิดจะจับผู้ชายรวยๆ งั้นเหรอ”
เพียะ!
ซูซือเหยียนขี้เกียจเถียงอีกต่อไป ใบหน้าของหลิวอิงมีรอยฝ่ามือสีแดงเดินขึ้น กลีบปากบางสั่นเทาเธอมองซูซือเหยียนพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม “อาเหยียน”
“คนอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งสอนฉัน”
“อาเหยียน อย่าหลอกใช้รุ่นพี่หลี่” ท่าทางเหมือนดอกบัวสีขาวที่บริสุทธิ์ไร้มลทินนั้นทำให้ซูซือเหยียนอยากอาเจียนออกมา
เธอแค่นเสียงขึ้นจมูก มองอีกฝ่ายอย่างเหยียดหยันก่อนจะหันหลังกลับ หญิงสาวชะงักไปเมื่อเห็นหลี่เฉิงหลินยืนอยู่กับเลขาฯ หง
เธอคิดว่าเขาจะไม่พอใจ เพราะเห็นสีหน้าของเลขาฯ หงไม่สู้ดีนัก ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
หลี่เฉิงหลินเหลือบมองหลิวอิง เขาเดินเข้ามาหาซูซือเหยียน เธอคิดว่าเขาจะด่าว่าเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าหลี่เฉิงหลินจะโอบเอวเธอพร้อมกับจับมือข้างที่ตบหน้าหลิวอิงขึ้นมาลูบเบาๆ “เจ็บหรือเปล่า”
ทุกคน “...”
ซูซือเหยียนพูดไม่ออก “ไม่เป็นไร”
เขามองรอยแดงบนแก้มของหลิวอิง พยักหน้าอย่างพอใจ “ตบได้ดี”
“ท่านประธาน” หลิวอิงมองหลี่เฉิงหลินอย่างไม่เชื่อสายตา
“คุณสมควรโดนมากกว่านี้” เขาพูด “ซือเหยียน ผมหิวแล้ว”
ซูซือเหยียนเพิ่งรู้สึกว่าการมีคนหนุนหลังนั้นให้ความรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง เธอยิ้ม “ฉันอยากกินติ่มซำ”
“ได้สิ”
“อยากกินไอศกรีมมะม่วง”
“เดี๋ยวผมพาไป”
หลี่เฉิงหลินโอบเอวซูซือเหยียนเดินจากไปไกลแล้ว ทว่าหลิวอิงที่ถูกตบจนน้ำตาอาบแก้มกลับมองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ริมฝีปากของเธอสั่นระริก