เวลาผ่านไปไม่กี่สิบนาที ตำรวจก็มาถึงที่ร้านและจัดการเรื่องทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเพราะนายเหมืองเมฆินมีอิทธิพลมากในแถบนี้ เรียกได้ว่า แม้แต่ข้าราชการระดับสูงต่างก็ให้เกียรตินายเหมืองหนุ่มคนนี้
เมฆินกำชับฝากฝังให้เจ้าหน้าที่จัดการมันอย่างเด็ดขาด เอาให้ไม่กล้าไปทำร้ายใครอีก ส่วนเมรินพาพริกแกงขึ้นห้องไปนอน กว่าจะปลอบใจลูกสาวและเกลี้ยกล่อมให้นอนหลับได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน เพราะแกยังตกใจมาก
ผ่านไปพักใหญ่ คนเป็นแม่ทั้งปลอบ มืออีกข้างก็ลูบหลังลูก จนกระทั่งหนูน้อยผล็อยหลับไปเอง เมื่อลูกหลับแล้ว เธอจึงลงมาให้ปากคำเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อย
“แน่ใจหรอว่าจะไม่ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล” เขาเอ่ยถามหญิงสาวอีกครั้งเมื่อตำรวจกลับไปหมดแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ รินทิ้งลูกไปไม่ได้ แล้วไม่อยากหอบแกออกไปไหน แกเจอเรื่องแย่ๆ มาควรได้พักผ่อน”
แม้จะถูกตบที่ใบหน้าจนเห่อแดง แต่ความเจ็บก็ไม่เท่าความเป็นห่วงลูก แผลแค่นี้ เมรินทนได้ มีแต่ใครบางคนที่เห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าเนียนสวยแล้วถึงกับกำมือแน่นจนมันลั่นดังกรอบ!
“คอยดู ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่” เมฆินพูดพร้อมกับมองที่มุมปากของเมริน แค่คิดก็อยากจะฆ่าไอ้เลวนั่นให้สาสมกับที่มันทำร้ายเธอ
‘มันไม่ได้จบแค่สถานีตำรวจหรอก’ ดวงตาคู่คมฉายแววร้ายกาจขึ้นมาแวบหนึ่ง
“ขอบคุณนายเหมืองมากนะคะที่มาช่วยรินกับลูกทันเวลา” ทั้งที่กลับไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้อะไรทำให้นายเหมืองหนุ่มกลับมาอีก เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เมรินนึกอยากขอบคุณที่เขามาช่วยเธอกับลูกได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้น คืนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตจะเป็นยังไง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ แม้แต่เงาของเมฆิน เธอก็ไม่อยากเห็น
เมฆินถอนหายใจพรืดยาว ทอดตามองไปยังใบหน้าสวยหวานอย่างรู้สึกสงสาร
“เฮ้อ แล้วแบบนี้เธอรู้หรือยังว่าเธอไม่สามารถดูแลพริกแกงคนเดียวได้ ถ้าฉันไม่ได้กลับมาจะเกิดอะไรขึ้น” พร้อมกับมองสบตาเธอ หากเขามาไม่ทันคืนนี้ เมรินกับพริกแกงคงตกอยู่ในอันตราย ตนเองก็คงรับไม่ได้เป็นแน่ ยิ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก็ยิ่งย้ำเตือนชายหนุ่มว่า จะไม่มีวันปล่อยให้เมียกับลูกต้องอยู่ดูแลกันเพียงลำพังอีกเป็นอันขาด
“เอ่อ…” เมรินเป็นคนมีเหตุผลจึงยอมรับโดยดุษณี หาคำโต้แย้งเขาไม่ออก
ที่เขาพูดก็ถูก และตนเคยคิดมาตลอดว่าสามารถดูแลพริกแกงเพียงลำพัง ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้แกได้ และก็ทำได้ดีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เห็นว่า เธอไม่สามารถดูแลลูกได้ในทุกเรื่อง
พอนึกถึงภาพที่พริกแกงเกือบถูกมันตบ น้ำตาของคนเป็นแม่ก็คลอหน่วยจนเก็บกลั้นไม่ไหว กลั่นความเสียใจไหลออกมารินรดแก้มนวล เธอมันเป็นแม่ที่ไม่เอาไหน ช่วยเหลือลูกไม่ได้สักอย่าง แม้แต่ตอนที่ลูกอยู่ในอันตราย
“ร้องไห้ทำไมริน” เสียงขรึมถามขึ้นอย่างตระหนกตกใจที่เห็นหญิงสาวร้องไห้ ร่างสูงใหญ่รีบเดินเข้ามาหาเธอ แต่ร่างบางกลับถอยหลังหนีเขาพร้อมกับปาดน้ำตาพยายามทำตัวเป็นปกติ
“รินแค่รู้สึกผิดที่เมื่อครู่เกือบช่วยลูกไม่ได้ รินเป็นแม่ที่แย่มาก...เท่านั้นเองค่ะ”
เมฆินรู้ และมั่นใจว่าเมรินรักลูกมาก และไม่มีใครอยากให้เรื่องเลวร้ายแบบนั้นเกิดขึ้น ต้องขอบคุณในความอยากจะหาทางมานอนค้างกับสองแม่ลูกทำให้เขาต้องหาทางกลับมาอีกครั้ง และเข้ามาช่วยทั้งสองคนทันเวลา
“อย่าโทษตัวเองแบบนั้น เธอทำดีแล้ว แต่มันจะดีกว่านี้ถ้ายอมไปอยู่ที่เหมืองฉัน คราวนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรเธอกับลูกแน่นอน ฉันรับประกัน” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง
เมรินมองร่างสูงด้วยความรู้สึกสับสน คิดไม่ตก ไม่แน่ใจว่าจะเชื่อใจผู้ชายตรงหน้าได้แค่ไหน เขาเองก็ใช่ว่าจะมือใสใจสะอาด แต่ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ความปลอดภัยของลูกคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และหญิงสาวเชื่อว่าเมฆินสามารถปกป้องลูกเธอได้!
“ตกลงค่ะนายเหมือง ฉันจะไปทำงานที่นั่น ในฐานะแม่ครัวของนายเหมือง”
เขาพยักหน้ารับรู้ขณะมองแววตาเรียบเฉยของคนตัวเล็ก “ฉันชอบที่เธอมีเหตุผล รักและห่วงลูกมากกว่าตัวเอง”
แม้ว่าจะมีอคติกับเขา แต่เมรินก็มีเหตุและผลมากพอ คืนนี้หากไม่ได้เขาช่วยไว้ ไม่รู้ชีวิตเธอจะเป็นยังไงบ้าง
“ขอบคุณนะคะนายเหมืองที่มาช่วยฉันกับลูกไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้น ป่านนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง”
ชายหนุ่มพยักหน้าสบตาคู่สวยของเมรินที่มันดูเศร้าไปสักหน่อย หลายปีมานี้ เธอที่ทำหน้าที่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกเพียงลำพังคงจะลำบากไม่น้อย และเขายังอยากอยู่ที่ร้านจึงแสร้งกระแอมกระไอ แล้วบ่นว่า
“ฉันคอแห้งเอามากๆ สงสัยจะใช้พลังงานกระทืบกับด่าไอ้ชั่วนั่นมากไปหน่อย”
เมรินมองใบหน้าคม เห็นเพียงสีหน้าที่เรียบเฉยอย่างเป็นปกติของเขา เธอซึ่งเป็นเจ้าบ้านจำเป็นต้องเอ่ยปากอย่างมีน้ำใจ และสำนึกในบุญคุณช่วยเหลือ
“คุงแม่ขา คุงอา...” เด็กหญิงตัวน้อยก้าวเดินลงบันไดมาพลางสีตามองมารดากับ ‘คุงอา’ ที่จัดการคนเลวจนหมอบ แล้วคลี่ยิ้มให้ เวลานี้หนูน้อยมองเขาเป็นเหมือนฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรมก็ไม่ปาน
“พริกแกง ลงมาทำไมลูก เมื่อกี้หนูหลับไปแล้วนี่คะ” คนเป็นแม่ถลาไปหาลูกสาวตัวอวบทันที
“พริกแกงปวดชิ้งฉ่องค่า คุงแม่” เด็กน้อยทำหน้านิ่วเล็กๆ และอาการไร้เดียงสานั้นก็เรียกรอยยิ้มจากนายเหมืองหนุ่มได้แทบจะทันที
“โถ...ลูก งั้นแม่พาไปนะคะ มาค่ะ”
เมรินลืมไปเสียสนิทว่าก่อนนอนไมได้พาลูกเข้าห้องน้ำอย่างเคยจึงรีบพาพริกแกงเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่เยื้องกับบันไดเล็กน้อย ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยก็กดชักโครก แล้วพาแม่หนูออกมา “งั้น นายเหมืองนั่งพักก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาน้ำมาให้”
“อื้อ” เมฆินไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว เขาหาจังหวะจะได้พูดคุยกับพริกแกงอย่างสนิทสนม
“คิกๆ ถ้าพริกแกงโตขึ้น คุงอาสอนท่านั้นให้พริกแกงด้วยนะคะ พริกแกงจะเอาไปจัดการคนชั่วให้หมดเลย”
“อ๋อ ได้สิ แม่นางฟ้าตัวน้อย”
แค่เมรินหายไปในครัวแล้วออกมาพร้อมน้ำภาพที่เธอเห็นก็คือเมฆินกับพริกแกงคุยหยอกล้อราวกับสนิทสนมกันจนคนเป็นแม่อดหมั่นไส้ไม่ได้ และนี่มันก็ดึกมากแล้ว เขาไม่ยอมกลับไปเสียที จริงด้วยสิ เธอยังไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงมาโผล่ที่ร้านแล้วก็ช่วยจัดการคนร้ายทั้งที่กลับไปนานแล้ว
เมรินไม่อยากจะเก็บความสงสัยนั้นไว้ หลังจากวางแก้วน้ำและเชิญให้เขาดื่มตามมารยาทจะถามไถ่ให้หายสงสัย และกลับเป็นแม่หนูช่างเจรจาหยิบยกไปเสิร์ฟให้แขกทันควัน
“คุงอาขาทานน้ำเย็นเจี๊ยบเลยค่ะ”
ชายหนุ่มรับแก้วน้ำจากมืออวบๆ ของลูกสาวยกขึ้นดื่ม แล้วยิ้มให้พริกแกง “เย็นจริงด้วย หวานเจี๊ยบ ชื่นใจหายเหนื่อยเลยครับ”
เมรินถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ที่เห็นลูกสาวเอาอกเอาใจพ่อของแกอย่างออกหน้าออกตา ก่อนถามออกไปด้วยความสงสัย
“ว่าแต่นายเหมืองทำไมถึงย้อนกลับมาที่นี่และช่วยพวกเราทันเวลาคะ”