เมื่อคืนเซวียนจ้านและเซวียนจูนอนบนเตียงกับหลีเจียว พวกเขาปลุกนางตั้งแต่ฟ้าไม่ยังสางเสียด้วยซ้ำ
ปกติเจ้าเด็กแฝดทั้งสองจะนอนแยกอีกห้อง โดยมีเสี่ยวม่านและนางกำนัลพี่เลี้ยงอีกคนเฝ้าดูแล เพื่อไม่ให้พวกเขาไปรบกวนมารดากลางดึก ช่วงที่ผ่านมาฮองเฮาอาการไม่ดีนัก จึงต้องพักผ่อนให้มากเสียหน่อย
หลีเจียวหยอกล้อเล่นกับลูกๆ อยู่บนเตียง เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กทั้งสองดังแว่วไปถึงลานด้านหน้า
เซวียนจ้านเป็นเด็กที่ซนมาก เขาพลิกตัวเก่งราวลูกค่างจนหลีเจียวแอบเวียนศีรษะ ส่วนเซวียนจูนั้น นางเอาแต่นอนเหยียดแข้งขามองปลาตะเพียนสาน นานๆ ครั้งถึงพลิกตัวยกก้นขึ้นนั่ง
เสี่ยวม่านได้ยินเสียงหัวเราะของแม่ลูกดังแว่วออกมาจากห้อง นางจึงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ยอบกายลงแล้วกล่าว “ฮองเฮาเพคะ ของที่ทางวังหลวงนำมาให้มีผ้านวมกับผ้าขนแกะ และยังมีผ้าต่วนอีกหลายพับ พอดีเลยนะเพคะ จะได้ตัดชุดใหม่ให้องค์ชายและองค์หญิงน้อย”
หลีเจียวมองผ้าผ่อนที่นางกำนัลช่วยกันยกเข้ามา พลันคิดว่าช่างบังเอิญเสียเหลือเกินเพราะนางอยากตัดชุดใหม่ให้เจ้าแฝดอยู่พอดี
“แอ้ๆ” เซวียนจ้านชูแขนขึ้นเมื่อเห็นเสด็จแม่ลุกจากเตียง หลีเจียวยิ้มอย่างจนใจ ก้มลงไปอุ้มเขาขึ้นมา พาเดินไปดูผ้าผ่อนผืนใหม่ด้วยกัน ไม่ลืมแฝดหญิงที่นั่งตาแป๋วอยู่บนเตียง ทว่านางอุ้มเด็กสองคนพร้อมกันคงไม่สะดวกจึงหันไปหาเสี่ยวม่าน เสี่ยวม่านรู้หน้าที่จึงเดินไปอุ้มองค์หญิงน้อยขึ้นมา
หลีเจียวส่งตัวเซวียนจ้านให้นางกำนัลอีกคน นางหาดูสีผ้าที่เหมาะสมกับลูกๆ หลีเจียวหยิบผ้าพับหนึ่งขึ้นมา สีชมพูสดใสเหมาะกับบุตรสาวที่น่ารักเป็นที่สุด “อาจูชอบสีนี้หรือไม่”
เซวียนจูส่งเสียง “แอ้” ออกมาคำเดียวราวกับเข้าใจ เรียกรอยยิ้มจากทุกคนทันที
หลีเจียวอมยิ้ม หยิบผ้าสีเขียวอ่อนขึ้นมาทาบบนตัวและถามนางอีกครั้ง “แล้วสีนี้อาจูชอบหรือไม่”
คราวนี้เซวียนจูไม่ส่งเสียง ทำเพียงสบตามารดานิ่ง
หลีเจียวเลือกผ้าให้เซวียนจูครู่หนึ่ง ก่อนเลือกให้เซวียนจ้านบ้าง นางหาสีที่เหมาะสมกับเด็กผู้ชาย จึงหยิบสีน้ำเงินออกมาทาบบนตัว ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยถาม เซวียนจ้านก็แผดร้องโวยวาย “แอ้ๆๆ”
เสี่ยวม่านเอ่ยขบขัน “องค์ชายคงไม่ชอบสีนี้น่ะเพคะ”
หลีเจียวจึงหยิบสีอื่นขึ้นมา ทว่าอย่างไรก็ไม่ถูกใจเจ้าเด็กขี้โวยวายตัวจ้อยคนนี้เสียที สุดท้ายจึงหยิบสีชมพูเหมือนน้องสาวขึ้นมาทาบบนตัว คราวนี้เขาไม่โวยวายแล้ว ทุกคนเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะขบขันปนเอ็นดู
หลายวันผ่านไป หลีเจียวเลี้ยงลูกด้วยตนเอง ใส่ใจดูแลพวกเขาทุกอย่าง นางแทบไม่ห่างพวกเขาแม้เค่อเดียว เด็กๆ จากซูบผอมก็เริ่มมีน้ำมีนวล แก้มกลมใสน่ารักจนใจแทบละลาย
ช่วงเจ้าเด็กแฝดนอนกลางวัน เสี่ยวม่านก็ได้เข้ามาหาเพื่อรายงานเรื่องราวในวังหลวงให้รับรู้ นางอยู่ในนี้ไม่รับรู้ข่าวสารภายนอกเลยว่าเป็นอย่างไร
หลีเจียวให้เสี่ยวม่านติดสินบนกับขันทีผู้หนึ่ง ซึ่งขันทีผู้นั้นเป็นคนนำข้าวของมาส่งทุกสิบวันพร้อมกับข่าวคราวต่างๆ จึงทราบว่าคืนนี้ที่ตำหนักฮุ่ยหมิ่นจะมีงานเลี้ยงสังสรรค์เนื่องในวันสำคัญของหลิวกุ้ยเฟย ทำให้ทหารเวรยามส่วนหนึ่งต้องไปอารักษ์ขาแขกคนสำคัญที่จะมาร่วมงานวันคล้ายวันเกิดหลิวกุ้ยเฟย
ดังนั้นคืนนี้ทหารเวรยามก็จะน้อยกว่าปกติ
“เหตุใดไทเฮาถึงประชวรเล่า” เมื่อหลีเจียวทราบว่าไทเฮาทรงล้มป่วย นางก็เป็นห่วงมิได้ เพราะในวังหลวงอันกว้างใหญ่ คงมีเพียงไทเฮาเท่านั้นที่สามารถไว้ใจ และคงเป็นไทเฮาอีกเช่นเคยที่ไม่เชื่อว่านางสวมหมวกเขียวให้เซวียนหยางจริงๆ
เสี่ยวม่านเอ่ย “คนวงในเล่ากันว่า ที่ไทเฮาทรงประชวรครั้งนี้ก็เพราะกริ้วฝ่าบาทมาก ฝ่าบาททรงห้ามไม่ให้พระนางเสด็จออกจากตำหนักเพคะ”
หลีเจียวยกมือนวดขมับ ครุ่นคิดบางอย่าง “ข้าอยากพบไทเฮาเหลือเกิน ท่านเป็นคนเดียวที่ช่วยข้าได้ เสี่ยวม่าน ข้าไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่เช่นนี้ต่อไปได้แล้ว”
“จะพบได้อย่างไรเพคะ” เสี่ยวม่านเอ่ยจนใจนัก “ขันทีที่นำข่าวมาให้พวกเรา ต้องย้ายไปทำงานจุดอื่นแล้ว ไม่มีใครคอยช่วยพวกเราอีกแล้วเพคะ อีกอย่างจะหาคนช่วยที่ไว้ใจได้ก็ยากเหลือเกิน”
เสี่ยวม่านคิดการไกลจึงพยายามตีสนิทกับพวกขันทีเหล่านั้น ส่วนใหญ่มักไม่ตอบรับไมตรี มีเพียงขันทีแซ่อู๋ผู้นั้น กว่าจะตีสนิทได้ก็ใช้เวลาหลายเดือน เสียดายที่เขาต้องย้ายไปทำงานจุดอื่นแล้ว
หลีเจียวย่อมมีอีกวิธี นางโน้มตัวลงกระซิบบางอย่างที่ข้างหูคนสนิท เสี่ยวม่านได้ยินถึงกับตาเบิกกว้าง “ฮองเฮา ทรงทำเช่นนี้จะ...จะดีหรือเพคะ”
“ทางลับด้านหลังตำหนักไทเฮา มีเพียงข้าและฝ่าบาทเท่านั้นที่รู้ และคืนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดี”
เมฆดำเคลื่อนคล้อย รัตติกาลมาเยือน
หลีเจียวรอจนลูกๆ หลับสนิทแล้วค่อยปลีกตัวไปเปลี่ยนชุด โดยมีเสี่ยวม่านและพวกนางกำนัลช่วยกันจับบันไดพาดกับกำแพงสูง
เสี่ยวม่านถือวิสาสะรั้งแขนฮองเฮาเอาไว้ “ฮองเฮาเพคะ ได้โปรดทบทวนอีกสักครั้งเถิด หรือไม่ก็ให้หม่อมฉันไปแทนพระองค์”
หลีเจียวย่อมเข้าใจว่านางเป็นห่วง จึงเอ่ยยิ้มๆ “ข้านับว่าเติบโตในรั้ววังย่อมคุ้นชินเส้นทาง ส่วนเจ้าเพิ่งเข้ามาไม่กี่ปี ส่วนมากคลุกตัวอยู่ในตำหนักเหลียนอันจะไปคุ้นชินเส้นทางได้อย่างไร เจ้าอย่ากังวลไปเลย ข้าย่อมปลอดภัยแน่นอน ฝากเจ้าดูเด็กๆ ด้วย ข้าไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
เสี่ยวม่านเป็นกังวลแต่ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อฮองเฮาทรงยืนยันเช่นนั้น นางคงทำได้แค่ภาวนาขอให้ทรงปลอดภัยไม่ถูกผู้ใดจับได้ก็พอ