ผ่านไปหลายนาทีข้างกายของเธอก็ยวบลงเพราะอิฐคลานขึ้นมานอนบนเตียง เธอนอนตัวแข็งค้าง แทบกลั้นใจเลยก็ว่าได้ คิดไปว่าเขาจะยื่นมือมาสัมผัสเธอตรงไหนก่อนนะ
“แพรว...”
“คะ?” เธอหลุดอุทานเมื่อได้ยินเสียงทุ้มของเขาเอ่ยเรียก
“นอนอะไรแบบนั้น แทบจะตกเตียงอยู่แล้ว ขยับเข้ามาอีกสิ หัดระมัดระวังตัวเองบ้าง” หลังเสียงดุ ๆ เขาก็ดึงเธอให้ขยับเข้าไปอยู่กลางเตียง เตียงนอนของเขากว้างขวาง แต่เธอเกร็งนี่นา ไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใคร
เขาดึงเธอไปนอนกลางเตียงก็จริงแต่มีหมอนข้างกั้นเอาไว้ แล้วเขาก็หลับไป ไม่หือไม่อือไม่แตะไม่ต้อง เธอนอนเกร็งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชะโงกหน้าไปมอง ปรากฏว่าเขาหลับไปแล้ว
แพรวพรรณหน้าเสีย รู้สึกยิ่งขาดความมั่นใจในตัวเองเข้าไปอีก
นี่เขาจะนอนหลับไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เรียบร้อยในคืนเข้าหอแบบนี้น่ะเหรอ!
เธอนึกย้อนไปถึงวัยเด็ก ในตอนนั้นบิดามารดาของเธอกับเขาอยากให้หมั้นหมายกัน ตอนเด็ก ๆ อาจจะไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่พอโตขึ้นเขาคงรู้สึกว่าโดนคลุมถุงชน
จู่ ๆ ก็นึกถึงนิตยาผู้เป็นเพื่อนของเธอและมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้เพราะหล่อนแต่งงานกับพี่ชายของเธอเรียบร้อยแล้ว
แพรวพรรณถอนใจเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นเจ้าบ่าวนอนหลับลึกไปแล้ว นิตยาเป็นคนสวย จึงมีผู้ชายมาชอบเยอะ แต่คนสวยก็มักมีคนอิจฉา โดยเฉพาะบรรดาสาว ๆ ที่ไม่อยากให้ใครสวยเกินหน้าเกินตากว่าตน
เธอไม่เคยอิจฉาความสวยของนิตยา จึงแนะนำเพื่อนให้รู้จักกับพี่ชายของตน แถมยังแอบยุส่งให้พฤทธิ์จีบนิตยาเสียด้วย
นิตยาในความรู้สึกของเธอคือผู้หญิงน่าสงสารเพราะมีปูมหลังเรื่องมารดาที่ไม่ดีนัก ทำให้คนเป็นย่ารังเกียจ แต่กระนั้นก็เลี้ยงดูกันมาจนส่งเสียนิตยาให้เรียนจนจบ กักเอาไว้แต่ในบ้าน ไม่ค่อยให้ไปไหนมาไหนเพียงลำพัง ไม่มีเพื่อน เรียกว่าเป็นทาสรองมือรองเท้าของคนในบ้านนั้น
เธอจึงเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของนิตยาที่คบกันในสายตาของผู้ใหญ่
พี่ชายของเธอกลับมาจากต่างประเทศ เมื่อได้รู้จักกับนิตยาก็นึกชอบ เธอเองก็สนับสนุนเพราะอยากให้เพื่อนได้ออกมาจากการปกครองของคุณย่าจอมเผด็จการและเกลียดหลานคนนี้เข้าไส้ แต่แปลก คนเกลียดกันกลับให้คอยอยู่รับใช้ใกล้ชิด
ความสัมพันธ์ของพฤทธิ์พี่ชายของเธอกับนิตยาผู้เป็นเพื่อนสาวทำท่าว่าจะเป็นไปได้ด้วยดี ถ้าคู่หมั้นของเธอไม่กลับมาจากต่างประเทศเสียก่อน เขาทำท่าว่ามีใจให้นิตยา คงติดใจในความสวย แถมยังคิดจะถอนหมั้นกับเธอเสียอีก
ดวงตาของแพรวพรรณไหววูบ นึกมาถึงตรงนี้แล้วเธอก็เจ็บปวดหัวใจ
เธอเหมือนพี่ชาย เป็นคนหวงของ ใคร ๆ ว่าพี่ชายของเธอขี้หึง เธอก็ไม่ต่างกัน ทั้งหึงทั้งหวง ไม่อยากให้ใครมาแย่งไปได้
แต่ยามนี้เธอคิดอยู่เพียงอย่างเดียวว่า...
ไม่น่าไปโกหกว่าท้องเลย!
ดังนั้นเธอจึงต้องทำให้ตัวเองท้อง แพรวพรรณกลอกตาไปมา ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ รวบรวมความกล้าที่ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนเสียหมด
ใคร ๆ อาจจะเห็นว่าเธอก๋ากั่นกล้าหาญชาญชัย แต่เธอนั้นกล้าในบางเรื่องเท่านั้น เรื่องปล้ำผู้ชายเธอไม่กล้าหรอก แม้จะเป็นผู้ชายที่ชอบก็ตามที
แพรวพรรณหลับตาแน่น ค่อย ๆ ดึงหมอนข้างที่อยู่ตรงกลางเตียงออกไป ก่อนจะขึ้นคร่อมทับร่างของอิฐเอาไว้
อิฐสะดุ้งเพราะเขานอนหลับอยู่ไม่คิดว่าจะโดนภรรยาขึ้นคร่อมทับ
เธอจับใบหน้าของเขาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ก่อนจะบดจูบแบบไร้เดียงสา อิฐแทบหลุดขำในการกระทำของภรรยา เขานอนนิ่งรอว่าเธอจะทำอะไรต่อ
“หลับตาแบบนั้นจะไปเห็นอะไรล่ะ” เขาพูดขณะกลั้นหัวเราะจนปวดกราม เธอลืมตาขึ้นก่อนจะหน้าแดงซ่าน นั่งบิดอยู่บนตัวเขา ท่าทีไร้เดียงสาทำให้อิฐนึกเอ็นดูวูบขึ้นมาในอก
“เอ่อ... พี่อิฐไม่... ไม่...” เธอพูดแล้วกัดปากตัวเอง หลบสายตาของเขาวูบหนึ่ง
“ไม่อะไรครับ”
“เข้าหอแล้วเขาก็ต้องฟีเจอริงกันไม่ใช่เหรอคะ” พูดแล้วหน้าของเธอยิ่งแดงซ่านเข้าไปอีก
“พี่เห็นแพรวเหนื่อยมาทั้งวันเลยไม่อยากรบกวน แล้วแพรวก็ท้องอยู่ด้วย เดี๋ยวจะเหนื่อยจนเกินไป”
“อ้อ... เหรอคะ” เธอหน้าเหลอรีบคลานลงจากร่างสูง
รู้สึกหน้าแตกดังโผละ ประมาณว่าเธอหื่นเกินหน้าเกินตาไปนิด
“นอนเถอะครับ เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ลูกก็จะได้นอนด้วย” เขาลูบไล้หน้าท้องของเธอเบา ๆ ก่อนจะกอดเอาไว้หลวม ๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้
สัมผัสอ่อนโยนนั้นทำให้เธออมยิ้ม อ้อมแขนของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นอย่างที่สุด เธอเลิกฟุ้งซ่านและหลับไปในที่สุด
รุ่งเช้าของวันใหม่ ทุกคนในครอบครัวรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน อิฐขอตัวพาแพรวพรรณกลับไร่ของตัวเอง เพราะเขาต้องกลับไปทำงาน ไม่มีใครขัดอะไร เนื่องจากทั้งสองแต่งงานกันแล้ว
การเดินทางมาที่ไร่ของอิฐเกิดขึ้นในช่วงสาย เพราะเมื่อคืนเธอนอนเต็มอิ่มจึงตื่นเช้าเป็นธรรมดา
เรื่องที่เธอโกหกว่าท้องเป็นความลับ เรียกง่าย ๆ ว่าไม่มีใครรู้ว่าเธอท้องจึงต้องรีบแต่งงานกับอิฐ เขาเองก็ไม่ได้เร่งเร้าให้เธอบอกเรื่องนี้กับใครแม้กระทั่งครอบครัว เพราะไม่อยากให้เธอต้องอับอายขายหน้า เอาไว้พร้อมค่อยบอกอีกทีหนึ่ง ซึ่งอิฐค่อนข้างจะเป็นสุภาพบุรุษพอสมควร
หลายครั้งที่อิฐเป็นคนเข้าใจอะไรได้ง่าย จนเธอนึกไปว่าตัวเองเรื่องเยอะ
นิตยาเคยเล่าว่าหล่อนบอกอิฐไปว่าจะเป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้นไม่มีอะไรเกินเลย เขาก็เข้าใจไม่เซ้าซี้เหมือนวิวัฒน์ เพื่อนชายอีกคนที่มาติดพันนิตยาและทำท่าอาละวาดไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เธอเองก็รู้จักวิวัฒน์ดี ค่อนข้างจะไม่ชอบอีกฝ่ายเอามาก ๆ เชียวล่ะ
บ้านไร่ของอิฐใหญ่โตโอ่อ่า บิดามารดาของอิฐนั้นอยู่กรุงเทพฯ ท่านทำธุรกิจหลายอย่าง แต่อิฐชอบความสันโดษมากกว่า เขาชอบความเงียบและค่อนข้างเป็นผู้ชายที่มีโลกส่วนตัวสูง พูดน้อยและนิ่ง ๆ แต่เขาไม่ได้ดูเย็นชาไม่น่าเข้าใกล้ กลับแลดูอบอุ่นและใจดี
สมัยเด็กเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีของเธอ คอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด ยามบิดามารดามาพบปะพูดคุยสังสรรค์กันก็จะพาเธอและพี่ชายมาด้วย อิฐจึงเป็นเพื่อนเล่นของเธอและพี่ชาย
“แพ้ท้องหรือเปล่า”
“คะ?” เธอหลุดจากภวังค์ความคิด เมื่อได้ยินเสียงถามของเขา จึงหันขวับไปมองคนที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ามองเธออยู่ก่อนแล้ว ในขณะที่เธอเผลอสำรวจห้องนอนของเขาอย่างใจลอย
“พี่ถามว่าแพ้ท้องไหม”
“ไม่ค่ะ” เธอตอบเสียงเบา จะให้แกล้งอาเจียนโอ้กอ้ากเล่นละครอะไรเทือกนั้นเธอคงทำไม่ไหวแน่ ๆ อีกอย่างคนท้องก็ใช่จะต้องแพ้ท้องทุกคนนี่นา เธอเลยไม่จำเป็นต้องทำท่าทำทางอะไรแบบนั้นด้วย
เขาฟังแล้วไม่ตอบว่ากระไร เดินเข้าห้องน้ำไป เธอสำรวจห้องนอนของเขาอีกครั้ง ห้องนอนของอิฐเป็นโทนสีน้ำตาล เธอรู้สึกว่ามันอบอุ่นเข้ากับนิสัยของอิฐ เขาเป็นผู้ชายที่แลดูอบอุ่น ใจดี พูดน้อยไม่ปากร้ายเหมือนพี่ชายของเธอ แต่สีที่เขาเลือกใช้ในห้องนอน ก็ไม่ได้เข้มขรึมเหมือนผู้ชายหลายคน
ห้องนอนของเธอสีฟ้าสดใสปนกับสีชมพู สีส้ม สีแดง สีเหลืองและสีอื่น ๆ อีกหลายสี เรียกว่าแทบจะครบสิบสองสีเพราะเธอชอบอะไรมีสีสัน นึกอยากจัดห้องให้มีสีสดใสแบบนั้น แต่นึกเกรงใจเจ้าของห้องอยู่มากโข
“พอจะอยู่ได้ไหม” อิฐเป็นคนที่ค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัวของเขามาก ๆ แม้เธอจะเป็นคู่หมั้นของเขามานานแล้ว แต่ไม่เคยได้เข้ามาในห้องนอนของเขาเลย
“พี่อิฐเคยพาผู้หญิงเข้ามาในห้องนอนไหมคะ” จู่ ๆ เธอก็โพล่งถามออกไป เขาเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย มองหน้าเธอขณะเดินออกมาจากห้องน้ำ ชะงักอยู่ตรงนั้นหลายนาที
“ไม่เคยครับ” เขาตอบเสียงเรียบติดจะขรึมเล็กน้อย แพรวพรรณรู้สึกตัวลีบเล็กลงไปเลยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองก้าวก่ายเรื่องของเขามากเกินไป