ตอนที่1 เราเลิกกันเถอะ
การแต่งงานกับผู้ชายที่รักมักจะนำมาซึ่งความสุขไร้ความทุกข์ใจในชีวิต แต่ผิดกับชีวิตของ "ขวัญจิรา" ในตอนนี้ยิ่งนัก ชีวิตที่เคยมีแต่ความสุขสงบ ชีวิตที่เคยใฝ่ฝันว่าอยากมีลูกเข้ามาเติมเต็มชีวิตคู่ของการแต่งงาน แต่พอมาวันนี้สามีที่เธอรักมากกลับเดินเข้ามาหา พร้อมกับคำพูดที่เสียดแทงหัวใจดวงน้อยให้เจ็บปวดเจียนตายยิ่งนัก
"พี่ว่าเราไปต่อกันไม่ได้แล้วล่ะขวัญ"
คำพูดที่ดูเย็นชาของ "ตุลาการ" ทำให้แข้งขาของขวัญจิราอ่อนล้าแทบยืนต่อไม่ไหว เขากำลังบอกเลิกกันอยู่ใช่ไหม หรือว่าเธอกำลังหูฝาด มันไม่จริงหรอกใช่หรือเปล่า?
"ทำไมเหรอคะพี่ตุลย์ ขวัญทำอะไรผิดงั้นเหรอ?" เสียงสั่นเครือถามกลับ ทั้งที่ตัวชาวาบจนไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
"ขวัญไม่ได้ทำอะไรผิด พี่แค่ไม่ได้รู้สึกที่อยากจะอยู่ร่วมบ้านกับขวัญอีกต่อไปแล้ว"
"พี่ตุลย์กำลังจะบอกว่าพี่ไม่เคยรักขวัญ ไม่เคยอยากอยู่ร่วมบ้านกับขวัญ พี่ก็พูดออกมาตามตรงสิคะ ขวัญรับได้ ขวัญรับมันได้ ฮืออออ ฮือออ" เสียงร้องไห้ปล่อยโฮออกมา สร้างความลำบากใจให้กับสามีอยู่ไม่น้อย เขาไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ แต่ความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่มันไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ
"พี่ขอโทษนะขวัญ เรื่องของเรามันเป็นเพราะผู้ใหญ่ต้องการให้มันเกิด ในเมื่อวันนี้ขวัญเองก็ไม่มีพ่อแม่อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว พี่เองก็ไม่เหลือพ่อแม่อยู่ในชีวิตอีกต่อไปแล้ว เราก็คงไม่ต้องแต่งงานกันอย่างฝืนทนอีก จริงไหม?" 'ฝืนทนหรือทนอยู่' เห็นจะมีแค่ตุลาการเท่านั้นที่จะรู้สึกแบบนั้น ผิดกับอีกคนยิ่งนักเธออยู่กับเขาเพราะคำว่ารักมากเพียงคำเดียว แม้จะรู้ตัวเองดีว่าที่ผ่านมาแทบไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิตของสามีเลยก็ตาม เธอก็ได้แต่แแอบหวังเสมอว่าความดีที่ทำให้ ความผูกพันที่มีร่วมกันมาตลอดสามปี จะทำให้สามียอมเห็นคุณค่าในตัวของภรรยาอย่างเธอบ้าง ดูเหมือนเหมือนว่าเธอคิดผิดมหันต์ มันเป็นเพียงแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของเธอเพียงแค่คนเดียว
"พี่ตุลย์มีทางเลือกใหม่งั้นเหรอคะ?" เลือกถามออกมาแบบนี้ เพราะเธอก็สงสัยความสัมพันธ์ของสามีกับเพื่อนร่วมงาน ที่เขามักไปติดต่อธุรกิจด้วยกันบ่อยครั้งจนสนิทสนมมากผิดปกติ แถมบางครั้งเสื้อผ้าเขายังมีรอยลิปสติกเปอะเปื้อนกลับมาด้วย เหมือนว่าอีกคนจงใจอยากฝากกลับมาให้คนที่บ้านได้เห็นเป็นบุญตา
"มันไม่ได้เกี่ยวกับใครทั้งนั้นแหละขวัญ พี่แค่ไม่อยากทนอยู่กับคนที่พี่ไม่ได้รัก พอใจหรือยัง?"
ยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงกลางใจ ยิ่งกว่ามีดเล่มใหญ่ที่กรีดแทงเสียบในอกจนลึกลงสุดขั้ว ไม่มีอะไรที่มันชัดเจนกว่านี้อีกแล้ว ในเมื่อเขา "ไม่ได้รัก" เธอก็ควรจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระสักทีสิใช่ไหม แล้วเธอจะทนอยู่กับเขาต่อไปอีกเพื่ออะไรกันขวัญจิรา? น้ำตาพรั่งพรูไหลอาบแก้มเป็นสายอย่างห้ามไม่ได้ ความรู้สึกมากมายตีตื้นขึ้นจุกในอก รู้สึกเหมือนกับว่าหายใจได้ไม่เต็มปอด หูอื้อตาลายขึ้นอย่างมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่ร่างผอมบางจะเป็นลมล้มพับลงตรงหน้าของตุลาการ ทำให้เขาต้องรีบเข้าไปประคองภรรยาเอาไว้ในอ้อมแขน
โรงพยาบาล....
ประตูห้องฉุกเฉินที่ถูกเปิดออก แพทย์หญิงเจ้าของไข้ก็เดินออกมาหาญาติที่นั่งรออยู่ข้างนอกห้องอีกครั้ง ตุลาการรีบลุกขึ้นอย่างร้อนอกร้อนใจ นึกเป็นห่วงคนที่นอนไม่ได้สติในห้องนั้นอยู่ไม่น้อย
"คุณเป็นสามีคนไข้เหรอคะ?"
"ครับ ผมเป็นสามีเธอ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ?"
"ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ คนไข้ปลอดภัยดี"
"แล้วเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับหมอ พอดีว่าผมเห็นเขาเป็นลมหงายหลังลงไปเลย"
"ความดันขึ้นสูงเลยทำให้ช็อกหมดสติ มีเรื่องกระทบกระทั่งกันมาหรือเปล่าคะ พอดีว่าหมออยากแนะนำให้คุณช่วยดูแลภรรยาให้มากกว่านี้ด้วยนะคะ เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์ สภาวะความตึงเครียดในชีวิตประจำวันอาจจะไม่ส่งผลดีกับเด็กมากนัก"
'ตั้งครรภ์' เหมือนว่าตุลาการจะหูอื้อตาลายขึ้นมากะทันหัน เขาได้ยินไม่ผิดหรอกใช่ไหมว่าขวัญจิรากำลังท้องลูกของเขาอยู่
"อารมณ์ของคุณแม่จะสวิงมากกว่าปกตินะคะช่วงนี้ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย หรือเป็นลมล้มพับ อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา"
"ภรรยาผมท้องกี่เดือนแล้วครับหมอ?"
"จะเข้าสู่เดือนที่สามแล้วค่ะ ยังไงหมออยากให้คุณพ่อกับคุณแม่ตรวจเช็กร่างกาย และทำการฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด ไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะคะ ถ้าคนไข้ฟื้น คุณก็เข้าไปเยี่ยมได้เลย" ตุลาการยืนตัวแข็งทื่อ ไม่มีแรงจะขยับไปไหน ขวัญจิราท้องแล้วทำไมเขาถึงไม่เคยจะรู้เรื่องนี้เลยสักนิด ขวัญจิรารู้มานานแล้ว หรือว่าเธอเองก็ท้องโดยไม่รู้ตัว?
ขวัญจิราถูกนำพาตัวไปพักฟื้นดูอาการหนึ่งคืน ก่อนที่คุณหมอจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันพรุ่งนี้ ตุลาการที่ยังคงยืนกอดอกจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ในสมองของเขากำลังครุ่นคิดหนักกับเรื่องของอนาคต เขาพึ่งจะขอเลิกกับภรรยา แต่ทว่าตอนนี้เธอกำลังท้องลูกของเขาอยู่ แล้วควรจะทำอย่างไรกับอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้ดี