ไอติมนั่งรถมาพร้อมกับพี่ชายที่จะไปสนามบินให้ทันเวลา แล้วกลับจะมากรุงเทพอีกครั้งก็เดือนหน้าเพราะจะไปเที่ยวซึ่งเธอไปไม่ได้หรอกเพราะติดเรียน แล้วอีกเหตุผลคือเธอพึ่งไปเที่ยวนิวซีแลนด์เมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เองเลยเงินหมด!
ในร้านอาหารเสี่ยฮายพยายามจะคุยกับเธอเงียบๆ แต่ว่าเธอก็ยังใจร้ายไม่ยอมพูดกับเขาแม้แต่คำเดียวทั้งที่อยู่ติดกันแท้ๆ เธอเห็นแววตาเขามันเต็มไปด้วยความรู้สึกของคนที่คิดถึงเพราะเธอก็คิดถึงเขาเหมือนกันแต่ที่ทำแบบนี้มันจำเป็น
ตลอดเวลาสองเดือนกว่าที่เรารู้จักกันเขาเป็นคนที่นิสัยดีมาก…ดีจนเธอคิดว่าเขาน่าจะได้เจอคนที่ดีกว่าเธออีกเยอะ
“ไอ้ที่นั่งข้างไอติมมันชอบหนูเหรอ?” อาร์มถามขึ้นเพราะสังเกตตั้งแต่อยู่ในร้านอาหารแล้วแต่เงียบเอาไว้ก่อน
“คงงั้นมั้งคะ พี่อาร์มเห็นด้วยเหรอ?”
“ไอติมพี่เป็นผู้ชายพี่ดูมันออก แล้วรู้จักกันนานเท่าไรแล้ว?”
“สองเดือนกว่าแล้วค่ะ”
“แล้วนิสัยมันเป็นไง...รู้ไหม?”
“แล้วพี่อาร์มจะอยากรู้เพื่อ?”
“ก็พี่เห็นว่าสายตาเขาเนี่ยอาลัยอาวรณ์หนูมากไง สรุปคุยกันจริงๆเหรอ แล้วคุยไปถึงขั้นไหนแล้วเล่าให้ฟังหน่อยสิ พี่จะได้สแกนถูกว่าควรเอายังไงต่อ” เขาไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของน้องสาวแต่มันอดใจไม่ได้หรอกก็นี่น้องสาวทั้งคนนะ ไม่แน่ไอ้คนนั้นมันอาจจะเป็นแฟนคนที่สองของไอติมก็ได้ ดังนั้นก่อนจะเป็นอะไรกันมากกว่านี้เขาต้องสแกนให้ดีก่อน ถ้าหากว่ามันไม่เหมาะสมจะได้ขัดขวางทัน
ไอติมเคยมีแฟนคนแรกแต่แม่งเฮงซวยฉิบหาย แล้วยังเกือบจะข่มขืนน้องสาวเขาอีกแต่ดีที่วันนั้นเขาช่วยไว้ทัน หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นไอติมกลายเป็นคนใจร้ายทันที คือชอบให้ความหวังคนอื่นจนคิดไปไกลแต่ตัวเองกลับไม่คิดอะไรเลย
แล้วไอ้ผู้ชายคนนี้มันก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
โคตรน่าสงสารเลยวะ!
“เขาก็นิสัยดีมากนะคะ มีความเป็นผู้ใหญ่สูงแต่น่ารักมากด้วยแล้วเอาใจใส่เก่ง” นี่คือสิ่งที่เธอได้รับจากเสี่ยฮายมาตลอด และเขาเป็นคนที่ดีมากจริงๆ ตั้งแต่รู้จักกันไม่เคยเห็นมีเรื่องอะไรกับใคร หรือแม้แต่เรื่องผู้หญิงเข้ามาข้องแวะก็ไม่มีเลยด้วย
“น่าสงสารเขานะที่มาชอบหนูเนี่ย แล้วยังไงทิ้งยัง?” คนมาชอบน้องสาวเขาเนี่ยมันโคตรความโชคร้ายที่สุดเลยนะ
“บางทีเสี่ยฮายอาจจะไม่ได้คิดอะไรก็ได้นะ พี่อาร์มอย่าพึ่งคิดมากสิ” เรื่องนี้มีแค่เธอที่รู้ดีว่ามันไม่ใช่ เขาเคยพูดว่าอยากได้เธอเป็นเมีย และนั่นทำให้เธอกลัวจนหลบหน้าออกมาแบบนี้
“ไอติมอดีตมีไว้สอนตัวเรานะ ไม่ใช้ว่าเอามาตั้งเป็นกำแพงกันทุกคนออกห่าง”
“เหรอคะ? แต่หนูไม่รู้ว่าจะกล้าไว้ใจใครอีกไหม”
“ไว้พี่บอกว่าผ่านก่อนค่อยเปิดใจก็ได้ ถึงยังไงพี่มาหาทุกเดือนอยู่แล้ว โอเคตามนี้นะ”
“ต่อไปมาก็หัดซื้อขนมมาฝากหนูมั้งนะ!”
หลังจากส่งพี่ชายขึ้นเครื่องที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว เธอแวะซื้อกระดาษสำหรับวาดรูปและสีน้ำที่กำลังหัดอยู่เพื่อใช้ช่วงเวลาผ่อนคลายความเครียดผ่านปลายพู่กัน ปัจจุบันนี้เธอเรียนสายแฟชั่นภาคอินเตอร์แต่กลับไม่ค่อยชอบเท่าไร เธอชอบวาดรูป ชอบเล่นดนตรี ชอบที่จะได้ดำดิ่งอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีความสุขกับตัวเองมากกว่าอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่กว่าเธอจะรู้สึกตัวมันสายไปแล้วถ้าจะไปเรียนใหม่ในสาขาที่ชอบ ตอนนี้เรียนอยู่ปีสอง แล้วอีกไม่นานก็ใกล้จะจบเต็มที จากนั้นคงจะทำงานในกรุงเทพก่อนหรือไม่ก็ฟรีแลนซ์เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้
“ไอติมหนูขนอะไรมาเนี่ย?”
“เสี่ยฮายมาที่นี่ทำไมคะ!?”
“ก็มาหาหนูไง” คำตอบเขามันชัดตั้งแต่เธอยังไม่ถามแล้ว เพราะว่าเขามารอที่คอนโดเธอมันก็ไม่มีเหตุผลอื่นเลยสักนิดนอกจากอยากเจอแค่นั้นเอง
เขาโคตรคิดถึงเธอมากนะ
“เสี่ยช่วยถือดีกว่า” ของในมือมันเยอะมากจริงๆ เขาเลยแย่งมาถือเองเพราะมือเธอเล็กแค่นี้เองเดี๋ยวจะเจ็บเอาได้
“ไปสิ เสี่ยไม่ได้มาทำอะไรหนูหรอก เสี่ยแค่คิดถึงอยากเจอหน้าเฉยๆ” เธอดูไม่ค่อยไว้ใจเขาเท่าไรซึ่งไม่แปลกใจเท่าไรหรอก
“งั้นก็มองหนูให้หายคิดถึงเลยสิ” เธอหันไปยิ้มกว้างให้เขาขณะที่อยู่ในลิฟท์กันสองคน
“คงต้องมองทุกวันทุกคืนแล้วแหละถึงจะช่วยบรรเทาได้ แต่คงไม่หายหรอก” เธอก็มาแบบเนี่ยตลอดจนเขาเดาทางไม่ถูกเลย เดี๋ยวก็เย็นชาเดี๋ยวก็มาทำดีด้วย แล้วใครมันจะตั้งตัวรับทันวะ
“เอาไปนอนกอดเลยไหมคะ ถ้าคิดถึงขนาดนั้น” เธอพูดเล่นพร้อมหัวเราะเบาๆ เดินนำไปกดรหัสเข้าห้องไม่ได้มองว่าเขาจะคิดอะไรหรือยิ้มมากขนาดไหน
“เสี่ยว่าห้องหนูเปลี่ยนไปนะ"
“ใช่ค่ะ ห้องเปลี่ยนแต่คนไม่เคยเปลี่ยนนะ”
คนไม่เคยเปลี่ยนแบบที่เธอว่านั่นแหละ เพราะว่ายังคงน่ารัก เสียงหวาน มารยาทดีไม่เปลี่ยนไปเลย เขาคิดถึงเธอมากนะ ไอติมเอาน้ำกับผลไม้ที่น่าจะปอกเปลือกไว้ก่อนแล้วมาวางไว้ให้ส่วนตัวเธอเองหยิบของไปเก็บที่ชั้นวาง
“ไม่เล่นกีต้าร์แล้วเหรอ?”
“ก็ยังเล่นอยู่ค่ะแต่คนเดียวมันเหงา”
“ว่างๆให้เสี่ยมาหาก็ได้จะได้ไม่ต้องเหงามาก” เขาพร้อมเสมอถ้าเป็นไอติม
“เกรงใจค่ะ เสี่ยฮายมีธุระอะไรกับหนูกันแน่คะ?” เขามาหาเธอที่คอนโดเป็นครั้งที่สองแล้วไม่แน่ใจว่ารอนานเท่าไร ระยะทางจากร้านอาหารที่ไปกินจนถึงที่นี่มันค่อนข้างไกลกันอยู่นะ เสี่ยฮายต้องมีธุระสำคัญหรือไม่ก็อาจจะลืมของในห้องเธอก็ได้
“คิดถึงนี่นับเป็นธุระได้ไหม?” เหตุผลมีแค่นี้แหละที่ยอมฝ่ารถติดมาหา แล้วยังนั่งรอยืนรอที่ล๊อบบี้เกือบครึ่งชั่วโมง
“เสี่ยฮายอย่าเสียเวลากับหนูเลยค่ะ หนูว่าเราเหมาะจะเป็นคนรู้จักหรือไม่ก็พี่น้องมากกว่านะ สถานะแบบที่เสี่ยอยากให้เป็นมันไม่ใช่สิ่งที่หนูอยากจะเป็น” เธอลุกขึ้นจากพื้นหน้าชั้นวางแล้วมานั่งข้างๆเขาบอกด้วยความจริงใจและขัดใจตัวเองที่สุด
เธอชอบเขาแต่ว่าเธอมีความกลัวที่มันมากกว่า
เธอสู้กับตัวเองไม่ไหวจริงๆ
“ไม่มีโอกาสเลยเหรอไอติม?” เขาคว้ามือเธอมาจับไว้ ยอมรับว่าทุกอย่างในตอนนี้มันหน่วงภายในใจมาก แต่คนเคยมีแผลมาก่อนเขาเข้าใจว่าต้องใช้เวลานานแต่เขารอไม่ไหวหรอก
“เสี่ยฮายคือ…”
“ไม่ต้องบอกให้เสี่ยหยุดเพราะรักไปแล้ว ความรู้สึกมันเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรอกไอติม” ก็บอกว่าอยากได้เป็นเมียไง จะให้คนรู้จักหรือพี่น้องก็ไม่เอา หนูมาทำให้เสี่ยรักขนาดนี้ยังคิดว่าเสี่ยจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกเหรอ
นี่หัวใจนะไม่ใช่เครื่องจักร…บ้าบอจริง!
“หนูไม่พร้อมจะมีใคร หนูขอโทษค่ะ”
“หนูกลัวอะไรรึเปล่าห่ะ บอกเสี่ยได้นะเราจะได้ไปกันต่อ”
“กลัวความรัก กลัวเสียใจ กลัวการไว้ใจใครสักคน กลัวทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด หนูไม่อยากจะรู้สึกอะไรแบบนั้นอีกแล้ว”
“หนูยังรักคนเก่าอยู่รึเปล่า?” คำถามนี้มันคาใจเขามาก เพราะถ้าเธอไม่รักเขาก็แสดงว่าคนเก่ายังอยู่ในใจแน่นอน
“ไม่ค่ะ แต่สิ่งที่เขาเคยทำมาก่อนมันเลวร้ายเกินไป แล้วมันทำให้หนูไม่มีความกล้าพอในเรื่องนี้อีกแล้ว” คำว่ากลัวมันมีอำนาจมากกว่าที่เขาคิดไว้นะ ถ้าหากว่าเธอจะต้องเดินออกจากเซฟโซนเพื่อเจอกับความรักอีกครั้ง เธอขออยู่ที่เดิมที่ปลอดภัยดีกว่าแม้ว่าจะเหงามากแต่ไม่เป็นอะไรหรอก
“เสี่ยจะทำให้หนูรู้ว่าความรักมันคืออะไร” เขาจะสอนให้เธอรู้จักความรักใหม่อีกครั้งให้รูปแบบที่ดีมากขึ้น แล้วจะไม่ยอมให้อดีตของเธอมาตัดอนาคตเขาได้หรอก
เขามั่นใจมากว่าทำได้แน่นอน
“ถ้าหนูหายหน้าไปเสี่ยฮายคงลืมได้เองค่ะ”
“เสี่ยคงจะไปตามหาหนูที่มหาลัยแทน” เขารุกหนักมากแล้วดูเหมือนว่าไอติมจะตั้งรับไม่ทันถึงได้เงียบไปแบบนี้ แต่เขายังมีอีกเรื่องที่ต้องถามเธอให้เข้าใจก่อน
“ตอนนี้หนูคุยอยู่กี่คน?” ถามตรงๆแต่เธอทำคิ้วขมวดใส่เหมือนงงมากงั้นแหละ ก็เพื่อนเขาบอกว่าเธอมีคนคุยด้วยตลอดเวลา แล้วยังมีคนตามจีบเสมอเลยไม่ใช่รึไง
“คนเดียวค่ะ” เธอเป็นพวกที่ไม่รู้จักก็กล้าไม่คุยด้วย แล้วยิ่งในทางชู้สาวยิ่งไม่คุยเลยต่อให้มีคนเข้าหาเยอะมากก็ตาม
“ใคร? แล้วหนูคิดยังไงกับมัน” ใครมันมาเป็นคู่แข่งเขาอีกวะเนี่ย ลำพังแค่ปืนข้ามกำแพงในใจของไอติมสาหัสแล้วนะ
“เขาดื้อมากเลยค่ะ หนูห้ามไม่ฟังเลย” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุยิ่งพูดยิ่งเหมือนเติมเชื้อไฟ เธอรับมือคนประเภทนี้ด้วยการหลบหน้าไม่พูดไม่คุยและห่างเหินไปตลอดจนยอมแพ้ไปเอง
ฟังดูใจร้ายนะแต่นี่แหละเธอ
“ห้ามมันชอบหนูเหรอ?
“ห้ามชอบ ห้ามรัก ห้ามคิดเกินเลย แต่ว่าเขาก็ดื้อมากไม่ยอมท่าเดียวเลยค่ะ หนูคิดอยู่ว่าควรจะรับมือยังไงดี”
“ใครห่ะดื้อขนาดนี้ มันคงเป็นพวกเด็กปีหนึ่งใช่ไหม?” เดี๋ยวเถอะเขาจะไปประกาศตัวแสดงความเป็นเจ้าของหัวใจเอาให้จ๋อยจนไม่กล้าจะจีบต่อเลย
“ความจริงเขาเป็นคนแก่ค่ะ”
“อายุใกล้เคียงกับเสี่ยไหม? แล้วฐานะนิสัยเพื่อนฝูงละหนูเคยเจอยัง?” เอาแล้วไงคู่แข่งเสือกมาอายุใกล้เคียงกันอีก ไอติมแม่งก็ไม่ตอบแต่กลับยิ้มปนหัวเราะออกมาแทนเฉยเลย
นี่หนูเมาสีรึไงห่ะไอติม?
“เขาอยู่ตรงหน้าหนูนี่ไงคะ คนแก่ที่ดื้อมาก”
“ไอติม! นี่หนูคุยกับเสี่ยแค่คนเดียวจริงๆใช่ไหม!?”
“คนอย่างหนูใครจะเอาละคะเสี่ยฮาย”