'ขุนพล' นายแพทย์หนุ่มหล่อถึงกับงุนงงยิ่งนัก เมื่อเพื่อนโทรศัพท์มาบอกว่าตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ขอมาพบเพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษาหารือ ประตูห้องพักถูกเปิดเข้าไป พร้อมกับสีหน้าของตุลาการที่ดูเคร่งเครียดจนเก็บอาการไม่ได้
"เป็นไรมาอีกวะ สภาพแบบนี้เหมือนคนใกล้ตายแล้วไหมเพื่อน?" หมอหนุ่มทักทายแกมหยอกล้อให้อีกคนอารมณ์ดีเช่นทุกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าตุลาการจะไม่มีอารมณ์เล่นด้วยเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวยาวภายในห้องอย่างเหนื่อยล้า สมองของเขาทำงานอย่างหนักมากในเวลานี้ มันมีแต่คำถามว่าควรจะทำอย่างไร เอายังไงกับชีวิตต่อไปดี
"แกมาทำอะไรที่นี่ไอ้ตุลย์ ไม่สบายหรือไง?"
"เปล่า เมียฉันต้องมานอนโรงบาลกะทันหัน"
"เมียนอนโรงบาลแล้วทำไมแกมาอยู่ตรงนี้ ไม่ไปอยู่เฝ้าขวัญเขาล่ะ"
"เขาไม่ให้ฉันเฝ้า เขาไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้วว่ะพล"
"มีปัญหากันว่างั้น?" ตุลาการพยักหน้าให้แทนคำตอบ ริมฝีปากหนาขบเม้มเข้าหากันอีกครั้งอย่างอดไม่ได้
"เรื่อง?" แพทย์หนุ่มถึงกับรีบนั่งลงเคียงข้างเพื่อนรัก รอคอยที่จะรับฟังปัญหาชีวิตของเพื่อน เหมือนกับว่าเป็นเรื่องของตัวเอง
"ฉันขอหย่ากับขวัญ"
"เฮ้ย!! หย่าทำไมวะ ขวัญเขาไม่ดีเหรอ ฉันก็เห็นเขาดีกับแกมากเลยนะไอ้ตุลย์"
"ไม่รู้ว่ะพล ฉันสับสนตัวเอง ฉันขอจบความสัมพันธ์กับขวัญ เพราะฉันอยากไปสานความสัมพันธ์อย่างจริงจังกับใครอีกคน"
"ยัยวีด้าลูกสาวหุ้นส่วนใหม่ของแกน่ะเหรอ?" เพื่อนสนิทอย่างขุนพลรู้เรื่องของเพื่อนรักแทบจะทุกอย่าง เพราะตุลาการไม่เคยมีเรื่องที่ต้องปิดบังกัน แม้แต่ในเวลาที่กำลังมีความรู้สึกเกินเลยกับอีกคนที่ไม่ใช่เมีย
"ใช่ ฉันรู้สึกดีกับวีด้ามาก จนคิดว่าฉันตกหลุมรักเขาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับขวัญมาก่อน"
"แล้วแกมีอะไรกับเธอคนนั้นหรือยัง?"
"ยังนะเว้ย! ถึงฉันจะไม่ได้รักขวัญ แต่ฉันก็ไม่เคยนอกกายเขาไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น"
"แต่มึงก็นอกใจเขานะไอ้ตุลย์!" เสียงเข้มตวาดกลับอย่างนึกโมโหแทน ตุลาการได้แต่จ้องมองหน้าเพื่อนรักด้วยความไม่พอใจเช่นกัน
"กูผิดเหรอวะพล ในเมื่อกูไม่ได้รักขวัญ ถ้ากูรู้สึกดีกับใครสักคน มันผิดนักเหรอวะ?"
"ผิดไม่ผิดไม่รู้ด้วยหรอก เพราะความสัมพันธ์ของแกกับขวัญมันเริ่มต้นมาแบบชวนให้งงมาก เรื่องแบบนั้นมันควรจะเกิดขึ้นแค่ในนิยายน้ำเน่าไหมวะ ที่พ่อแม่จับลูกชายลูกสาวเกี่ยวดองกันเพราะธุรกิจ พระเอกไม่ได้รักนางเอก แต่ก็ทนเพราะเห็นอกเห็นใจพ่อแม่ เอาจริง ๆ เลยนะ ฉันว่าแกปล่อยขวัญไปก็ถูกต้องแล้วล่ะ ขวัญจะได้ไม่ต้องมาทนเสียเวลากับผู้ชายที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ สามปีที่ผ่านมาฉันก็ว่ามันนานเกินพอสำหรับโอกาสที่ขวัญจะได้เจอกับคนที่ดีกว่าผัวไม่เอาไหนแบบแกนะ"
"ฉันก็อยากปล่อย แต่ตอนนี้ขวัญเขาท้อง ฉันควรทำยังไงดีวะไอ้พล?" นายแพทย์หนุ่มถึงกับหัน ฟรึ่บ! กลับไปจ้องมองหน้าเพื่อนอีกครั้งเหมือนไม่เชื่อหู
"ขออีกทีสิ!"
"ได้ยินไม่ผิดหรอก ขวัญท้อง ท้องได้สามเดือนแล้ว ที่เขาต้องเข้าโรงบาลวันนี้เพราะเรื่องนี้แหละ"
"ไอ้ตุลย์! อย่าบอกนะว่ามึงพึ่งรู้วันนี้ว่ากำลังจะเป็นพ่อคน?"
"ใช่ พึ่งจะรู้ รู้ในวันที่กูขอเขาหย่า" นายแพทย์หนุ่มถึงกับเครียดไม่ต่างจากเพื่อนรักนัก มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ใหญ่จนไม่รู้จะช่วยหาทางออกได้ยังไงอีกแล้ว
"ขวัญไม่แม้จะอยากมองหน้าฉันเลยว่ะ เขาบอกฉันว่าถ้าออกจากโรงพยาบาลไปเขาจะหย่าให้" น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แทนที่จะดีใจเหมือนอย่างที่วาดหวังเอาไว้ แต่เขากลับรู้สึกว่าไม่น่าจะพูดคำนั้นออกมาเลยตั้งแต่แรก
"แล้วแกไม่ดีใจเหรอวะที่เขาจะให้อิสระ?"
"ไม่รู้สิพล ฉันไม่อยากให้ลูกต้องเกิดมาแบบขาดคนใดคนหนึ่งไปนะเว้ย"
"แต่ในเมื่อแกไม่รักขวัญ แกก็ควรจะปล่อยขวัญไปนะ อยู่เพื่อลูกงี้เหรอ ฉันว่ามันเห็นแก่ตัวเกินไป ยังไงแกก็พูดออกมาแล้ว มันเอาคำพูดพวกนั้นกลับคืนมาไม่ได้นะเว้ย เพราะคนที่เจ็บฝังใจคือแม่ของลูกแก ผู้หญิงเขาจะลืมอะไรง่าย ๆ เหรอวะตุลย์?"
นั่นนั่นสินะ ใครมันจะลืมคำพูดที่ได้ยินเต็มสองรูหูขนาดนั้นได้ แต่เขาก็ยังอยากเลี้ยงดูลูกที่เกิดมาอยู่ เขาไม่ใช่ประเภทผู้ชายไข่ไว้แล้วทอดทิ้ง
"ฉันควรทำยังไงดีวะพล? ฉันอยากอยู่เลี้ยงลูกให้เติบโตไปกับเขาทุกวันนะ"
"ถ้าแกมีเมียใหม่ สักวันหนึ่งแกก็จะมีลูกอยู่ดี ค่อยรอเลี้ยงคนต่อไปเถอะว่ะ ไม่มีอะไรจะแนะนำได้ดีกว่านี้อีกแล้วล่ะไอ้ตุลย์"
"ไอ้หมอ สาบานว่ามึงเป็นที่ปรึกษาให้กูอยู่?" ตุลาการมองค้อนเพื่อนรักอย่างไม่พอใจ มีเรื่องเครียดทีไรขุนพลก็ยังมักจะพูดเล่นสนุกแบบนี้อยู่เรื่อยเลย
"ก็ไม่มีอะไรจะแนะนำไง มันเรื่องใหญ่มากนะเว้ย ถึงแกจะบอกไม่เคยนอกกายขวัญ แต่แกก็ไม่เคยรักเขา นอกใจเขาไปมีความรู้สึกพิเศษกับคนอื่น ฉันสงสารขวัญมากกว่าแกอีกว่ะไอ้ตุลย์" ตุลาการได้แต่นั่งกอดอกทำหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์อีกครั้ง
"เอางี้ไหมล่ะ ก่อนหย่าแกก็เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้เลย ว่าแกขอมีสิทธิ์เลี้ยงดูลูกอาทิตย์ละกี่วันก็ว่าไป เรื่องแบบนี้มันตกลงกันได้ไหมวะตุลย์ ขวัญเขาไม่ใจร้ายขนาดไม่ยอมให้แกเห็นหน้าลูกหรอกนะ"
"แล้วถ้าเขาไม่ตกลงล่ะ ถ้าเซ็นหย่าไปแล้วไม่เป็นไปตามที่พูดกันไว้ล่ะ ฉันจะทำยังไง?"
"เออ นั่นสินะ ทำใจไหมวะถ้ามันต้องเป็นแบบนั้นจริง ฮ่า ๆ ๆ" สายตาคู่คมประดุจเหยี่ยวจ้องมองเพื่อนอย่างไม่พอใจอีกครั้ง มันใช่เวลามาขำทำอารมณ์ครื้นเครงได้อยู่อีกหรือไง?
"รู้แหละว่าเครียด งั้นแกก็เอาตัวเองไปพัวพันกับขวัญต่อ หน้าด้านหน้าทน ไม่ยอมเซ็นหย่าให้ ไม่ว่าเขาจะพูดยังไงก็ตามแต่ ปฏิเสธไปเลยว่าไม่หย่าแล้ว รอลูกคลอดก่อนแล้วค่อยหย่า"
"เพื่อ?"
"เอ้า! ก็ในระหว่างหกเดือนนี้ แกก็ทำให้ตัวเองรู้สึกรักแม่ของลูกสิวะ ถามจริงเถอะแกรักขวัญ แต่แกไม่รู้ใจตัวเองหรือเปล่าวะ?"
"ไม่หรอก ถ้ารักฉันก็บอกว่ารักแล้ว แต่ถ้าผูกพันน่ะใช่"
"แต่แกก็เอาขวัญจนท้องนะเว้ย ไม่รักก็ทำได้เหรอวะ?"
"ไอ้หมอพล มึงก็เป็นผู้ชายไหมวะ มีเซ็กซ์ไม่จำเป็นต้องรักก็มีได้ ในเมื่อเขาเป็นเมีย ผัวจะนอนกับเมียทุกวันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือไม่จริง?"
"ก็จริง แต่คิดแบบแก มันคิดแบบคนเห็นแก่ตัวไปหน่อยไหมตุลย์?"
"ยอมรับว่าฉันเห็นแก่ตัว แต่ฉันจะไม่ยอมหย่ากับขวัญแน่ ๆ"
"งั้นก็อยู่ใช้เวรกรรมที่ทำกับเขาต่อไปนะเพื่อน ฉันเอาใจช่วย ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้อีกแล้วว่ะ" ฝ่ามือหนาของนายแพทย์หนุ่มตบลงบนบ่าแข็งแรงของเพื่อนรักอย่างให้กำลังใจ ถึงอย่างไรตัวเองก็เป็นคนนอกที่ไม่อยากพาตัวเข้าไปยุ่งกับเรื่องภายในครอบครัวของเพื่อนรัก ขออยู่ห่าง ๆ อย่างห่วงใยจะดีกว่า