3.2 หมอปีศาจปรากฎกาย

2252 คำ
ลี่หยวนคราง ตกลงใจท่านปู่อยากให้นางหายดี หรือหายไปจากโลกนี้กันแน่!? แต่ว่า... ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผู้ที่เกลียดนางเข้าไส้อย่างลี่เผิงก็ควรจะยินดีมิใช่รึ เด็กสาวแสร้งไอ หลุบมองพื้นพร้อมกับกลอกตาไปมา “แล้วมันเดือดร้อนท่านอย่างไร” “เมื่อครู่ท่านอ๋องน้อยตรัสว่า จะทรงพำนักอยู่ที่จวนของเราเจ็ดวันเพื่อรักษาเจ้าให้หายดี!” ลี่หยวนเข้าใจได้ในที่สุด การที่หมอปีศาจมาอาศัยอยู่ร่วมใต้ชายคาย่อมสร้างความไม่สบายใจให้ผู้อยู่ ไม่เว้นแม้แต่คนก้าวร้าวที่ดูไร้หัวคิดอย่างลี่เผิง และด้วยตำแหน่งของตงฟางฉี แน่นอนว่าท่านพ่อบุญธรรมของนางก็คงไม่อาจปฏิเสธความต้องการของอีกฝ่ายได้ ในขณะที่ครุ่นคิดว่าควรทำเช่นไรต่อไป ข้อมือเรียวของนางก็ถูกพี่ชายต่างสายเลือดคว้าหมับ พร้อมกับแรงกระชากที่ลากนางลงจากเตียง “เจ้าต้องไปยืนยันต่อหน้าท่านพ่อกับท่านปู่ว่าเจ้าไม่ได้เป็นอะไร! จงไปกับข้าประเดี๋ยวนี้!” แรงฉุดดึงที่มากเกินความจำเป็นทำเอาข้อมือบางปวดร้าว ลี่หยวนส่งเสียงร้องคราง ร่างอันอ่อนแรงเซถลาล้มลงอย่างน่าสงสาร จังหวะนั้นเองที่เสียงทรงอำนาจของใครบางคนดังขึ้นมา “ลี่เผิง! นั่นเจ้ากำลังทำอะไรหยวนเอ๋อร์!” “ทะ...ท่านแม่ใหญ่!” ลี่เผิงหน้าถอดสี หันหน้ากลับไปเผชิญกับสตรีวัยสามสิบปลายๆ ที่เร่งรุดเข้ามาภายในห้อง เยื้องไปทางด้านหลังคือสาวใช้ประจำเรือนของลี่หยวนซึ่งชิงช่ายสั่งให้ไปตามคนมาช่วยเมื่อสักครู่ ชายหนุ่มถลึงตามองลี่หยวนอย่างเกลียดชัง ยอมปล่อยมือให้นางเป็นอิสระแล้วค่อยไปพูดกับฮูหยินใหญ่ “ลี่หยวนไม่เป็นอะไรแล้ว เราควรส่งตัวท่านอ๋องน้อยกลับบ้านไปเสีย” “พูดจาเหลวไหล!” ซ่งหรู่ฮวาเดินผ่านร่างบึกบึนของลี่เผิงแล้วแตะมือของลี่หยวน เมื่อเห็นว่าข้อมือขาวสะอาดมีรอยแดงช้ำ เป็นรอยนิ้วมือชัดเจน โทสะก็ยิ่งทะยานพุ่ง เจ้าคนไม่มีหัวคิด! ทำให้ลี่หยวนบาดเจ็บว่าแย่แล้ว หลังจากนี้ถ้าทางอ๋องน้อยมารักษาแล้วเห็นรอยช้ำดังกล่าว มิกลายเป็นว่าเป็นเรื่องน่าเสื่อมเสียและขายหน้าแห่งจวนเสนาบดีหรอกหรือ! “ลี่เผิง จงกลับไปสำนึกตัวที่เรือนเสีย! หากมิได้รับคำสั่งของข้า แม้แต่ขาข้างเดียวก็ห้ามย่างกรายออกจากเรือนเป็นอันขาด!” ลี่เผิงตะเบ็งเสียงดัง “แต่ท่านแม่ใหญ่...!” เขาไม่ได้ออกแรงอะไรเลย ใครจะนึกเล่าว่าร่างกายของลี่หยวนจะบอบบางเสียยิ่งกว่าพืชผัก เพียงออกแรงมากหน่อยก็ทิ้งรอยช้ำเด่นชัดขึ้นมา! ซ่งหรู่ฮวาหันหลังส่งให้ชายหนุ่ม เป็นสัญญาณบ่งบอกว่านางไม่มีสิ่งที่อยากพูดกับอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว “เด็กๆ ส่งคุณชายใหญ่กลับจวน!” “ขอรับ!” เหล่าข้ารับใช้ที่รออยู่ด้านนอกเดินเรียงรายกันเข้ามาในห้อง ถึงแม้ว่าลี่เผิงไม่อยากยินยอม แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของฮูหยินใหญ่ที่อำนาจเหนือกว่า ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้แค่ส่งเสียงกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจ สะบัดตัวจากไปแต่โดยดี เมื่อตัวปัญหาถูกไล่ไปแล้ว สตรีวัยสามสิบปลายก็ทอดถอนหายใจ จากนั้นค่อยหันมาพูดกับเด็กสาววัยสิบสี่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ลี่หยวน เจ้าคงตกใจมากใช่หรือไม่” ลี่หยวนก้มลงมองมือของตนเองซึ่งถูกอีกฝ่ายกุมไว้ “ท่านแม่ใหญ่ พี่ใหญ่คงจะแค่เป็นห่วงข้ามากเกินไปหน่อยเท่านั้น” “ถึงขั้นนี้เจ้ายังปกป้องเขาอยู่อีก?” ซ่งหรู่ฮวาส่ายหน้าพร้อมกับตบมือนางเบาๆ “วันนี้เจ้าคงเหนื่อยมามากแล้ว พักผ่อนสักวันหนึ่งก่อน ประเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยให้ท่านอ๋องน้อยมาตรวจดูอาการ ดีหรือไม่” “ท่านอ๋องน้อย...หรือเจ้าคะ” “อา เจ้ายังไม่ทราบสินะ” ฮูหยินใหญ่กล่าว “ท่านอ๋องน้อยทรงเป็นแขกของท่านพ่อ มีความรู้ความสามารถด้านการรักษาอย่างแตกฉาน ท่านพ่อเห็นว่าเจ้าล้มป่วยจึงทูลขอให้มาดูอาการให้เจ้า” นางพยักหน้าอย่างอ่อนแรง “เจ้าค่ะ” “อืม” ซ่งหรู่ฮวาค่อนข้างพึงพอใจที่ลี่หยวนยังคงเป็นสตรีว่านอนสอนง่ายดังที่ควรเป็น “ประเดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้ต้มยาบำรุงมาให้เจ้ากิน เจ้าไม่อยากอาหาร อย่างน้อยกินยาเข้าไปเสียหน่อยเถิด” หลังจากจัดแจงออกคำสั่งภายในเรือนของบุตรสาวบุญธรรมเรียบร้อย ฮูหยินใหญ่ของจวนก็จากไปเพื่อดูแลการเตรียมห้องสำหรับการต้อนรับแขกคนสำคัญที่จะมาพัก ครั้นสองนายบ่าวอยู่ด้วยกันตามลำพัง ชิงช่ายก็รีบไปหยิบกระปุกยาแล้วมาทารอบข้อมือที่เป็นรอยช้ำอย่างนุ่มนวล นางอ้าปากคล้ายต้องการพูดบางสิ่ง แต่เมื่อเห็นผู้เป็นนายมีแววตาเหม่อลอย นางจึงเลือกที่จะปิดปาก ทายาให้เงียบๆ แทน ลี่หยวนรู้สึกเบาใจที่วันนี้ซ่งหรู่ฮวาเปิดทางให้นางได้พักผ่อน อย่างน้อยก็มีเวลาหนึ่งวันในการเตรียมใจและขบคิดว่าควรทำเช่นไรต่อไปดี ก่อนหน้านี้ท่านหมอที่ท่านพ่อเรียกมานั้นไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่านางแสร้งไม่สบาย แต่ถ้าเป็นท่านอ๋องน้อยหมอปีศาจผู้นั้นเล่า เขาจะพูดกับท่านพ่อแบบใดกันแน่? ตงฟางฉีนี่ก็แปลกพิลึก ท่านปู่อยู่ในวังก็เป็นเพียงหนึ่งในอาจารย์ผู้สอนเหล่าเชื้อพระวงศ์ระดับกลางถึงล่าง ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นเลยที่ท่านอ๋องน้อยจะต้องรับปากมาช่วยดูอาการของหลานสาวที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน หากจะพูดว่าท่านอ๋องน้อยต้องการผูกมิตรกับจวนเสนาบดี ขอโทษเถิด...แม้แต่นางยังคิดว่ามันไม่จำเป็น ด้วยระดับคนชั้นเชื้อพระวงศ์อย่างเขานั้นไม่จำเป็นเลยแม้แต่นิด! ทุกคนในวังต่างก็รู้กันดีว่าจวนเสนาบดีเข้ากันกับฝ่ายองค์ชายสี่ หรือว่าท่านอ๋องตงฟางหยางที่ไม่เคยเข้ากับฝ่ายใดจะเริ่มเอนเอียง คิดจะใช้ความสัมพันธ์นี้แสดงเจตนารมณ์ว่าตนเองก็สนับสนุนองค์ชายสี่เช่นเดียวกัน? ลี่หยวนมั่นใจว่าในนิยาย สองพ่อลูกตระกูลตงฟางไม่สนิทสนมกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ถ้าหากเนื้อหาในนิยายเริ่มเปลี่ยนแปลงจริง องค์รัชทายาทซึ่งเป็นพระเอกจะนิ่งดูดายได้อยู่อีกหรือ ใช้พลังงานในการคิดมากไปก็เริ่มรู้สึกปวดหัว เนื่องจากไม่ได้กินข้าวมาหลายมื้อจึงอ่อนล้า สุดท้ายจึงผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น เช้าวันต่อมา ต่อให้อยากหลีกหนีมากเพียงไร สุดท้ายก็มิวายต้องพบหน้ากันอยู่ดี ท้องฟ้าฤดูร้อนสว่างสดใสไร้เงาเมฆา ยามราตรีมีจันทรากับหมู่ดาวพร่างพราวสาดแสง ลี่หยวนกลับมากินข้าวและยาบำรุงตามปกติ เช้าวันต่อมาก็ลุกออกจากเตียง ผัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปพบแขกที่เรือนใหญ่ เมื่อเข้าไปถึง เด็กสาวก็หลุบตาทำความเคารพทุกคนในที่นี้อย่างรู้มารยาท “ต้องขออภัยด้วยที่ทำให้ท่านปู่เป็นห่วง เป็นเพราะอากาศร้อนและหลานมิทันได้ดูแลสุขภาพจึงได้ล้มป่วยอย่างกะทันหันเจ้าค่ะ” ลี่หยวนก้มหน้าก้มตากล่าวกับชายวัยหกสิบที่มือหนึ่งถือไม้เท้าช่วยค้ำร่าง ท่านปู่บุญธรรมของนางใจดีมีเมตตาทว่าหน้าตาค่อนข้างน่ากลัว เป็นเพราะในวัยหนุ่มได้รับแผลใหญ่ที่ใบหน้า จึงเห็นเป็นรอยแผลเป็นมาจนถึงวัยชรา วันนี้ท่านเสนาบดี ฮูหยินใหญ่ต่างอยู่กันพร้อมหน้า ยามนี้ได้เห็นสีหน้าของเด็กสาวดีขึ้นและได้รับรายงานจากบ่าวไพร่ว่านางยอมกินอาหาร พวกเขาก็ล้วนมีสีหน้าเบาใจขึ้นมากโข “เฮ้อ! เจ้าไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” ลี่เตา ท่านปู่บุญธรรมถอนหายใจอย่างโล่งอก “ข้าแก่แล้วหัวใจก็ไม่ค่อยแข็งแรง และที่น่าโกรธคือข้าทราบข่าวการป่วยของเจ้าจากผู้อื่นแทนที่จะเป็นคนในครอบครัวด้วยกันเอง!” ชายชรากล่าวจบก็หันไปส่งสายตาตำหนิให้แก่บุตรชายซึ่งนั่งเงียบไม่พูดไม่จา ลี่หยวนเงยหน้าขึ้นสบตาลี่เตา สีหน้าดูงุนงงสงสัยอยู่หลายส่วน “หมายความว่าอย่างไรหรือ ท่านปู่” มิใช่ว่าท่านพ่อหรือท่านแม่บุญธรรมเป็นคนส่งข่าวเรื่องนางล้มป่วยไปหาท่านปู่ถึงในวังเองหรอกหรือ ลี่เตาไม่ปล่อยให้นางสงสัยนาน มือเหี่ยวย่นจัดการผายไปด้านข้าง เผยรอยยิ้มหายากที่นานๆ ทีจะได้เห็นสักครา “วันนั้นเป็นเพราะปู่ติดงานในวังจึงมิได้มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเจ้า เมื่อมีโอกาสได้พบท่านอ๋องน้อยจึงไต่ถามเพราะทรงเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้มาร่วมงาน รู้ไหมว่าทันทีที่ทราบเรื่อง หัวใจของคนเฒ่าอย่างข้าก็แทบรับไม่ไหวจนเกือบเป็นลม ดีเพียงไรที่ท่านอ๋องน้อยทรงอาสามาตรวจดูอาการของเจ้าด้วยพระองค์เอง...ความกังวลใจของปู่จึงได้ผ่อนคลายลงได้บ้าง” เด็กสาวลอบกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ยังไม่กล้าที่จะหันไปมองหน้าหมอปีศาจที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวถัดไป หมายความว่า... ท่านอ๋องน้อยเองก็อยู่ในเหตุการณ์ที่นางกระอักเลือดปลอมในวันนั้นด้วยใช่หรือไม่! ด้วยระดับฝีมือที่ผู้คนเลื่องลือกันว่าเป็นอัจฉริยะ เขาเพียงแค่สูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่งก็คงแยกแยะระหว่างเลือดไก่กับเลือดคนได้ ทว่าการแสร้งทำตัวเป็นห่วงจนสามารถพาตนเองเข้ามาในจวนเสนาบดีได้สำเร็จแบบนี้ จุดประสงค์ที่ว่าคืออะไรกันแน่! ลี่หยวนสูดหายใจเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะหันหน้าไปทางชายหนุ่มซึ่งมากับลี่เตาอย่างช้าๆ เขา... นางกะพริบตาเล็กน้อย ซุนโม่เฉินถูกบรรยายว่าเป็นบุรุษหล่อเหลา แซงหน้าองค์รัชทายาทที่เป็นพระเอกไปขั้นหนึ่ง แต่กับตัวละครที่ไม่ค่อยมีความสำคัญอย่างตงฟางฉีซึ่งนานๆ จะมาบทบาทนั้นไม่เคยได้พูดถึง แต่บุรุษที่อยู่ตรงหน้ายามนี้กลับหล่อระเบิดแซงหน้าวายร้ายอย่างองค์ชายสี่ไปหลายขุม! ในฐานะอดีตสตั๊นแมน นางย่อมพบเจอคนหล่อเหลามามาก แต่ว่าแบบนี้มันจะมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า? ชายหนุ่มวัยสิบแปดมีนัยน์ตาเรียวหงส์ล้อมกรอบด้วยขนตางอนยาว คิ้วกระบี่หนาพาดเฉียงสีเข้ม จมูกโด่งเป็นสันเข้ากับโครงหน้าเรียวรูปไข่ เรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่เกล้าขึ้นเป็นมวยสูงปักด้วยปิ่น ส่งผลให้สันกรามชัดเจน ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อที่ยกมุมปากยกขึ้นนิดๆ เห็นแล้วชวนให้รู้สึกอันตรายต่อหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเหล่าสาวใช้ภายในห้องถึงได้ยืนบิดไปบิดมาตั้งแต่เมื่อครู่ ที่แท้ก็โดนพิษเสน่ห์ท่านอ๋องน้อยเล่นงานไปด้วยกันทั้งสิ้นนั่นเอง แต่แบบนี้ล่ะ...สเปคที่ชอบเลย เด็กสาวรีบออกแรงหยิกมือตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกคืนสติ นางจะมาเคลิบเคลิ้มต่อเสน่ห์ของบุรุษอันตรายอย่างหมอปีศาจผู้นี้ไม่ได้เป็นอันขาด! “ลี่หยวนขอบพระคุณท่านอ๋องน้อยที่เมตตา” คุณหนูแห่งจวนหลุบตามองพื้นพร้อมกับถอนสายบัว “ฝีมือการรักษาของท่านอ๋องน้อยเป็นที่เลื่องลือ น่าเสียดายนักที่ลี่หยวนอาการดีขึ้นแล้วจึงไม่มีวาสนาได้รับการรักษาจากท่าน” ลี่หยวนเปิดทางให้ตนเองก่อนเป็นอันดับแรก รู้สึกว่าตงฟางฉีผู้นี้มีเจตนาแอบแฝงบางอย่าง ในเมื่อเหตุผลในการมาไม่น่าไว้ใจแบบนี้ วิธีการที่ปลอดภัยคือส่งเขากลับไปโดยเร็วที่สุด! ตงฟางฉีอมยิ้มให้ท่าทีอ่อนน้อมของเด็กสาว จากนั้นค่อยหันไปหาลี่เตาคล้ายขอความเห็น “ดูท่าหลานสาวของท่านคงไม่สะดวกใจหากจะถูกบุรุษแตะเนื้อต้องตัว” “เหลวไหล” ชายชรารีบส่ายหน้า “เจตนารมณ์ของท่านอ๋องน้อยเปี่ยมด้วยความบริสุทธิ์ใจ หยวนเอ๋อร์ย่อมไม่ถือเป็นอื่นอยู่แล้ว” ท่านอ๋องน้อยยอมเสนอตัวมารักษาหลานสาว ลี่เตาย่อมทั้งยินดีและเกรงใจ และยังเกรงว่าหากมิได้ชายหนุ่มตรวจอาการของลี่หยวนด้วยตนเองดูสักครั้ง เรื่องอาการป่วยเล็กๆ นี้อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ในวันหน้า เมื่อตัดสินใจดังนั้นก็หันหน้าไปพูดกับลี่หยวนที่ยังคงย่อกายอยู่ “หยวนเอ๋อร์ ไหนๆ ท่านอ๋องน้อยก็อยู่ที่นี่แล้ว ต่อให้อาการของเจ้าดีขึ้นก็ให้ทรงตรวจดูสักหน่อย ถือเสียว่าเพื่อความสบายใจของคนเฒ่า ได้หรือไม่” เด็กสาวเงยหน้าสบตาท่านปู่ แม้ปากจะยิ้มแต่ในใจนั้นแทบอยากกรีดร้องร่ำไห้ ไยเจ้าหมอปีศาจสุดหล่อผู้นี้ถึงได้ตอแยนักนะ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม