เวลานี้จินเยว่ต้องการเดินดูรอบ ๆ หมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่ในตอนนี้ จินเยว่สรุปได้แล้วว่านี้ไม่ใช่ความฝัน เพราะคนเราไม่สามารถฝันเป็นเรื่องเป็นราวได้ต่อเนื่องมากมายได้ขนาดนี้
ถึงแม้ก่อนที่เธอจะนอนหลับ จินเยว่จะมีเรื่องให้ต้องคิดมากมายแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วเธอก็กลับมาฝันต่อจากเรื่องราวเดิมที่ค้างอยู่ และเรื่องราวที่ในตอนนี้เหมือนกับดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ อย่างในเวลานี้ จินเยว่ต้องตื่นลุกขึ้นมาทำงาน เธอจึงสรุปได้ว่าเธอไม่ได้กำลังฝันอยู่ แต่เป็นวิญญาณของเธอที่สามารถย้อนกลับมายุคอดีตได้จริง ๆ
จินเยว่เดินดูรอบหมู่บ้านอย่างช้า ๆ เพื่อเก็บรายละเอียดอื่น ๆ ของหมู่บ้านที่อยู่ในตอนนี้ เพราะในความทรงจำของร่างจินเยว่คนก่อนไม่ค่อยมีข้อมูลและความทรงจำเกี่ยวกับหมู่บ้านแห่งนี้มากนัก
จินเยว่าเจ้าของร่างคนก่อนเป็นหญิงสาวที่เก็บตัวไม่ค่อยชอบพูดคุยกับคนผู้คน นอกจากทำงานและกลับบ้านพักแล้ว หญิงสาวคนนี้แทบจะไม่เคยเดินออกไปไหนเลย
จินเยว่เห็นบ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านก่อด้วยอิฐด้วยปูน ที่บริเวณกำแพงบ้านมีสีซีดเก่าไปตามกาลเวลา บ่งบอกถึงอายุของตัวบ้านที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลนานแล้ว บ้านบางหลังก็ฉาบด้วยดินเหนียวหยาบ ๆ ประตูหน้าต่างของบ้านถูกปิดทับด้วยกระดาษ หรือไม่ก็ใช้ผ้าในการปิดกั้นหน้าต่างไว้ หลังคาของบ้านมุงด้วยแผ่นกระเบื้องหรือแผ่นดินเผา
บ้านหนึ่งหลังมีสมาชิกในครอบครัวอาศัยรวมกันอยู่จำนวนมาก เพราะในยุคนี้ผู้คนยังไม่นิยมแยกบ้านกันอยู่ จึงทำให้ลูกชายทุกคนต้องอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับพ่อแม่ ในช่วงยุคสิ่งของขาดแคลนเช่นนี้ ทำให้ผู้คนต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างยากลำบาก
การจะสร้างบ้านสักหลังต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้คนจึงต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ลูกชายอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับพ่อแม่เพื่อแสดงความกตัญญู ส่วนลูกสาวถ้าแต่งงานแล้วก็ต้องย้ายออกไปอาศัยอยู่กับสามี เพื่อดูแลและรับใช้พ่อแม่สามีต่อไป
“จินเยว่”
เสียงเรียกชื่อของเธอดังขึ้นอยู่ด้านหลัง ทำให้จินเยว่ที่กำลังจะเดินไปข้างหน้าต้องหยุดเดิน เธอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นยุวชนนักศึกษาชาย ในความทรงจำของร่างนี้ทำให้เธอรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ชื่อว่าป๋อเหวิน
ป๋อเหวินเป็นยุวชนที่ถูกครอบครัวส่งให้มาทำงานที่หมู่บ้านชนบทแห่งนี้ ชายหนุ่มมีรูปร่างไม่สูงมากนัก แต่มีใบหน้าที่ดูดีพอสมควรบรรยากาศรอบตัวมีกลิ่นอายของคนที่มีการศึกษา
จึงทำให้หญิงสาวในหมู่บ้านชนบทแห่งนี้ต่างก็ต้องการจะแต่งงานกับเขา หญิงสาวหนึ่งในนั้นรวมถึงจินเยว่คนก่อนด้วยที่หลงใหลไปกับภาพลวงตาของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
“ป๋อเหวิน นายเรียกฉันมีอะไร?”
“ฉันได้ยินว่าเธอไม่สบาย เธอดีขึ้นหรือยัง?”
“ฉันสบายดีแล้ว”
“เธอต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ ฉันเป็นห่วงเธอนะจินเยว่”
“อืม ขอบใจ”
เมื่อเห็นว่าป๋อเหวินพูดเสร็จแล้วก็ยังไม่ได้เดินจากไปสักที ทำให้จินเยว่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ชายหนุ่มคนนี้ทุกครั้งที่เจอกับเจ้าของเดิมร่างนี้ เขาจะต้องนัดเจอกันในที่ลับตาคนหรือไม่ก็นัดเจอกันตอนมืด ๆ
ป๋อเหวินให้เหตุผลที่น่าเชื่อถือว่าเขาเป็นห่วงชื่อเสียงของหญิงสาว กลัวจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียงในทางที่ไม่ดี
แต่ในความเป็นจริงแล้วจินเยว่คิดว่าเขาเพียงรู้สึกอับอายที่จะต้องพูดคุยกับจินเยว่คนก่อน ที่มีรูปร่างหน้าตาขี้เหร่แถมยังมีฐานะยากจนอีกด้วย แต่หญิงสาวที่ไม่เคยมีชายหนุ่มคนไหนเข้ามาพูดคุยอย่างจินเยว่ ก็หลงใหลไปกับคำโกหกของอีกฝ่าย
“นายมีอะไรกับฉันอีกไหม?”
“เออ จินเยว่ฉันขอยืมเงินเธอสักห้าหยวนได้ไหม ถ้าครอบครัวฉันส่งเงินมาให้ฉันจะรีบคืนเธอทันที ฉันจำเป็นต้องเอาไปซื้อกระดาษกับปากกา”
โอ้ ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่มีความกล้าหาญจริง ๆ ที่เอยปากขอยืมเงินผู้หญิงแบบนี้
“ป๋อเหวินเวลานี้ฉันไม่มีเงินให้นายยืมอีกแล้ว นายเคยยืมเงินฉันไปเมื่อปีที่แล้วสิบหยวนถึงตอนนี้นายก็ยังไม่คืนฉันเลย แล้วฉันจะมีเงินที่ไหนมาให้นายยืมอีก”
“จินเยว่เธอกำลังทวงเงินกับฉันอยู่ใช่ไหม?”
ป๋อเหวินพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ จินเยว่ผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้กล้าที่จะทวงเงินกับเขา ไม่ดูสารรูปตัวเองเสียบ้างเลยว่าหน้าตาน่าเกลียดขนาดไหน เขาลดตัวลงมาคุยด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“ถ้าฉันทวงถามนายจะคืนให้ฉันไหมล่ะ?”
“ตอนที่เธอให้เงินนั้นกับฉัน เธอบอกว่าไม่จำเป็นต้องค*****นเธอก็ได้เธอจำไม่ได้หรือไง”
“โอ้ ดูนายสิทำไมถึงทำตัวเป็นคนไร้ยางอายเช่นนี้ ฉันบอกนายว่าไม่ต้องคืนนายก็ไม่ต้องคืนอย่างนั้นหรือ นายยังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่ไหมหน้าไม่อายจริง ๆ”
“จินเยว่ เธอส่องกระจกดูสารรูปตัวเองบ้างนะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันรู้สึกสงสารเธอ ฉันก็คงไม่ลดตัวลงมาพูดคุยกับเธอหรอก”
ป๋อเหวินตะโกนด้วยน้ำเสียงที่โมโห ยายผู้หญิงขี้เหร่คนนี้กำลังด่าเขาว่าหน้าด้าน ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนหล่อนเป็นคนวิ่งตามตูดเขาเองแท้ ๆ
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ค*****นฉันมาสิ แล้วต่อไปก็ไม่ต้องมาพูดกับฉันอีก”
“เหอะ! เธอฝันไปเถอะ ต่อไปอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าที่แสนจะอัปลักษณ์และน่าเกลียดของเธอก็แล้วกัน”
ป๋อเหวินพูดพร้อมกับสะบัดหน้าพร้อมกับเดินหนีจากจินเยว่ ทำไมเขาจะค*****นให้กับเธอด้วย ไม่มีหลักฐานไม่มีสัญญายืมเงินไม่มีพยาน
เช่นนี้ถ้าจินเยว่ป่าวประกาศออกไปจะมีใครเชื่อว่าเธอมีเงินให้เขายืมถึงสิบหยวน และคนอย่างป๋อเหวินจะมายืมเงินคนที่ยากจนเช่นจินเยว่ได้อย่างไร
จินเยว่มองตามหลังของเด็กหนุ่มไปอย่างขำ ๆ อะไรกันเงินก็เงินของเธอ ถึงแม้จะไม่ใช่เงินของเธอโดยตรง แต่ตอนนี้วิญญาณของเธอมาอาศัยอยู่ในร่างนี้แล้ว ทรัพย์สินของจินเยว่คนก่อนก็ต้องถือเป็นทรัพย์สินของเธอโดยชอบธรรมสิ ทำไมเด็กหนุ่มคนนั้นถึงทำเหมือนกับว่า การทวงถามเงินของตัวเองคืนเป็นเรื่องที่เธอไม่สมควรกระทำ
เธอไม่อยากสนใจเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว จินเยว่เดินไปท้ายหมู่บ้านตามความทรงจำของร่างนี้ ที่ท้ายหมู่บ้านใกล้ ๆ มีแม่น้ำไหลผ่านอยู่สายหนึ่ง ถึงแม้จะแห้งไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนแต่เมื่อปีที่แล้วมีฝนตกหนักและแม่น้ำก็เริ่มมีน้ำมากขึ้น ชาวบ้านส่วนมากจะมาซักผ้าที่แม่น้ำแห่งนี้ จินเยว่อยากจะล้างหน้าล้างตาสักหน่อยก่อนที่จะกลับไปทำงานในช่วงบ่าย
จินเยว่นั่งตะลึงมองรูปร่างหน้าตาของตัวเองที่อยู่ในน้ำอย่างตกใจ เพราะที่บ้านของยุวชนไม่มีกระจกทำให้จินเยว่ไม่เคยเห็นใบหน้าของร่างนี้ชัด ๆ เมื่อมาเห็นหน้าตาของร่างจินเยว่ที่อยู่ในน้ำ ทำให้วิญญาณของคุณหมอที่มาจากอนาคตต้องตกตะลึง
ใบหน้าของร่างนี้ดูดำคล้ำจุดดำ จุดด่างเต็มไปทั่วใบหน้า ผมที่ยาวดูเหมือนไม่ได้สระมาหลายวันแล้ว และแล้วเธอก็ได้รู้ว่าร่างกายนี้ไม่ได้อาบน้ำมาเกือบจะหนึ่งสัปดาห์แล้ว วิญญาณของจินเยว่อยากจะหลุดลอยออกจากร่างนี้ในทันที ช่างเป็นหญิงสาวที่สกปรกยิ่งนักคนที่มีอาชีพเป็นหมอเช่นเธอรับไม่ได้
และเมื่อรับรู้ว่าตนเองไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน เวลานี้จินเยว่รู้สึกคันหัวและคันไปทั้งตัวทันที อย่าบอกนะว่าบนหัวนี้มีเหาด้วย
จินเยว่อยากจะบ้าตาย เวลานี้เธอรับตัวเองไม่ได้สุด ๆ ความสกปรกนี้เธอได้แต่ใดมา ทั้งที่อากาศช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อนแท้ ๆ แต่ทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงไม่ยอมอาบน้ำ
โอ้ย!!! ไม่รู้ก็ไม่คันแต่พอรู้ว่าไม่ได้อาบน้ำเป็นเจ็ดวันแล้ว จินเยว่ก็รู้สึกคันเหมือนกับอุปทานไปเอง
เสียงนาฬิกาของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลุกให้จินเยว่ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องพักโรงแรมที่หรูหราต้องลืมตาตื่นขึ้นมา
จินเยว่ลุกขึ้นนั่งมองดูสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่บ้านปูนเก่า ๆ และเตียงนอนไม้ไผ่ที่มีเพียงผ้าบาง ๆ เก่าๆ ปูรองเตียงก่อนที่จะหลับไปก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อนึกถึงร่างของเด็กสาวที่ไม่ได้อาบน้ำเป็นเวลานานถึงหนึ่งสัปดาห์ทำให้เธอรู้สึกคันเนื้อคันตัวขึ้นมาอีกครั้ง
เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อที่จะไปอาบน้ำ จินเยว่ถูสบู่หลายรอบก่อนที่จะสระผมอีกหลายครั้ง เพื่อให้ความรู้สึกคันออกไปจากจิตใต้สำนึก ก่อนที่จะแต่งตัวมานั่งกินอาหารเช้าที่ระเบียงเพื่อใช้ความคิด
ถ้าสมมุติว่าวิญญาณของเธอไม่สามารถกลับมาในยุคปัจจุบันได้ร่างของเธอในยุคนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป จินเยว่นึกถึงฝันครั้งแรกของเธอเมื่อเธอนอนหลับ เธอตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กสาวที่ชื่อจินเยว่ที่มีชีวิตอยู่ในอดีต และถ้าจินเยว่ในอดีตนอนหลับวิญญาณของเธอจะตื่นขึ้นมาในร่างของเธอในยุคปัจจุบัน
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าวิญญาณของเธอจะย้อนเวลากลับไปยุคอดีตทุกครั้งที่เธอนอนหลับตอนกลางคืนอย่างนั้นใช่ไหม?
ทำไมเธอถึงไม่เหมือนนางเอกในนิยายที่เคยอ่าน เวลานางเอกย้อนเวลากลับไปแล้ว จะต้องมีมิติพื้นที่เก็บของส่วนตัวสามารถเอาของใช้ของกินในยุคปัจจุบันไปใช้ในยุคอดีตได้
เธอไปแต่วิญญาณไม่มีอะไรตามไปเลย มีแต่ความลำบากและความหิว แถมร่างของคนที่เธอไปอยู่ก็ขี้เหร่สุด ๆ แถมยังสกปรกอีกด้วย ว่าแล้วก็ยังขนลุกไม่หาย คนอะไรไม่อาบน้ำตั้งหลายวันถ้าอากาศหนาวเธอจะไม่ว่าอะไรนะ
เมื่อเธอต้องย้อนเวลาไปยุคอดีต เธอก็ต้องศึกษาหาความรู้ในช่วงเวลาของยุคนั้นไว้ เพื่อที่เธอย้อนกลับไปจะสามารถแก้ไขสภาพความเป็นอยู่ของตัวเธอในยุคอดีตให้ดีขึ้นได้ จินเยว่ตัดสินใจศึกษาหาข้อมูลการปฏิวัติทางวัฒนธรรม เผื่อจะมีประโยชน์สำหรับตัวเธอเอง
“ถ้าฉันนอนหลับในยุคปัจจุบันวิญญาณของฉันจะไปตื่นในยุคอดีต แล้วถ้าฉันไม่หลับแสดงว่าฉันก็ไม่ต้องย้อนเวลาไปใช่ไหม?”
จินเยว่ล้มเลิกแผนการท่องเที่ยวของเธอ ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านเก่าของคุณยายภายในวันนี้ เพราะเธอกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นกับตัวเอง
คืนนี้จินเยว่นั่งชดกาแฟแก้วที่สาม เธอตั้งใจว่าคืนนี้จะไม่นอนเธอต้องการพิสูจน์ความเป็นไปได้ เธอเรียนแพทย์มาทุกอย่างต้องสามารถอธิบายที่ไปที่มา ทุกสิ่งต้องมีหลักการและเหตุผล
ช่วงเวลาที่จินเยว่เข้าเวรที่โรงพยาบาลเธออดหลับอดนอนได้เป็นเวลาหลายสิบชั่วโมง จึงทำให้เธอไม่มีปัญหาสำหรับการอดนอนแค่หนึ่งคืน เสียงนาฬิกาดังขึ้นบอกเวลาหกโมงเช้าทำให้จินเยว่ลุกจากโซฟาเดินออกไปนอกบ้าน
เป็นอย่างที่เธอคิดไว้จริง ๆ ถ้าไม่นอนหลับวิญญาณของเธอก็ไม่ต้องย้อนไปอดีต จินเยว่สงสัยว่าร่างของจินเยว่ที่อยู่ในอดีตไม่มีวิญญาณของเธอไปอยู่จะเป็นยังไง
หรือร่างนั้นจะกลายเป็นเจ้าหญิงนินทราที่นอนหลับไม่ยอมตื่นตลอดไป แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะอยู่แบบไม่ต้องนอนได้ตลอดชีวิต
ถ้าเธอนอนหลับตอนกลางวันในยุคปัจจุบัน วิญญาณของเธอจะสามารถย้อนกลับไปในยุคอดีตได้หรือไม่ เพราะทุกครั้งที่วิญญาณของเธอไปย้อนไปยังยุคอดีตจะเป็นช่วงเวลากลางคืนที่เธอนอนหลับ
เพื่อคลายความสงสัยจินเยว่ตัดสินใจอาบน้ำแล้วกินอาหาร ก่อนจะเตรียมตัวเข้านอนเธออยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้าเธอย้อนไปยุคอดีตในช่วงเวลาที่เธอนอนกลางวันที่นั้นจะเป็นยังไง
จินเยว่รู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงของนาฬิกาปลุก เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงียตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายสองโมงแล้ว เมื่อเช้าเธอหลับไปประมาณเก้าโมงเกือบสิบโมงเธอหลับไปสามสี่ชั่วโมง แต่เธอไม่ได้ย้อนไปในยุคอดีตนั้นแสดงว่าวิญญาณของเธอไม่สามารถย้อนไปในยุคอดีตช่วงเวลาที่นอนหลับตอนกลางวันได้