‘เพื่ออะไร!’
ในเมื่อภาระค่าใช้จ่ายในบ้านมีมากมาย รายได้เพียงแค่แปดหมื่นเท่านั้น สำหรับสี่สมาชิกในบ้าน สองคนรับใช้สาวใหญ่ กับอีกหนึ่งคนสวนที่อายุปาเข้าเจ็ดสิบและทำงานได้ไม่เต็มที่แล้ว แต่ก็ต้องเลี้ยงไว้ เมื่อ ‘ลุงแหวง’ อยู่รับใช้มาตั้งแต่สมัยเจ้าคุณปู่
และเป็นคนเก่าแก่ที่จงรักภักดี ไม่หนีหายไปไหน ไม่แต่งการแต่งงานกับหญิงใด จึงเป็นหน้าที่ลูกหลานเจ้านายที่จะต้องรับผิดชอบ เพื่อตอบแทนน้ำใจที่ข้าเก่าเต่าเลี้ยงมีให้จวบจนวันสิ้นใจ
แม้ค่าหยูกยาประจำเดือนของแม่จะเบิกได้เกือบหมดจากสวัสดิการราชการทหารของพี่ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เวลาแม่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลก็มีจุกจิกหลายอย่างอีก
“อาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะคุณ”
ป้าอวบอ้วนเดินเข้ามาบอกพอดีกับแต่งตัวเสร็จ เลยเดินตามออกไปโต๊ะที่ตรงระเบียง มองเห็นวิวสวยงามน่าชื่นใจ แต่ที่ทำให้ห่อเหี่ยวจิตใจก็เห็นจะเป็นผู้ชายที่หาความสุขกับเรือนร่างของตัวเองแทบทั้งคืนกำลังเดินขึ้นบันไดมา พร้อมกระดาษหนึ่งใบ
“โจ๊ก ปาท่องโก๋ มีไข่ลวกให้ด้วยเหรอครับป้า หลายใบเลย”
เขาแกล้งทวนเมนูบนโต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ ขณะปรายตาไปหาอีกคน ที่ไม่เข้าใจในความหมายโดยนัยของเขาสักนิด เพราะโลกของหม่อมราชวงศ์กัญญาวีร์ รัตนนาวีมีแค่คนในบ้านที่พูดกันด้วยภาษาดอกไม้
กับเพื่อนสาวในมหาวิทยาลัยแค่ไม่กี่คน ที่ต่างก็เป็นผู้หญิงล้วนและเด็กเรียนด้วยกันทั้งนั้น การจะได้เรียนรู้หรือพูดคุยด้วยเรื่องหยาบโลน สองแง่สามง่ามดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้น้อยเต็มที
“ค่ะ ไก่ออกไข่เยอะเลยเช้านี้”
แต่สุดท้ายก็ยิ้มให้แม่บ้านที่ยิ้มให้เขาเช่นกันก่อนจะผละออกไปเมื่อหมดหน้าที่
“สงสัยป้าผินจะรู้ว่าพวกเราใช้แรงเยอะเมื่อคืนนี้ เลยลวกไข่มาเรียกพลังกลับให้หลายใบเชียว”
นั่นล่ะกัญญาวีร์ถึงได้เข้าใจความหมายและอยากจะลุกหนีเสียเดี๋ยวนั้น จะได้ไม่เห็นหน้ายียวนที่แฝงแววเย้ยหยันเอาไว้ด้วยอย่างไม่ต้องจ้องนาน แต่ก็นั่งนิ่งๆ ปรุงโจ๊กที่ตัวเองไม่อยากจะกินด้วยซ้ำ
“นี่เป็นตารางทำงานของคุณทั้งสองอาทิตย์ คงไม่คิดว่าผมจะเลี้ยงคุณเอาไว้ใช้งานแค่เรื่องบนเตียงหรอกนะ เพราะถ้าคุณคิดก็ผิดถนัด ในเมื่อคุณทำหน้าที่นางบำเรอแบบแข็งๆ ทื่อๆ ไร้ชีวิตชีวา คุณก็ต้องทำอย่างอื่นชดเชยให้ผมแล้วล่ะ ในระหว่างที่ผมจะใช้เวลาเสี้ยมให้คุณโปรขึ้น เผื่อจะบริการผม...”
“หยาบคาย!!!”
แต่ในที่สุดความอดกลั้นก็ขาดผึงลง เพราะทนฟังไม่ได้ จึงสวนกลับทันควันแล้วลุกพรวดพราดออกไปทันที สิงหรัฐยิ้มตามหลังอย่างสาสมใจที่ยั่วให้เจ้าหล่อนโกรธได้แต่เช้า และแทนการนั่งกินอย่างที่ควรจะเป็น เขากลับลุกพรวดพราดแล้วตามอีกร่างที่ตรงไปยังห้องนอนทันที
“ออกไปจากห้องฉันนะ!!!”
กัญญาวีร์พยายามจะปิดประตูลั่นดานกันเขาไว้ แต่มีหรือที่จะสู้แรงชายได้ เขาจึงเข้าไปอยู่ในห้องอย่างง่ายดายและรวบอีกคนไว้ได้อย่างง่ายดายไม่แพ้กัน
“ผมจะอยู่ที่ไหนก็ได้ในบ้านนี้ รวมทั้งในห้องและเตียงนี้โดยมีคุณอยู่ข้างล่างและนอนแข็งๆ ทื่อๆ ให้ผมเอ...”
‘เผียะ’
อีกครั้งที่ต้องฟาดมือลงไปตำแหน่งเดิม เมื่อทนฟังน้ำคำไม่ได้ “ทำไมคุณต้องหยาบคายอย่างนี้ด้วย คุณไม่รู้จักคำว่ามารยาทเลยหรือยังไง” ดวงตาคมดุจ้องมองไปยังใบหน้าขาวซีดที่เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเขาเลย
“ถ้าการนอนด้วยกันเป็นเรื่องหยาบคาย งั้นเราก็มาหยาบคายรับอรุณกันหน่อยดีมั้ยล่ะ” แล้วเขาก็ฉกลงไปหาริมฝีปากสีกุหลาบอย่างรวดเร็ว
“อย่านะ!!! ออกไป!!!”
แต่ถูกสองมือบางดันคางเอาไว้ก่อน “ผมเคยบอกคุณแล้วไงว่าถ้าคุณตบผม ด่าผม ขัดขืนคำสั่งผม หรือคิดจะหนี คุณจะต้องชดใช้ด้วยสิ่งนี้”
“ไม่นะ!!! ปล่อ...อื้ห์มมมม”
แผ่นหลังบางถูกเขาดันไปจนกระทบผนังห้อง แล้วบดเบียดอกกว้างไปหาร่างอรชร ขณะครอบครองเรียวกระจับอย่างยากจะหักห้ามใจได้ ทั้งที่ตั้งใจจะแค่เข้ามาแกล้งยั่วยุให้สาวสูงศักดิ์อารมณ์ขุ่นเล่นๆ แล้วจะออกไปกินมื้อเช้าเท่านั้น
แต่ตอนนี้กลับอยากกินอย่างอื่นที่ให้ความสุข ให้ความกระชุ่มกระชวยมากกว่า โดยไม่สนว่าประตูจะแง้มอยู่ โอกาสที่ป้าผินจะขึ้นมาได้ยินหรือพบเห็นกิจกรรมยามเช้ามีมากเกินล้านเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาไม่สนอะไรมากไปกว่าร่างที่อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนแล้ว
เสื้อเชิ้ตพอดีตัวลายสกอตโทนสีเหลืองอ่อน ถูกเขาปลดกระดุมแล้วดึงออกจากไหล่ระหงอย่างรวดเร็ว บราเซียร์ก็ตามติดไปไม่ห่างเพื่อให้ฝ่ามืออุ่นกอบกุมอกนุ่มนิ่มได้ถนัด ก่อนจะลดกายลงไปครอบครองด้วยอุ้งปากอย่างหิวกระหาย
ตะขอกางเกงยีนก็ถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว แม้ปากกับอีกมือจะยังคงวุ่นวายอยู่กับกายส่วนบนอันขาวโพลนก็ตาม และแม้เจ้าของอกจะพยายามสกัดกั้นความต้องการทางกายสักแค่ไหน แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะพบกับความสำเร็จ
รวมครั้งนี้ด้วยที่กำลังจะพ่ายแพ้แก่มันจนขาแข็งแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงหยัดยืน สองแขนเลยต้องยกขึ้นเกาะกุมไหล่หนาของเขาไว้เพื่อไม่ให้ล้มหรือทรุดฮวบลงกับพื้นได้ สิงหรัฐพึงพอใจกับปฏิกิริยาตอบโต้ของหญิงสาวไม่น้อย
เขาย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วช้อนกายเบาหวิวพาเดินตรงไปหาเตียง โดยมีเจ้าของกายกำลังหลับตาปี๋เพื่อหนีอายแนบแก้มไว้กับอก แม้จะพาไปวางไว้บนเตียงดวงตาคู่สวยก็ไม่ยอมเปิดขึ้น เขาจึงแอบยิ้มอย่างขบขัน ที่ผ่านอะไรด้วยกันมาหลายครั้งแล้วเจ้าหล่อนก็ยังไม่หายกระดาก
กัญญาวีร์ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเขาเดินห่างเตียงไป ความอายโหมกระหน่ำซ้ำเติมในคราวเดียวกัน จนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เมื่อพบว่าตัวเองเกือบจะเปลือยไปทั้งร่าง จนต้องรีบควานหาผ้าห่มมาหุ้มกายไว้ แล้วพลิกเป็นนอนตะแคงหันหลังให้ประตู