มหาวิทยาลัย
ผมเดินมาเปิดประตูรถให้คุณหนูท่ามกลางสายตาของนักศึกษาและอาจารย์ที่อยู่แถวนี้
“รอฉันแถวนี้แหละ”
“ไม่ได้ครับ ท่านไคบอกให้ผมอยู่กับคุณหนูตลอดเวลาห้ามปล่อยให้คาดสายตา”
“เข้าห้องน้ำก็ต้องตามไปเฝ้าเหรอ”
“คุณหนูครับ สถานการณ์แบบนี้อย่าดื้อนักเลยผมไม่ใช่บอดี้การ์ดโนเนม ถ้าคุณหนูไม่เชื่อฟังผม ผมจะปล่อยให้พวกมันจับคุณหนูไปเป็นหนูทดลองยา”
“พูดบ้าอะไรฉันเป็นถึงคุณหนูมายูลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านไคใครจะกล้า”
“นั่นแหละที่มันต้องการ คุณหนูมีเลือดของสองประเทศแถมยังเป็นลูกสาวของผู้มีอิทธิพลถึงสองประเทศ”
“พอๆๆเลิกพูดอยากตามก็ตามมา แต่ห้ามเข้าใกล้เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าฉันมีแฟนเป็นตาแก่ขี้บ่น”
คำก็แก่ สองคำก็แก่ผมถึงกับต้องหันไปมองกระจกรถทันที หล่อขนาดนี้มาบอกแก่เด็กบ้า! ผมเดินตามานั่งอยู่แถวห้องเรียนของเธอนี่เลือกเรียนแพทย์อย่างนั้นเหรอ จะรอดหรือร่วงกันแน่ฮ่าๆ
ระหว่างที่อาจารย์หมอกำลังอธิบายเกี่ยวการปรับพื้นฐานที่ผมเคยได้เรียนมาแล้ว ดูเธอก็สนใจเรียนในระดับหนึ่งแต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันยังไม่พอ คิดจะเรียนหมอต้องมีมานะมากกว่านี้
“มายูคุณลืมส่งงานผมหรือเปล่าครับ”
“จริงด้วย นี่นายบอดี้การ์ดฉันลืมงานไว้ในรถลงไปเอาให้หน่อยสิ”
ถามจริง!! ผมต้องทำขนาดนี้เลยใช่ไหม นี่เป็นบอดี้การ์ดหรือเป็นทาสรับใช้กันแน่ ประเทศนี้เขาสอนลูกหลานกันแบบนี้หรือเป็นที่ยายเด็กนี่คนเดียว
“เร็วๆสิ!”
“ครับ”
ผมกลับขึ้นมาก็สวนกับนักศึกษาคนอื่นๆที่เดินลงมา ตอนนี้คุณหนูมายูกำลังยืนคุยกับอาจารย์หมอที่หน้าห้องเรียน เมื่อเธอเห็นผมก็รีบยื่นมือมารับงานส่งให้อาจารย์
“หนูรีบไปหน่อยเลยลืมขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นอะไรครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนดีกว่า”
ผมมองสายตาของคุณหนูที่มองอาจารย์หมออย่างปราบปลื้ม เหอะเด็กหนอเด็กไอ้อาจารย์ของเธอเนี่ยอายุก็พอๆกับผมเลย หล่อน้อยกว่าผมด้วยซ้ำ สวยแต่ตาต่ำจริงๆ
“นายด่าฉันอยู่หรือเปล่าฮะ”
“เปล่านะครับ” ทีเรื่องแบบนี้ทำเป็นรู้ดี “คุณหนูจะไปที่ไหนอีกไหมครับ”
“ไปร้านดอกไม้ พาไปหน่อยได้ไหม”
“ได้ครับ ว่าแต่คุณหนูจะไปทำไมเหรอครับ”
คุณหนูมายูไม่ตอบแต่เธอเดินนำผมลงมาที่รถ เมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาคุณหนูมายูก็เอาแต่นั่งเงียบ
“คุณหนูเครียดเรื่องเรียนหรือเปล่าครับ”
“อืม.. ก็มีส่วนเมื่อตอนเด็กๆฉันชอบไปเล่นกับลุงคิมที่แลป อยากเป็นคุณหมอตั้งแต่ตัวน้อยๆ แต่พอตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันอาจจะเป็นหมอที่ดีไม่ได้”
“ทำไมล่ะครับ”
“ช่วงนี้ลุงคิมไม่มีเวลาติวให้ฉัน คุณพ่อก็ต้องเดินทางตลอด ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่จะมีความพัฒนาต้องคอยรับแรงผลักดันอยู่ตลอด”
“เหรอครับ ผมว่าคุณหนูใจเย็นๆก่อนดีกว่าปีหนึ่งมันต้องมีเรียนปรับพื้นฐานต่างๆนาๆต้องลื้อความรู้ตั้งแต่ม.ปลายมาใช้ อ่านหนังสือเยอะๆไม่เข้าใจตรงไหนก็จดไว้แล้วก็ค่อยมาอ่านใหม่”
“พูดอย่างกับเคยเรียน เหอะ”
แหม ยอกย้อนดีนักนะก็เคยเรียนไงถึงได้กล้าสอนปีแรกมันก็ต้องปูพื้นฐานต้องช่วยตัวเองอ่านหนังสือเยอะๆ ช่วงแรกมันก็จะหนักจนแทบอ้วกแต่ถ้ามีความพยายามยังไงก็ทำได้ ดูทรงแล้วยายคุณหนูคงไม่รอด
ผมพาเธอมาร้านดอกไม้ก็ไม่รู้ว่าจะมาทำไม ผมเดินตามเข้ามาในร้านกลิ่นหอมของดอกไม้ทำเอาผมเคลิ้มไปเลย
“สวัสดีค่ะมายูมารับดอกไม้ค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณหนูมายู รอสักครูนะคะ”
ช่อกุหลาบสีขาวถูกยกออกมาทำให้ผมต้องรีบเดินเข้าไปรับให้คุณหนู สวยเหมือนกันนะว่าแต่จะเอาไปให้ใครกัน
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหนครับ”
“เดี๋ยวฉันบอกทางเอง รีบไปเถอะ”