“ถูกผมเอาไม่กี่ครั้งคุณจะเปลี่ยนจากเกลียดเป็นรักผมแทน ไม่เชื่อค่อยดูสิ”
“ไม่มีทาง!!! ไม่มีวัน!!! และไม่มี...”
เขาไม่คิดจะเชื่อและไม่อยากฟังแต่อยากจูบปากอิ่มมากกว่า และแม้เจ้าของปากจะเบี่ยงหลบซ้ายขวา แต่ก็ไม่อาจจะพ้นจากการก้มลงไปครอบครองเขาได้
“อื้ห์มมมมม”
ชุดนอนผ้าซาตินสีฟ้าราคาร้อยเก้าสิบเก้า ถูกเขาเลื่อนมือลงมาปลดกระดุมออกอย่างคล่องแคล่วว่องไว ไวจนเจ้าของชุดไม่รู้ว่าหลุดออกจากกายไปตอนไหน หลงเหลือไว้แต่ชุดชั้นในสีขาวห่อหุ้มสิ่งซ่อนเร้นเอาไว้ และไม่กี่วินาทีต่อมาทั้งสองชิ้น ก็ถูกปลดระวางด้วยมือเขาแล้ว
ดวงตาคมยังคงจ้องมองกายเปลือยด้วยความหิวกระหายไม่เปลี่ยนแปลง ขณะปลดเปลื้องชุดนอนของตัวเองออก เขาอดยิ้มน้อยๆ ออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นอีกคนนอนหลับตาพริ้มเพื่อหนีอายอย่างเคย ก่อนจะทาบกายเปลือยลงไปทับอีกกายที่มีสภาพพอกัน แล้วมอบจุมพิตอันดูดดื่มให้
และเป็นสุขใจอย่างที่สุด เมื่อได้ครอบครองร่างนุ่มนิ่มอบอุ่นโดยไม่ต้องออกแรงปลุกปล้ำมากเหมือนครั้งก่อนๆ แล้ว ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากงานแทบมลายหายสิ้น เมื่อได้ปลดปล่อยความหิวกระหายที่ต้องควบคุมไว้ตั้งแต่บ่ายแล้ว อดแปลกใจตัวเองไม่น้อยที่เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนมากมายนัก
เจ้าของกายขาวราวหิมะต้องสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง เมื่อถูกเขารุกรานด้วยปลายลิ้นอุ่นอย่างคล่องแคล่ว ประหนึ่งได้ฝึกฝนอยู่เป็นเนืองนิตย์ แม้จะอายเหลือกำลังกับสายตาอันเป็นประกายและรอยยิ้มอย่างพึงพอใจของเขาที่ส่งให้ หลังจากลิ้มลองความหอมหวานจากเกสรนุ่มแล้ว
ก่อนจะก้มลงไปสำรวจโดยรอบ แล้วลิ้มลองอีกวาระ นั่นทำให้เจ้าของเกสรสะดุ้งอีกวาระเช่นกัน ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ารสเสน่หาจะให้ความรู้สึกหวานและซ่านทรวงอย่างนี้ และแม้จะเกลียดกายที่อิงแอบอยู่มากมาย แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธแรงกระตุ้นเตือนให้ตอบสนองเขาได้เลย
“อื้ห์มมม”
ให้อับอายเหลือกำลังที่ไม่อาจหักห้ามเสียงเอาไว้ได้ เมื่อเขาพากายผายตึงเข้าเยี่ยมเยือนอย่างเชื่องช้าจนแนบชิด แผงอกกว้างก็แทบจะแนบชิดกับอกอวบนุ่ม เมื่อเขาปรารถนาจะแนบริมฝีปากอุ่นลงไปหาอีกปาก เพื่อลิ้มลองรสชาติหอมหวานอย่างดูดดื่ม
ฝ่ามืออุ่นสอดไปใต้ต้นคอระหงเพื่อประคองใบหน้าเรียวรูปเพชรให้มองมาหาใบหน้าหล่อของเขา ได้ก้มจูบอย่างถนัดถนี่ขึ้น ควบคู่กับความพากายเยี่ยมเยือนอย่างอ่อนโยน หวานล้ำ
เปลวไฟสีทองลุกเรืองรองทั้งสองดวงใจ แม้อีกใจจะไม่ได้ปรารถนาสิ่งนี้แต่แรกเริ่ม แต่ก็ไม่อาจจะหลบลี้หนีหน้าอารมณ์เร้นลับที่เสมือนหนอนบ่อนไส้ ซุกซ่อนอยู่ภายในกาย คอยกระตุ้นเตือนให้โบกสะบัดธงสีขาวให้เขาได้รับรู้ว่ากำลังจะพ่ายแพ้อยู่เนืองๆ
กัญญาวีร์ไม่อาจบังคับกายให้หายสะท้านจากการจู่โจมของเขาได้ ดวงตาปิดสนิทอยู่กลับเบิกโพลงขึ้น เมื่อไออุ่นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มของเขาโอบคลุมเอาไว้ กลิ่นกายชายที่ชีวิตนี้ไม่เคยพานพบลอยละลิ่วไปกระทบจมูกโด่งแต่พองามอย่างจัง เสมือนมีอำนาจสั่งการให้สองมือบาง ยกขึ้นเกาะเกี่ยวลำแขนแข็งแรงของเขาที่ค้ำกายบึกบึนเอาไว้
สิงหรัฐพึงพอใจจนเผลอครวญครางออกมา เมื่อเจ้าของกายขาวผุดผาดเริ่มตอบสนองขึ้นมาบ้าง รางวัลของการกระทำนี้จึงถูกเขาตอบแทนด้วยการพุ่งเข้าหาอย่างเร็วรี่เป็นครั้งแรก กัญญาวีร์ต้องเพิ่มแรงเกาะเกี่ยวกับต้นแขนเขาไว้ให้แน่นขึ้น
เมื่อกายสาวกระตุกวาบ ขาแข้งเครียดขึงไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ขณะเดียวกันก็รู้สึกเบาโหวงไปทั้งตัว แต่หัวใจกลับเต้นแรงรัวเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน หรืออาจจะเคยแต่หญิงสาวไม่ได้เฝ้าจดจำกับห้วงเวลาอันน่าอับอายเหล่านี้นัก
“คุณหญิง! รู้มั้ยว่าคุณกำลังทำให้ผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว”
สิงหรัฐพึมพำเสียงทุ้มลุ่มลึกอยู่ในลำคอ เมื่อพึงพอใจกับผลตอบรับที่ได้จากกายสาวขาวบริสุทธิ์ ที่ส่งกระแสความสุขไปให้ทั่วทุกอณูขุมขน พลอยทำให้กายหนุ่มซ่านซ่าเครียดขึงจนต้องเร่งรีบหาหนทางระบายออกไปให้หมดสิ้น
ดวงตาคู่สวยหลบหลีกสายตาคู่คมของเขาที่จับจ้องมองมา ขณะกายาก็โถมถาเพื่อมอบความสุขให้ ในใจก็เฝ้าอ่านภาษากายจากอีกกาย เมื่อมีความซ่านทรวงแล่นมากระหน่ำไปทั่วร่าง จนกายสาวกระตุกเต้นสลับสั่นระริกครั้งแล้วครั้งเล่ากับการรุกเร้ารุนแรง
“อื้ม”
เสียงคำรามในลำคอเจ้าของกายกำยำ เพื่อเรียกพละกำลังเข้าตัว เมื่อรับรู้ว่าจุดหมายปลายทางกำลังจะได้รับการค้นพบแล้ว แรงปะทะไปหาอีกกายจึงเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ เพื่อหมายจะโอบอุ้มเอาอีกกายตามติดไปด้วย
กัญญาวีร์ต้องเพิ่มแรงเกาะกุมแขนเขาไว้ให้แนบแน่นขึ้น อาการหายใจไม่ทั่วท้องเกิดขึ้นในวินาทีนั้น ผิวกายลุกฮืออย่างร้อนรุ่มไปทั่วทุกสรรพางค์ก็ว่าได้ มันปวดร้าวไปทั่วอก ปลายยอดตึงเต่งจนเจ็บแปลบปลาบ เมื่อความเร่าร้อนพุ่งวาบเข้าหาอย่างจัง จากการปะทะอย่างรุนแรงของเขาในครั้งสุดท้าย ก่อนจะฝังกายอันแน่นิ่งไว้เนิ่นนาน
เสียงวิหคเจื้อยแจ้วอยู่ตรงระเบียง เสมือนนาฬิกาปลุกให้เจ้าของร่างเปลือยเปล่า ที่หลับใหลอยู่ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างเชื่องช้า อดโล่งใจไม่ได้ที่ข้างกายไม่มีเขาอยู่ให้รกหูรกตาแล้ว และไม่รู้ว่าหายไปไหนตั้งแต่เช้า
‘หกโมง’
ความจริงไม่เรียกว่าเช้า และนี่ไม่ใช่เวลาตื่นของสาวสูงศักดิ์ แต่เป็นเวลาที่กำลังแต่งตัวเพื่อรีบลงไปกินมื้อเช้า แล้วโหนรถเมล์ไปเรียนต่างหาก โชคดีที่ตอนนี้เรียนจบแล้ว แม้จะยังไร้ใบปริญญาแต่ก็แค่รอเวลารับเท่านั้น
อดคิดถึงเพื่อน คิดถึงชีวิตในมหาวิทยาลัยไม่น้อย ชีวิตที่เป็นไปแบบเรียบง่าย ไปไหนไม่ต้องมีรถขับเหมือนคนร่ำรวยหลายคน ส่วนตัวเองเอาสะดวกเข้าไว้ วินมอเตอร์ไซคล์หน้าปากซอยก็ขึ้นได้ในเวลาเร่งรีบ
แม้แม่กับพี่สาวจะไม่ชอบใจนักที่ ‘หม่อมราชวงศ์กัญญาวีร์ รัตนนาวี’ เลือกทำตัวง่ายๆ เดินทางแบบง่ายๆ ไม่สนกับศักดิ์ที่ผู้คนภายนอกมักไม่ได้สนใจอะไรมากมายนักแล้ว และไม่สนใจจะให้รถที่บ้านไปส่งด้วย