“นี่ครับพี่หญิง ผมขอตัวไปพักก่อนนะครับขับรถมาไกลเหนื่อย”
เขายื่นกล่องหนังให้แล้วหุนหันขึ้นชั้นบนไปทันที สวนกับสองคนใช้เก่าแก่ก็ไม่มีกระจิดกะใจจะทักทายเช่นเคย แม้จะไม่ได้เหนื่อยปานใจจะขาดนัก แต่ก็เกรงกลัวว่าพี่จะเอ่ยถึงน้องขึ้นมา ซึ่งเขาไม่อาจจะเสแสร้งว่าไม่รู้ได้แน่นอนในตอนนี้
“จะรีบไปไหนของเขานักนะ ดูสิ! จะถามว่ามื้อเย็นจะกินอะไรก็ไม่ทันแล้วล่ะปรุง”
“คงจะเหนื่อยมั้งคะคุณหญิง อย่าเพิ่งสนใจเรื่องอื่นอยู่เลยค่ะ ปรุงว่ารีบเอาสร้อยไปไว้ในเซฟก่อนดีกว่า ตอนนี้ท่านหญิงกำลังหลับ ตื่นขึ้นมาเห็นเข้าจะยุ่งกันใหญ่นะคะ”
กัญญ์รวีรีบทำตามคำของข้าเก่าเต่าเลี้ยงอย่างรวดเร็ว โดยมีมะลิเดินตามขึ้นไปด้วย ส่วนปรุงแยกเข้าไปหางานครัวตามปกติเพื่อตระเตรียมมื้อเย็นให้เจ้านายที่อยู่ร่วมชายคากันมา มากกว่าสี่สิบปีแล้ว
“ผมคิดว่าคุณควรจะลุกไปอาบน้ำได้แล้วนะคุณหญิง ไปล้างอะไรที่มันคาวๆ ในตัวออกก่อนซี้ ผมถึงจะมีอารมณ์เติมเข้าไปให้ใหม่ เพราะผมไม่นิยมเสพสมกับของหมักหมมนานๆ หรอกนะ”
นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ปรารถนาจะพานพบเขา เพราะมักจะมีน้ำคำเหยียดหยามมากรอกเข้าหูให้เกลียดเขาเพิ่มขึ้นไปอีกหลายร้อยเท่าจากที่มี ไม่รู้และไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ทำเหมือนเกลียดชังคน ‘รัตนนาวี’ นัก ใครไปทำอะไรให้เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ นอกจากไม่มีเงินก้อนใหญ่มาไถ่ถอนที่เท่านั้น
“ลุกได้แล้วคุณหญิง”
“โอ๊ย!!! ปล่อยนะฉันเจ็บ!!! บอกให้ปล่อย!!!”
มือบางต้องรีบตะครุบผ้าห่มไว้ เมื่อเขาตรงเข้ามาลากแขนอีกข้างให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเจ็บร้าวไปทั้งแขน ป้าอวบอ้วนที่ตามเจ้านายหนุ่มมาก็ทำตาโต เมื่ออกขาวราวหิมะโผล่พ้นผ้าออกมา
“ผมบอกให้ลุกไปอาบน้ำไง คุณไม่ได้ยินเหรอ รู้หรือเปล่าว่านี่กี่โมงกี่ยามแล้ว ถ้าไม่ลุกเองผมจะลากคุณไปแล้วอาบให้เลยนะ เลือกเอา!” เขากระชากแขนเล็กจนเกือบถลาตกจากเตียง จนร้องเสียงหลงออกมา
“ว๊าย!!!”
ผินรีบถลาเข้าไปช่วย เมื่อเห็นเจ้านายเริ่มใช้ความรุนแรงกับร่างเล็กๆ ที่น่าสงสารมาตั้งแต่เมื่อวานมาแล้ว
“คุณเนย์คะ ให้ป้าช่วยคุณเค้าดีกว่าค่ะ คุณเนย์ออกไปรอข้างนอกนะคะ เดี๋ยวป้าจะพาออกไปเองค่ะ”
“ผมให้เวลาแค่สิบนาทีเท่านั้น กลับมาถ้าไม่เรียบร้อยผมจะจัดการด้วยวิธีของผมเอง”
สิงหรัฐหุนหันออกจากห้องไป ยังความโล่งใจให้ทั้งผินและสาวสูงศักดิ์ไม่น้อย
“คุณคะ ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะนะคะ ป้าจะได้เปลี่ยนผ้าปูเตียงใหม่ จัดห้องใหม่ ป้าเอากระเป๋าที่พี่คุณฝากไว้ให้มาด้วย นะคะ อย่าทำให้คุณเนย์โกรธเลย แกดุยังกับกระทิง นะคะเชื่อป้า มาค่ะป้าจะพาไปส่ง”
กัญญาวีร์ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ปิดบัง เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันอ่อนโยนของคนที่ตัวเองไม่รู้จัก พลันก็คิดถึงแม่คิดถึงพี่สาว และคิดถึงคนรับใช้ทั้งสองที่แต่ละวันจะสื่อสารกันด้วยภาษาดอกไม้ ไม่ใช่ภาษาหิน ภาษาดิบเถื่อนเหมือนกับเขา
“ใส่นี่ก่อนค่ะ”
ผินยื่นเสื้อคลุมตัวเดิมให้เมื่อรู้ว่าหญิงสาวอาย
“มาค่ะค่อยๆ เดิน ป้าไปส่งให้”
แล้วพยุงร่างที่ไร้เรี่ยวแรงไปห้องน้ำ ถึงได้รีบออกมาจัดแจงเตียงนอนที่ยับยู่ยี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คราบแดงเปรอะเปื้อนบนผ้าขาว ยิ่งเพิ่มความสงสารในใจผินที่มีให้สาวที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเป็นใครมาจากไหน และไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงได้ทำร้ายขนาดนี้
ส่วนสาวสูงศักดิ์ผู้น่าสงสาร ก็ได้แต่นั่งขดตัวอยู่ข้างอ่างน้ำที่กำลังไหลจากก๊อกลงไปอย่างเชื่องช้า เมื่อปรารถนาอยากจะชำระล้างคาวราคีออกไปให้หมดจากตัว กายอ่อนแรงค่อยๆ ก้าวลงไปอยู่ใต้น้ำที่มีฟองฟูเต็มแล้วนอนแช่อยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
ไม่สนใจว่าเวลาจะผ่านไปสักกี่มากน้อยแล้ว รู้แต่ว่าอยากจะแช่อยู่อย่างนี้ จึงปล่อยให้ร่างกายไหลลงไปใต้น้ำ กลั้นหายใจเอาไว้แล้วครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะโผล่ขึ้นมาอีกดีหรือไม่ แม้คำตอบคืออยากตายให้รู้แล้วรู้รอด
แต่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อการจากไปจะทำให้แม่เสียใจจนอาจจะช็อกแล้วตายตามลูกไปอีกคนก็เป็นได้ พี่สาวที่ไร้ครอบครัวจะมีชีวิตอยู่ยังไงเมื่อขาดน้องขาดแม่ พี่ชายจะหลุดพ้นจากผีพนันที่ตามหลอกหลอนได้หรือไม่
จะดูแลพี่คนเดียวให้อยู่สุขสบายได้มากน้อยแค่ไหน สองคนรับใช้หญิงกับอีกหนึ่งชายที่แก่หงำเหงือกไร้ที่ไปแต่เต็มเปี่ยมด้วยความซื่อสัตย์ต่อเจ้านายมาตั้งแต่เสด็จปู่เสด็จย่าจะถูกทอดทิ้งให้ไปอยู่ที่ไหน เพราะต่างก็ไม่มีใครมีครอบครัวเลย
ตอนที่ 4
“คุณคะ!!! คุณๆ ๆ ได้ยินป้าหรือเปล่าคะ ทำอะไรอยู่คะ!!! คุณๆ ๆ”
‘เฮือก!!!’
กายที่จมอยู่ใต้น้ำผุดลุกขึ้น เมื่อเสียงคนและเสียงเคาะประตูดังเข้ากระทบหูหลายครั้งอย่างร้อนรน จนต้องลุกขึ้นล้างเนื้อตัว แล้วก้าวออกไปเปิดประตูอย่างเชื่องช้า
“เฮ้อ!!! ออกมาแล้วโล่งอกไปที ป้านึกว่าหลับในห้องน้ำซะอีก มาค่ะป้าช่วยเช็ดผมให้ จะได้รีบแต่งตัว คุณเนย์รอกินมื้อเย็นอยู่ข้างนอกแน่ะค่ะ”
‘คิดว่าจะฆ่าตัวตายไปซะแล้ว’
แม้ผินอยากจะบอกคำนี้แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่รีบหาผ้าขนหนูมาแล้วจูงร่างอรชรที่ดูจะอ่อนแรงไปนั่งหน้าตู้เครื่องแป้ง จัดแจงช่วยซับน้ำออกจากผมดกดำขลับนุ่มลื่นยาวสลวยไปจนกลางหลังให้ ใช้หวีค่อยๆ สางอย่างแผ่วเบา ทำเอาเจ้าของผมคิดถึงป้ามะลิขึ้นมาทันที และน้ำตาก็ไหลรินออกมาทันทีเช่นกัน
“อุ๊ย! ร้องไห้ทำไมคุณ! หรือว่าป้าหวีผมแรงไป! ป้าขอโทษนะคะ!”
“เปล่าค่ะ”
เพราะเห็นท่าที่รู้สึกผิดของป้าอวบอ้วน จนสงสารขึ้นมาจับใจเลยยอมเปิดปากออกไป สีหน้าของคนที่ถูกมองผ่านกระจกหน้าตู้จึงดีขึ้นหน่อยกว่าเมื่อครู่หน่อย