-10-
คู่หมั้น
รถสุดหรูจอดหน้าบริษัทพร้อมกับที่คนจำนวนมากยืนเรียงแถวรอต้อนรับอยู่ด้านหน้า เลขาฯ หงและคนขับรถช่วยเปิดประตูให้หลี่เฉิงหลินและผู้หญิงของเขา
คนในบริษัทมองผู้หญิงที่มากับท่านประธานด้วยสายตาใคร่รู้ ไม่มีใครเคยเห็นว่าท่านประธานจะพาผู้หญิงมาทำงานด้วยกันในตอนเช้า นี่เป็นครั้งแรกจึงทำให้หลายคนตกตะลึง รวมไปถึงหญิงสาวที่แอบมีความหวังฝันสลาย
เป็นไปไม่ได้!
ท่านประธานมีคนรักแล้วเหรอ
หลายคำถามผุดขึ้นในใจของทุกคน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านประธาน” หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ลงมาต้อนรับท่านประธานด้วยตัวเองเอ่ยทักทายทันที เธอเป็นสาวสวย อายุประมาณสามสิบ สวมชุดสูทดูมืออาชีพ
“ซือเหยียน นี่ผู้จัดการเซี่ย”
หลี่เฉิงหลินแนะนำให้ซูซือเหยียนรู้จัก หญิงสาวทำอะไรไม่ถูก ทำได้แค่ยิ้มแล้วกล่าวทักทายอย่างช่วยไม่ได้ “สวัสดีค่ะ ฉันซูซือเหยียน”
“ซูซือเหยียนเป็นคู่หมั้นผม”
เสียงของเขาไม่ดังมาก แต่ก็ดังพอที่จะให้คนมากมายซึ่งยืนต้อนรับอยู่ได้ยิน ทุกคนมีความรู้สึกหลากหลาย แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา นอกจากคำแสดงความยินดี
“ยินดีด้วยค่ะท่านประธาน” เซี่ยชิงเฉินยิ้มกว้าง มองหญิงสาวที่ถูกแนะนำตัวว่าเป็นคู่หมั้นของท่านประธาน อีกฝ่ายเป็นคนสวยที่หาตัวจับได้ยาก ผิวขาวเรียบเนียนจนน่าอิจฉา เธอเพิ่งสังเกตว่าซูซือเหยียนไม่ได้แต่งหน้า จึงอดมองซ้ำด้วยความสนใจไม่ได้ “คุณซูสวยมากเลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณเซี่ยเองก็เหมือนกัน” ซูซือเหยียนยิ้มรับ
คนที่อารมณ์ดีที่สุดคือหลี่เฉิงหลิน ทุกครั้งที่มีคนถาม เขาจะแนะนำว่าซูซือเหยียนเป็นคู่หมั้นเขาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำเอาซูซือเหยียนลอบกัดฟันในใจ ถ้าเขาทำแบบนี้แล้วเธอจะเข้ามาทำงานได้ยังไง
แต่ผลที่ได้คือเขาบอกว่าเธอทำงานในห้องปฏิบัติการ ไม่มีใครสนใจเรื่องเหล่านี้
แม้จะเป็นเรื่องจริงแต่ก็อาจทำให้หลายคนมองว่าเธอใช้ประตูหลังในการเข้ามาทำงาน เป็นเด็กเส้นของท่านประธาน!
ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าสวรรค์เป็นใจ เพราะหลี่เฉิงหลินจงใจหยุดที่แผนกหนึ่ง คนที่กำลังเดินคู่กันออกมาคือคนที่ซูซือเหยียนไม่มีทางลืมตลอดชีวิต
เว่ยเสวี่ยหลินและหลิวอิง
สองคนนั้นกระซิบกระซาบสบตากันเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด แต่ซูซือเหยียนได้ยินชัดเต็มสองหูว่า “ว้าว วันนี้รองผู้จัดการเว่ยกับเสี่ยวอิงมาทำงานด้วยกันอีกแล้ว”
มันไม่ใช่เสียงที่ดังมาก เต็มไปด้วยความอิจฉาปนชื่นชม แต่มันทำให้ซูซือเหยียนที่ยืนอยู่ไม่ไกลต้องกลืนก้อนบางอย่างลงท้อง
มาทำงานด้วยกันอีกแล้ว?
กี่ครั้ง?
ซูซือเหยียนหัวเราะในลำคอ เธอเหมือนคนโง่ที่สุดในตอนนี้
ดีเหลือเกินที่ไม่ได้เซอร์ไพรส์ผู้ชายคนนั้นด้วยการย้ายมาหลังจากที่นอนกับเขา!
“ขอโทษนะคะ รองผู้จัดการเว่ยกับผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนกันเหรอ” ซูซือเหยียนถามผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งกระซิบกับเพื่อนเมื่อครู่
อีกฝ่ายเห็นเธอยืนกับท่านประธาน ในใจรู้สึกกลัวอยู่บ้าง แต่หลี่เฉิงหลินทำท่าว่าไม่เป็นไร เธอจึงก้มศีรษะแล้วถาม “คุณรู้จักรองผู้จัดการเว่ยเหรอคะ”
ซูซือเหยียนยิ้ม “เราเป็นเพื่อนกัน”
อีกฝ่ายยิ้มโล่งใจ “สองคนนั้นชอบมาทำงานด้วยกันและกลับพร้อมกันค่ะ แต่ว่าพักหลังๆ ไม่ค่อยได้เห็นแล้ว ตอนแรกนึกว่ารองผู้จัดการเว่ยมีแฟนใหม่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้น”
“ขอบคุณ”
ซูซือเหยียนยิ้มเย็นเยียบ มือสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่
พักหลังๆ ไม่ค่อยได้เห็นแล้ว?
แน่นอนสิ ช่วงก่อนรถของเธอมีปัญหาจึงส่งเข้าศูนย์ เว่ยเสวี่ยหลินอาสาไปรับไปส่งเธอที่ทำงาน
จะมีใครโง่กว่าเธออีกมั้ย
ซูซือเหยียนเหลือบมองหลี่เฉิงหลิน “คุณรู้อยู่แล้ว”
หลี่เฉิงหลินโอบเอวเธอ ก้มลงหอมแก้มพร้อมกับกระซิบ “ฉันเคยคิดจะบอกเธอแล้ว ผลเป็นยังไง หมูโง่ตัวหนึ่งไม่ยอมฟังคนอื่น”
ซูซือเหยียนกระแทกศอกใส่เขาอย่างโมโห “คุณมัน!”
“ทำตัวดีๆ พวกนั้นเดินมาแล้ว”
ซูซือเหยียนตัวแข็งทื่อ
“อรุณสวัสดิ์ครับท่านประธาน” เว่ยเสวี่ยหลินเอ่ยทักทาย มองผู้หญิงสวยในอ้อมแขนของหลี่เฉิงหลินพร้อมกับสายตาแปลกๆ
หลี่เฉิงหลินยิ้ม “อรุณสวัสดิ์” เขาแตะแก้มของซูซือเหยียน “ที่รัก ทักทายรองผู้จัดการหน่อยสิ”
ซูซือเหยียนกัดริมฝีปาก เมื่อเรียกความมั่นใจได้แล้วจึงเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มทักทาย “สวัสดีค่ะรองผู้จัดการเว่ย”
เว่ยเสวี่ยหลินและหลิวอิงยิ้มค้าง มองที่ซูซือเหยียนอย่างไม่เชื่อสายตา ราวกับโลกถล่มตรงหน้า
“อาเหยียน!”
“เธอเป็นคู่หมั้นผม ซูซือเหยียน!”
และดูเหมือนว่าแม้แต่ฟ้าก็ถล่มลงมาอีกครั้งเมื่อหลี่เฉิงหลินแนะนำเธอ
ซูซือเหยียนไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันนี้สีหน้าของทั้งสองคนตรงหน้าจะทำให้เธอมีความสุขขนาดนี้
“สวัสดี ไม่ได้พบกันนานเลยนะ เว่ยเสวี่ยหลิน หลิวอิง”
นาน? แค่สามวันเท่านั้น!
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คนทั้งสองจะมีสีหน้าย่ำแย่เกินกว่าจะทำอะไรได้
“ยะ...ยินดีด้วยครับท่านประธาน”
หลี่เฉิงหลินพยักหน้า โอบเอวซูซือเหยียนแล้วกระซิบ “ไปที่ห้องผมดีกว่าที่รัก ข้างนอกร้อนเกินไป”
ซูซือเหยียนยิ้มให้เขา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าหลี่เฉิงหลินดูเหมือนเทพบุตรขี่ม้าขาว “ค่ะ”