ผมขับรถมาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง คุณหนูมายูจึงรีบถือช่อดอกไม้ลงไป และคนที่เดินออกมารับเธอ คืออาจารย์หมออย่างนั้นเหรอ ยายเด็กนี่แซ่บกับอาจารย์เหรอวะ
“นายบอดี้การ์ดรออยู่นี่แหละ”
“ครับ”
ผมถือวิสาสะเดินดูรอบๆบ้าน บ้านนี้กล้องวงจรเยอะมากคนสวนก็มีหลายคน เป็นถึงอาจารย์หมอไม่แปลกหรอกขนาดผมเองก็มีคนดูแลไม่ต่างกัน
ด้านมายูตอนนี้เธอเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ มีสาวสวยคนนึงกำลังรอเธอด้วยความดีใจ ทั้งสองเข้าไปสวมกอดกันด้วยความคิดถึง
“ปุยนุ่นฉันเอาดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ด้วยนะ”
“ขอบใจนะ อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนไหม”
“ฉันมีบอดี้การ์ดมาด้วยคงอยู่นานไม่ได้ อาจารย์หมอคะปุยนุ่นดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ อาการป่วยภายนอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแต่ภายในนี่สิ”
“พี่คะน้องไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ อยากกลับไปเรียนจะแย่อยู่แล้ว”
“ตอนนี้ข้างนอกมีไวรัสตัวใหม่ที่หมอคิมค้นพบแม้จะไม่มีผู้ป่วยที่ติดไวรัสนี้โดยตรงแต่ก็อดห่วงไม่ได้ ปุยนุ่นไม่แข็งแรงอย่าเพิ่งออกไปไหนเลยดีกว่า”
“อาจารย์หมอพูดถูก แกอยู่ที่บ้านนี่แหละ”
ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ในบ้านโดยมีอาจารย์หมอนั่งทำงานอยู่ไม่ไกล ส่วนพระรามตอนนี้ก็ยังคงเดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้าน ไม่นานอาจารย์หมอก็เดินออกมาส่งมายูด้านนอก
“กลับเลยใช่ไหมครับคุณหนู”
“อืม กลับเลย หนูขอตัวก่อนนะคะอาจารย์”
เป็นผู้หญิงแบบไหนเสนอตัวให้ผู้ชายถึงที่ ผมปิดประตูแรงไปหน่อยทำให้คุณหนูมายูมองแรงใส่ทันที
“ขอโทษครับมือผมลั่น”
ผมรีบขับรถพาคุณหนูเอาแต่ใจกลับมาบ้านนี่แค่ครึ่งวันยังทำให้ผมเกือบจะเป็นไบโพลาร์ ผมเดินตามคุณหนูเข้ามาในบ้านวันนี้ท่านไคคุณพ่อของเธออยู่คนข้างๆน่าจะเป็นหมอคิม อดีตแพทย์ผิวหนังที่ตอนนี้เรียนต่อจนเป็นหัวหน้าทีมวิจัยของที่นี่แล้ว
“คุณพ่อขาคุณลุงขาวันนี้หนูไปหาปุยนุ่นมาด้วย ปุยนุ่นดูสดใสมากเลย”
“พี่ชายเป็นอาจารย์หมอเขาก็ต้องดูแลเพื่อนเราได้อยู่แล้ว”
“ค่ะ ลุงคิมคะทำไมวันนี้ถึงออกมาจากห้องแลปได้ล่ะคะ”
“ก็ได้ข่าวว่ามีคนบ่นถึงลุงไง ลุงเลยต้องมาหา”
“นายบอดี้การ์ด!”
“มายูดีแล้วที่รามมาบอกพ่อ เราจะได้ไม่เครียดไง ตั้งใจเรียนนะรู้ไหม” ผมลูบหัวลูกสาวเบาๆยิ่งโตยิ่งดื้อจริงๆ
“ปีหนึ่งมันจะเหนื่อยหน่อย ต้องลื้อวิชาตั้งแต่ม.ปลายอ่านหนังสือเยอะๆรู้ไหม”
“เอ๊ะ ทำไมลุงคิมพูดเหมือนนายบอดี้การ์ดเลยล่ะคะ”
ทุกคนหันมามองหน้าพระรามที่ยืนอยู่ข้างๆย้งและแม่บ้าน พระรามเองก็เริ่มหาข้อแก้ตัว
“เรื่องนี้ทุกคนก็รู้ทั้งนั้น คุณหนูไม่รู้เหรอครับ”
ทุกคนที่อยู่บริเวณนี้พากันขำแต่เมื่อมายูหันไปมองทุกคนก็รีบเม้มปากหันหน้าหนีกันหมด แม้แต่ท่านไคกับหมอคิมก็ยังหัวเราะ
“ที่รามพูดก็ถูก ว่าแต่ไปเรียนมาก็หลายวันแล้วมีหนุ่มๆมาจีบหรือยัง”
“คุณพ่อขา ใครจะกล้ามาจีบหนูคะ”
“เออนั่นสิ มึงให้บอดี้การ์ดตามติดขนาดนี้แม้แต่หมายังไม่กล้าเดินผ่านเลย”
ท่านไคถึงกับกระตุกยิ้มจากนั้นก็ให้ทุกเตรียมตัวทานอาหารเย็นพร้อมกัน บอดี้การ์ดและแม่บ้านจะได้ไปรวมตัวกันด้านหลังส่วนเจ้านายจะอยู่ในบ้านเพื่อพูดคุยหาลือกัน
“นายบอดี้การ์ด”
“ครับคุณหนู” ผมรีบลุกไปหาคุณหนูมายูที่เดินเข้ามาหาผม
“อ่ะ ถือเป็นการตอบแทนที่นายขับรถให้ฉัน”
กล่องคุกกี้ถูกยื่นมาให้ผม ผมจึงหันไปมองทุกคนบอดี้การ์ดคนอื่นๆและแม่บ้านต่างก็พยักหน้าให้ผมรับไว้ ผมจึงรับมันไว้
“ขอบคุณครับ คราวหลังไม่ต้องก็ได้ครับผมเกรงใจ" นั่นสิวันนี้ผมก็เข้าใจผิดคิดว่าคุณหนูเป็นผู้หญิงใจแตกที่ไหนได้เพื่อนของเธอป่วยอยู่นี่เอง
“พรุ่งนี้ฉันจะไปซื้อของตอนเช้ามาทำขนม อย่าตื่นสายล่ะ”
“ครับ”
ผมมองตามหลังคุณหนูไปจนพ้นสายตา จะว่าไปเธอก็ไม่ใช่คนใจดำอะไรขนาดนั้นนี่มาทำงานกับเธอวันแรกก็มีขนมมาให้ด้วย
“คุณหนูมายูน่ารักนะราม ภายนอกอาจจะดูเอาแต่ใจแต่จริงๆแล้วคุณหนูเป็นเด็กดีมาก วันที่มีโจรปล้นร้านทองในห้างแล้วคุณหนูติดอยู่ข้างใน กลับมาท่านไคทำโทษพวกฉันจนไม่มีใครกล้าเข้ามาห้าม มีแต่คุณหนูที่เข้ามาสารภาพว่าเธอเป็นคนผิดเอง”
“จริงเหรอครับ”
“อยู่ๆไปเดี๋ยวก็รู้เอง”
ผมมองดูความสนิทสนมของคนที่นี่มันต่างจากที่อื่นที่ผมเคยไปอยู่มาจริงๆ ทุกคนที่นี่ถูกปกครองโดยผู้มีอำนาจอย่างท่านไค แต่ท่านไคกับดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
กลางดึกมายูเดินลงมานั่งดูดาวอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน พระรามที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกก้เดินเข้ามาหาคุณหนูเพื่อพูดคุยกัน
“ทำไมยังไม่นอนอีกครับ สี่ทุ่มแล้วนะ”
“ฉันนอนไม่หลับอีกอย่างพรุ่งนี้ไม่มีเรียนด้วยว่าแต่นายเถอะไปไหนมา”
“ผมไป เอ่อ...”
“ช่างเถอะฉันเข้าใจที่นี่มีสถานที่ผ่อนคลายสำหรับผู้ชาย ฉันไม่ว่าอะไรหรอก”
“ครับ..” อะไรกันผมแค่ไปหาข้อมูลอะไรบางอย่างเฉยๆ