หญิงสาวอยากรู้นักว่าเจ้าบ่าวของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเป็นคนที่เดาใจยาก ในหลาย ๆ ครั้ง อาจเพราะเขาเป็นคนนิ่ง ๆ มากกว่าจะขี้โวยวายเหมือนพี่ชายของเธอก็เป็นได้
อิฐกุมมือเธอพาไปไหว้ผู้ใหญ่ เขาทำมันอย่างไม่ติดขัดแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขาปฏิเสธการแต่งงานกับเธอ
“เหนื่อยเหรอ” เขาชะงักหันมามองหน้าเจ้าสาว เธอพยักหน้าน้อย ๆ เขาจึงพาไปนั่งอีกด้าน ก่อนจะซับเหงื่อให้
แพรวพรรณมองเจ้าบ่าวของเธอเหมือนเขาคือสิ่งแปลกประหลาด
“ทำไมมองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นล่ะ”
“เอ่อ... แพรวแค่รู้สึกว่าพี่อิฐดูแปลกไปน่ะค่ะ” เธอกะพริบตาปริบ ๆ รู้สึกว่าเขาแปลกไปจริง ๆ นั่นแหละ ไม่เหมือนพี่อิฐที่เคยเย็นชากับเธอเลยสักนิด
“แปลกยังไง” เขาเอ่ยถามขณะที่คุกเข่าลงไปเบื้องล่าง ดึงเท้าเธอไปนวดให้เบา ๆ
“เอ่อ... ที่ทำอยู่นี่ละค่ะ เรียกว่าแปลก”
“พี่ตัดสินใจแต่งงานกับแพรวแล้ว นั่นหมายความว่าพี่จะเริ่มต้นใหม่กับแพรว” คำพูดของเขาทำให้เธอนิ่งอึ้งไป
“ค่ะ” เธอรับคำเสียงสั่น ไม่ได้ดีใจแต่มีความกังวลอยู่ในน้ำเสียงอย่างชัดเจน
“พี่อิฐคะ ถ้าวันนึงพี่รู้ว่าคนใกล้ตัวโกหกพี่ พี่จะโกรธไหมคะ” เป็นคำถามเบสิกที่ทำให้คนถามใจเต้นระทึก คนมีชนักติดหลัง แทบนั่งไม่ติด
“โกรธครับ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าทำไมถึงโกหก” ประโยคที่ตอบตอนต้นทำให้หัวใจเธอร้อนรุ่ม แต่ประโยคท้ายเหมือนเปิดทางให้เธอสารภาพ
“มีอะไรจะบอกพี่หรือไง”
“เอ่อ... คือว่าแพรว” ถ้าเธอบอกเขาตอนนี้ มันจะทำให้งานแต่งล่มไหมหนอ ในระหว่างที่หัวใจของเธอกำลังร้อนรนคิดว่าจะตัดสินใจเช่นไรดี อยู่นั้น เสียงหนึ่งก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน
“มาอยู่ตรงนี้เอง ผู้ใหญ่อยากเจอน่ะ” เสียงของพฤทธิ์พี่ชายของเธอนั่นเอง แพรวพรรณถอนใจเฮือกใหญ่ อารมณ์แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือโล่งที่พี่ชายเข้ามาตอนนี้ แต่อีกส่วนก็พลันหนักอึ้งและทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อได้สบตากับเจ้าบ่าว ถ้าพี่ชายของเธอไม่มา เธอคงจะหลุดบอกความจริงกับอิฐไปแล้ว
แพรวพรรณเดินตามเจ้าบ่าวไปไหว้ผู้ใหญ่ที่นับถือ ช่วงเย็นของงานเลี้ยงในไร่แบบนี้ผู้คนมากกว่าช่วงกลางวันเสียอีก งานจัดในไร่ของเธอ หลังจากเสร็จสิ้นงานอิฐจะพาเธอไปที่ไร่ของเขา ซึ่งก็ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนัก
ฤกษ์ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถึงอีกหลายชั่วโมงต่อมา แพรวพรรณตื่นเต้นมือเย็นเยียบ แต่อิฐมีสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติอย่างที่เขามักแสดงออก
แพรวพรรณใจแป้วทุกครั้งที่ได้สบตากับเจ้าบ่าว หลายครั้งที่เธออยากจะถามเขาว่า เคยรักกันบ้างไหม แต่บอกตัวเองว่าเขารักคนอื่นวนลูปอยู่แบบนี้ตลอดเวลา นั่นทำให้เธอต้องยุติคำถามสิ้นคิดนั้นเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ
“พ่อแม่ขอให้ลูกรักกันจนแก่เฒ่า มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองนะจ๊ะ”
“หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะ”
“ขอให้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร”
“มีอะไรก็ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันนะลูก อย่าใช้แต่อารมณ์ ต้องใช้เหตุผลหันหน้ามาคุยกัน”
“มีหลานให้พ่อกับแม่อุ้มไว ๆ นะจ๊ะ” เสียงอวยพรของผู้ใหญ่ดังอยู่เป็นระยะ ๆ อิฐกับแพรวพรรณกราบพวกท่าน ก่อนที่พวกท่านจะทยอยกันออกไป
หญิงสาวเขินอายเล็กน้อย แค่คิดไปว่าเขาจะใช้สิทธิ์ในวันแต่งงาน เธอก็นึกตื่นเต้น ถ้าเขาทำแบบนั้นจริง ๆ ก็ต้องรู้ว่าเธอไม่เคยมีอะไรกับเขาในคืนนั้นอย่างที่กล่าวหา
ถ้าเขาจับได้จะทำอย่างไรดีล่ะ...
ระหว่างที่แพรวพรรณคิดว้าวุ่นอยู่นั้น เสียงของเจ้าบ่าวก็ทำลายความเงียบทำเอาเธอสะดุ้งสุดตัว
“แพรวอาบน้ำก่อนได้เลยนะ”
“ค่ะ” ถึงเธอจะตามติดเกาะเขาแจ แสดงความหึงหวงหรือร้ายกาจใส่ใคร ๆ แต่เอาเข้าจริง ๆ เธอก็ไม่ได้ใจกล้าบ้าบิ่นปล้ำเขาหรอกนะ เพราะค่อนข้างรักนวลสงวนตัวมาตั้งแต่เด็ก
เธอเดินเข้าห้องน้ำอย่างงง ๆ ในสมองกำลังครุ่นคิดอะไรหลายอย่าง ถ้าอิฐใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าบ่าวในคืนวันเข้าหอ เธอก็แค่กัดฟันให้เขาทำเสร็จ ๆ ไปอย่าให้เขารู้ว่าเธอเจ็บปวดกับการเสียตัวครั้งแรก
ไม่เคยเสียตัวหรอกนะ แต่เพื่อน ๆ เคยเล่าให้ฟังว่าครั้งแรกเจ็บทุกคน
แพรวพรรณมองตัวเองหน้ากระจกนิ่ง เธอเดินเข้ามาในห้องน้ำทั้งชุดเจ้าสาว แถมยังไม่ได้ถอดชุดออกจากตัวอีก นี่เธอสติหลุดถึงขณะเดินเข้าห้องน้ำแบบไม่รู้สึกตัวเลยเหรอนี่
พยายามจะถอดชุดเจ้าสาวออกจากตัว แต่เธอปลดซิปด้านหลังไม่ได้นี่สิ ลำบากต้องรบกวนคนที่อยู่นอกห้องน้ำ
เกรงใจเขาอยู่หรอก แต่ในห้องหอมีแค่เขากับเธอสองคน จะให้เธอไปขอความช่วยเหลือใครกันล่ะ
“พี่อิฐคะ” เธอชะโงกหน้าออกไปเรียกเขา อิฐที่ปลดเสื้อผ้าออกจากกายเรียบร้อยแล้ว นุ่งแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว เธอเผลอมองอกกว้างและหน้าท้องซิกซ์แพ็กของเขา ก่อนจะหน้าแดง
“มีอะไร”
“ช่วยรูดซิปด้านหลังให้หน่อยค่ะ แพรวรูดไม่ถึง” ไม่ต้องให้พูดซ้ำ อิฐเดินมารูดซิปให้เธอ ก่อนจะเลี่ยงออกไปจากห้องน้ำ
แพรวพรรณลุ้นแทบแย่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขาไม่สนใจจะสานสัมพันธ์ฉันผัวเมียกับเธอเสียด้วยซ้ำ
แป่ว...
เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวรู้สึกเสียความมั่นใจในตัวเองอย่างที่สุด
เอาเถอะ ไม่สนก็ไม่สน เธอก็ไม่ได้อยากให้เขาสนเสียหน่อย แพรวพรรณแอบเม้มปาก คอยดูนะว่าจะไม่สนจริงหรือเปล่า ตอนแรกเธอคิดว่าจะออกไปโดยสวมชุดนอนในห้องน้ำให้เรียบร้อย แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนใจแล้ว นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกไปนี่แหละ
คอยดูว่าจะตายด้านสักแค่ไหน!
แพรวพรรณเช็ดเครื่องสำอางออกจากใบหน้าจนสะอาดหมดจด ก่อนจะแกะผมบนศีรษะออกอย่างเบื่อหน่ายเล็กน้อย ฉีดสเปรย์เสียแข็งโป๊ก ๆ ทำผมทรงนี้ก็สวยอยู่หรอก แต่กิ๊บติดผมเยอะไปหน่อย
พอจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอก็จัดการอาบน้ำชำระร่างกายในทันที ยามนี้อยากนอนแช่น้ำอุ่นให้สบายตัว แต่จำต้องตัดใจ เพราะมีอีกคนรออาบน้ำอยู่ด้านนอก
เธอกระชับผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าเชิด ๆ ขัดเขินหน่อย ๆ เพราะความที่เดินไม่ได้ดูอะไรเลย บวกกับอยากยั่วเจ้าบ่าวของตัวเอง ทำให้เธอสะดุดเข้ากับพรมเช็ดเท้า
“วะ! ว้าย!” เธอถลาไปที่เตียงที่อิฐนอนพิงพนักหัวเตียงอยู่ อิฐเบิกตากว้างเมื่อใบหน้าของเธอซุกมาที่หว่างขาของเขาพอดิบพอดี
แพรวพรรณตะกายร่างหนี หน้าแดงก่ำ ที่ทำให้เธอเขินอายหนักขึ้นกว่านั้นก็คือ ผ้าเช็ดตัวที่นุ่งออกมาดันหลุด เธอตะครุบเอาไว้ไม่ทัน มันหล่นลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า
อยากจะกรีดร้องให้ลั่นห้อง ยามเก็บผ้าเช็ดตัวมานุ่งอีกรอบ หน้าที่แดงอยู่แล้ว แดงเข้าไปอีก ลามไปถึงใบหู
“พี่เห็นแล้วครับว่าแพรวหุ่นดี แต่ตอนนี้พี่ขออาบน้ำก่อน แพรวควรจะใจเย็น ๆ นะ เดินระวัง ๆ หน่อย ท้องไส้อยู่ไม่ใช่รึ หกล้มขึ้นมาจะแย่เอาได้”
คนที่ประคองเธอไปนั่งบนเตียงทำเสียงดุ เดินเข้าห้องน้ำไปในทันทีที่สำรวจเนื้อตัวของเธอและพบว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
หัวใจของแพรวพรรณเต้นถี่ระรัว จนต้องยกมือกุมเอาไว้
เขาไม่สนใจเธอเลย ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงจับเธอปล้ำไปแล้ว
หล่อนกัดปากตัวเองเบา ๆ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี
หรือพี่อิฐของเธอจะตายด้านกันนะ
คำถามผุดขึ้นมาในหัวของหญิงสาว แต่ไม่ได้รับคำตอบ เธอบอกตัวเองว่ายามนี้ควรรีบไปแต่งตัวให้เรียบร้อย
ชุดนอนวาบหวิวที่เธอเตรียมเอาไว้เต็มตู้ แต่ไม่มีชุดนอนเรียบร้อยเลยสักชุด
ตอนเธอซื้อก็ขาดสติ อยากยั่วเขา แต่ยามนี้ใบหน้าของแพรวพรรณแดงก่ำ ไม่หลงเหลือความก๋ากั่นเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
แพรวพรรณทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอดึงผ้าห่มมาคลุมจนถึงคอ ไม่รู้เพราะเครื่องปรับอากาศในห้องเย็นเกินไป หรือเพราะเธอสวมชุดนอนบางเกินไป ร่างกายของเธอถึงได้สั่นระริกเช่นนี้
ร่างสูงที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยหยดน้ำพราวไปทั้งตัว ทำให้เธอลอบมองหุ่นแซ่บ ๆ ของเขา แต่ความเฉยชานั้นทำเอาเธอใจฝ่อ