จินเยว่นอนมองหลังคาบ้านที่ทำด้วยฟางข้าวด้วยสายตาว่างเปล่าอีกครั้ง เธอกำลังฝันอยู่ใช่ไหมแต่ฝันของเธอครั้งนี้ไม่มีความหิวอีกแล้ว
“จินเยว่ เธอตื่นแล้วใช่ไหม กัปตันทีมให้เอาอาหารปันส่วนของเธอในเดือนนี้มาให้”
“ขอบใจนะเจียลี่”
“ไม่เป็นไร กัปตันทีมรู้ว่าเธอเป็นลมหมดสติไปเพราะความหิว จึงได้ปันส่วนของเดือนนี้มาให้เธอก่อนคนอื่น เธอรีบไปทำอะไรกินก่อนเถอะฉันจะไปซักผ้าก่อน”
จินเยว่มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินออกไปจากประตูห้องนอนอย่างมึนงง สรุปนี้ยังเป็นความฝันอยู่ใช่ไหมเธอกำลังฝันต่อจากครั้งที่แล้ว ทำไมเธอถึงรู้จักชื่อของผู้หญิงคนนั้นละสรุปว่าความทรงจำที่เธอมีอยู่ในสมองนี้มันคืออะไร จินเยว่หยิกแขนตัวเองอย่างแรงเพื่อพิสูจน์ว่าความจริงหรือความฝัน
“โอ้ย!!...อู้ยย เจ็บมากเลย สรุปว่านี้คือความจริงใช่ไหม?”
เธอย้อนอดีตมาอยู่ในร่างของคนอื่นจริง ๆ ใช่ไหม จินเยว่ไม่อยากจะเชื่อเลย เธอเรียนจบแพทย์มา ทุกอย่างที่เธอรู้ต้องเป็นวิทยาศาสตร์ ต้องสามารถพิสูจน์ได้ด้วยเหตุและผล แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับจินเยว่ในตอนนี้ เธอไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
การที่จะสามารถย้อนมาในอดีตได้และมาอยู่ในร่างของใครก็ไม่รู้ที่มีชื่อเหมือนกัน และยังได้ความทรงจำของร่างนี้มาด้วย มันไม่มีความเป็นจริงและไม่สามารถเป็นไปได้ ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ มันเป็นไปไม่ได้ในแง่ของวิทยาศาสตร์ เธอเป็นคนรุ่นใหม่ถูกสอนให้เชื่อแต่เรื่องวิทยาศาสตร์ จินเยว่ไม่เชื่อเรื่องศักดินาและสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น
จินเยว่เอนตัวลงนอนด้วยอาการเวียนหัว ถ้าให้เธอย้อนกลับมาอยู่ในยุคอดีตจริง ๆ เธอคงจะมีชีวิตต่อไปอีกไม่ได้แน่ ๆ หลัก ๆ เลยเธอก่อไฟไม่เป็นทำอาหารไม่ได้ ถึงแม้เธอจะอยู่กับคุณยายที่ชนบทแต่ชีวิตก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น
จินเยว่เธอต้องนอนให้หลับนี้เป็นเพียงความฝันอย่าตื่นเต้น อย่าตกใจเธอเพียงแค่หลับแล้วฝันไปถ้าฉันตื่นขึ้นมาฉันจะอยู่บนเตียงที่มีที่นอนหนานุ่มและผ้าห่มอุ่น ๆ เธอจะอยู่ภายในบ้านที่เคยอยู่กับคุณย่า หลับตาลง นอน นอนให้หลับเธอจงหลับ จินเยว่สะกดจิตตัวเองให้นอนก่อนที่เธอจะหลับไปจริง ๆ
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ จินเยว่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเธอจึงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างมึนงงอีกครั้ง เธอมองดูฝ้าเพดานห้องสีขาวที่ทำจากวัสดุที่ทันสมัย ที่นอนหนานุ่มและผ้าห่มที่มีกลิ่นหอม ต่างจากในฝันที่เธอเห็นเป็นอย่างมากจินเยว่ยิ้มอย่างดีใจ
“ใช่มันเป็นเพียงแค่ฝันไปจริง ๆ”
จินเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงนอน เมื่อก้าวเท้าลงจากเตียงเท้าของเธอก็สะดุดของบางอย่างที่อยู่ข้างเตียงจนเกือบจะล้มลง
“ใครเอาอะไรมาไว้ตรงนี้??”
จินเยว่ก้มลงจับถุงผ้าเก่า ๆ ที่ตัวเองสะดุดเกือบล้มอย่างสงสัย เธอเปิดดูด้วยความอยากรู้ว่าอะไรอยู่ข้างใน ก่อนที่จะมองอย่างตกตะลึง
“แป้งข้าวโพดที่บดมันมาได้ยังไง??”
จินเยว่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ ไม่จริงใช่ไหมมันเหมือนกับถุงผ้าของหญิงสาวที่อยู่ในฝันเอามาให้เธอเลย เธอเรียกผู้หญิงคนนั้นชื่อว่าอะไรนะ
จินเยว่พยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออกทำไมเธอถึงนึกไม่ออกนะ หรือมีใครเอาเข้ามาไว้ในห้องนอนของเธอ หรือมีคนแกล้งเธอ จินเยว่คิดด้วยความหวาดกลัวเพราะถ้ามีคนเอาเข้ามาไว้จริง ๆ แสดงว่าเธอกำลังถูกจับตามองอยู่ใช่ไหม แต่บ้านของเธอก็มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครแอบเข้ามาโดยที่สัญญาณกันขโมยจะไม่ดังขึ้น
“หรือเป็นเพราะช่วงนี้เราจะเครียดเกินไป?”
ใช่อาจจะเป็นเพราะเธอเครียดเกินไปไหนจะเรื่องที่คุณยายเพิ่งเสียชีวิต ไหนจะเรื่องอี้หานแฟนหนุ่มและซินอี้เพื่อนสนิทแอบคบกันลับหลังเธออีก เธอต้องหาเวลาไปพักผ่อนสักหน่อยก่อนที่วันลาพักร้อนของเธอจะหมด
จินเยว่ตัดสินใจเก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางไปพักผ่อนอย่างที่คิดไว้ทันที เธอตัดสินใจเที่ยวที่กว่างโจวก่อนแล้วค่อยเดินทางไปเที่ยวที่เซินเจิ้นต่อ
ถึงแม้จินเยว่จะเติบโตที่กว่างโจวกับคุณยาย แต่เธอก็ไม่มีเวลาที่จะไปเที่ยวที่ไหนเลย นอกจากสถานที่แถวใกล้บ้าน หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแพทย์ เธอก็เริ่มทำงานจึงไม่มีเวลาว่างที่จะไปเที่ยวไหนเลย อาชีพของเธอเป็นอาชีพที่มีรายได้มั่นคงแต่ก็เป็นอาชีพที่ไม่เคยมีเวลาว่างเป็นของตัวเองเลย
หลังจากที่จินเยว่ตัดสินใจลาออกจากโรงพยาบาลที่ปักกิ่ง เพื่อมาทำงานโรงพยาบาลที่กว่างโจว เธอจึงได้มีวันหยุดแบบคนอื่นเขาสักที เธอโชคดีที่คุณยายมีมรดกส่วนตัวพอสมควร ท่านจึงสามารถจ่ายค่าเลี้ยงดูเธอในสมัยก่อนได้อย่างไม่ขัดสนอะไร และยังสามารถส่งเธอเรียนจนจบมหาวิทยาลัยแพทย์ได้
เพราะคุณยายมีแม่ของเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ท่านจึงตัดสินใจมอบมรดกทุกอย่างให้กับจินเยว่ที่เป็นหลานสาว เพื่อเป็นการชดเชยที่แม่ของเธอทิ้งเธอไปมีครอบครัวใหม่
คุณยายเคยบอกเธอว่า หลานสาวอีกสองคนที่เป็นลูกสาวของแม่เธอ พวกเขามีพ่อกับแม่หาให้อยู่แล้ว ไม่เหมือนกับจินเยว่ที่เป็นเด็กกำพร้าไม่มีทั้งพ่อและแม่ ท่านจึงตัดสินใจมอบมรดกของท่านให้จินเยว่
หลังจากเสร็จพิธีงานศพของคุณยาย ทนายความที่ได้รับมอบหมายก็ได้เดินทางมาเปิดพินัยกรรมของคุณยาย แม่ของเธอคัดค้านพินัยกรรมที่คุณยายทำไว้แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะพินัยกรรมที่คุณยายได้ทำไว้นั้น ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าจินเยว่เป็นทายาทรับมรดกแต่เพียงผู้เดียว หากเธอเป็นอะไรไปหรือไม่สามารถรับมรดกได้ ให้บริจาคทรัพย์สินทั้งหมดให้กับองค์กรของรัฐบาลเพื่อการกุศลทันที ทำให้แม่ของเธอต้องกลับไปด้วยความโมโห
จินเยว่แพคกระเป๋าเสื้อผ้าใส่ท้ายรถยนต์ วันนี้เธอตั้งใจจะไปเที่ยวแบบค่ำไหนนอนนั่น และจะขับรถออกไปเที่ยวนอกเมือง ด้วยหวังว่าความฝันบ้า ๆ นั้นจะไม่ติดตามไปหลอกหลอนเธอ จินเยว่ขับรถมุ่งหน้าสู้สถานที่ท่องเที่ยวด้วยใจที่เบิกบาน วันหยุดที่แสนจะโหยหา ในที่สุดก็มีวันที่ได้แบกกระเป๋าเที่ยวเหมือนคนอื่น ๆ สักที
สถานที่แรกที่จินเยว่ไปก็คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านกว่างโจว เมืองกว่างโจว ซึ่งสร้างในสมัยราชวงศ์ชิง จินเยว่ใช้เวลาเกือบครึ่งวัน ในการเดินชมความงามและซึมซับบรรยากาศและกลิ่นอายของคนโบราณสมัยก่อน
จินเยว่ออกจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านกว่างโจว ก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมง เธอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะใช้เวลานานขนาดนี้ จินเยว่ใช้เวลาอยู่ในนั้นเกือบสี่ชั่วโมงอยู่ภายในนั้น สงสัยคืนนี้ต้องหาที่พักแถวนี้แล้วละเพราะตอนนี้เธอหิวมาก จินเยว่ตัดสินใจหาโรงแรมที่พักใกล้ ๆ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจึงทำให้มีโรงแรมที่พักหลายแห่ง
“สวัสดีซินหยาง”
จินเยว่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นพอดี เมื่อเห็นชื่อที่โทรมาจึงกดรับ
“ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
น้ำเสียงปลายสายที่ถามเธอมีน้ำเสียงห่วงใยและกังวล ทำให้จินเยว่ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่างกระจกของห้องพักภายในโรงแรม ต้องยกยิ้มด้วยความอ่อนใจกับความห่วงใยของเพื่อนชายเธอคนนี้
“ฉันอยู่ในช่วงพักร้อน ตอนนี้กำลังท่องเที่ยวอยู่”
“จินเยว่ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“อืม ฉันสบายดี”
“เธอโทรหาเราสองคนได้ตลอดเวลาเข้าใจไหม?”
“ฉันรู้ ขอบใจนายกับถิงถิงที่คอยห่วงใยฉัน”
“พวกเราเป็นเพื่อนกัน”
“ใช่ฉันดีใจมากที่ได้เป็นเพื่อนกับนายและถิงถิง พวกเธอทั้งสองคนดีกับฉันมาก”
“อืม ดูแลตัวเองดี ๆ นะจินเยว่ อย่าลืมโทรมาหาพวกเราถ้าเธอว่างเธอต้องมาเยี่ยมพวกเรานะ ถ้าฉันกับถิงถิงว่างจะไปหาเธอที่กว่างโจว”
“ได้ถ้ามีเวลาว่างฉันจะโทรหา”
“โอเค ฉันต้องไปทำงานต่อแล้ว”
“อืม บอกถิงถิงด้วยว่าฉันคิดถึง”
“แล้วฉันจะบอกให้ บาย”
“บาย”
จินเยว่ยืนทอดสายตามองดูแสงไฟที่อยู่ด้านล่าง คืนนี้เธอพักโรงแรมหรูระดับห้าดาว นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแบบนี้ ตั้งแต่คุณยายเริ่มป่วยเธอก็ไม่เคยนอนหลับได้สนิทสักคืน
ถึงแม้เธอจะเป็นหมอเห็นคนเกิดแก่เจ็บตายบ่อยครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะชินชากับการสูญเสีย ยิ่งเป็นคนใกล้ชิดและคนที่รักเธอยิ่งทำใจไม่ได้
เพราะเหตุการณ์ที่เธอสูญเสียคนที่ตนเองรักไป ทำให้จินเยว่อดคิดไม่ได้ว่า สิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงจินตนาการของจิตใต้สำนึกของเธอสร้างขึ้นมาเอง คนเราสามารถย้อนเวลาไปเป็นคนอื่นได้จริง ๆ หรือ