กว่าจะทำเปิดใจว่าโคตรยากแล้วดูเหมือนจะปิดใจโคตรง่ายเลย แล้วหนีไปแบบไม่รู้อะไรเลยมันไม่ดีนะ เขายังไม่ทันได้พูดหรืออธิบายอะไรสักคำเดียวเพราะมัวแต่อึ้งอยู่ มารู้สึกตัวอีกทีไอติมก็เดินออกไปแล้ว
ต้องตามไปง้อเด็กตามระเบียบ!
“แฟนใหม่เหรอ?” เก๋เดินตามออกมาถามแล้วซ่อนรอยยิ้มไว้อย่างแนบเนียน
“อืม คงจะเข้าใจผิดแล้ว ส่วนเรื่องร้านส่งข้อมูลมาในอีเมลแล้วกันวันนี้ไม่มีอารมณ์คุย!” เขาตอบแบบเซ็งๆด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน พอเห็นจานขนมกับจานผลไม้ก็นึกถึงคนเอามาให้ทันที วันนี้จะมาหาเขาทั้งวันพอเจอเก๋เท่านั้นแหละหนีไปเลย นี่มันจังหวะนรกสุดๆ งานกองนี้คงต้องไม่รอเคลียร์ยังไงมันก็ไม่เร่งด่วนมากเท่าเรื่องหัวใจเขาแล้ว
ถ้าไปหาที่คอนโดจะอยู่ไหมวะ?
โอ๊ย…เครียดโว๊ย!!
ไอติมรับรถเรียบร้อยแล้วก็ขับตรงไปสตูดิโอของอาชิดที่อยู่ค่อนข้างไกลจากที่นี่เพื่อจะจัดการงานที่ยังคงค้างคาอยู่ เธอมาเพื่อดับความฟุ้งซ่านมากกว่า! วันนี้ไม่มีคลาสสอนวาดรูปเพราะเด็กน้อยมากซึ่งดีต่อความรู้สึกในตอนนี้
เธอยังไม่พร้อมจะทำอะไรทั้งนั้น
“จะมาทำไมหนูไม่โทรบอกพี่ก่อนละ พี่จะฝากซื้อน้ำหวานสักหน่อย” โจอี้เดินเข้าไปทักทายแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ
“ใครจะคิดว่าวันนี้พี่โจอี้จะอยู่ละคะ” เธอหันไปตอบแล้วดึงผ้าคลุมภาพที่วาดยังไม่เสร็จออกถอนหายใจนิดๆ มองดูอย่างชั่งใจว่าจะทำต่อให้เสร็จดีไหม
“ถามจริงนะเขารู้ไหมเนี่ยว่าตั้งใจทำให้ขนาดนี้?”
“ไม่ได้บอกค่ะ”
“แล้วจะบอกตอนไหนห่ะ เขาดูเป็นหวงหนูมากนะ”
“วันนี้หนูไปเจอเขาอยู่กับแฟนเก่าที่ห้องทำงาน พี่โจอี้หนูหนักใจ หนูกลัวจังเลย” เธอเบ้ปากแล้วบอกตามตรงไปก่อนจะเตรียมอุปกรณ์มาไว้ใช้ในการจัดการภาพตรงหน้าให้เสร็จ
“อย่าคิดมากน่า บางทีมันอาจจะไม่ได้มีอะไรก็ได้ แล้วนี้เหลือแค่ลงสีใช่ไหม?”
“อื้ม สวยไหม?”
“ไม่นะ พี่ว่าหล่อมากกว่า” โจอี้มองภาพวาดแล้วอดจะขำนิดๆในความปากแข็งไม่ค่อยยอมรับอะไรสักอย่าง กลับแอบวาดภาพเสี่ยฮายเอาไว้เพียงแต่ว่าไม่มีเวลาพอจะทำให้เสร็จ
เธอมองภาพตรงหน้าคิดไม่ออกว่าควรจะลงสีแบบไหนดี มันเหมือนกับว่าเธออยากจะได้ยินคำอธิบายเรื่องในห้องทำงานมากกว่าวาดภาพตอนนี้ แต่ถ้าในคุยกันตอนนี้ก็ทำไม่ได้หรอก
เสี่ยฮายโทรหาหลายสายแล้วเธอก็เห็นนะ แต่ว่ายังไม่ว่างจะรับเพราะมือเปื้อนสีหมดแล้ว พี่โจอี้กับอาชิดเคยถามเธอเมื่อตอนเริ่มแรกที่ร่างภาพไว้ว่าเป็นใคร แต่ว่าเธอไม่บอกจนกระทั่งได้รู้จักกันก็ไม่มีคนถามเธออีกเลย
“ไม่มีสมาธิเลย!” เรื่องเขาเต็มหัวไปหมด แล้วตอนนี้เธอลังเลมากว่าเราควรจะคบกันดีไหม
ผ่านไปจนค่ำภาพวาดเสร็จเรียบร้อยพอดี เธอถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วบิดตัวคลายเมื่อยเล็กน้อย เสียงท้องร้องดังครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่มั่นใจ แต่นั่นบอกได้ดีว่าวันนี้ข้าวสักเม็ดยังไม่ตกถึงท้องเลย คงต้องกลับคอนโดก่อนแล้วหาอะไรง่ายๆทำกินอย่างสุกี้ ข้าวต้มอะไรแบบนี้เพราะมันเร็วดีที่สำคัญไม่อ้วนด้วย
“กลับกันหมดแล้วเหรอ?!” ตอนแรกคิดว่ายังไม่ค่ำมากพอดูนาฬิกาเท่านั้นแหละถึงกับตกใจ นี่มันจะสองทุ่มแล้ว! แต่ก็ดีที่คอนโดไม่ห่างจากที่นี่ขับรถแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง เธอออกมาไม่ลืมจะปิดไฟทุกด้วยและหน้าต่างทุกบานก่อนจะปิดประตูล็อกให้เรียบร้อย ความจริงเธอจะนอนที่นี่ก็ได้นะเพราะเมื่อก่อนก็มาค้างบ่อยช่วงหัดวาดรูป แต่ว่าเธออยากกลับคอนโดไปหาอะไรลงท้องก่อนที่น้ำย่อยจะย่อยกระเพาะเธอซะก่อน
จะซื้อกินก็ได้แต่ขี้เกียจจะแวะร้านค้าในเวลานี้
มื้อแรกของวันกินอะไรดีละ?
บนถนนที่รถไม่ได้ติดมากเพราะว่าเธอขับมาทางลัดไม่นานก็มาถึงคอนโดแล้ว แต่ว่าตอนนี้มันสองทุ่มกว่าๆมือก็เริ่มสั่นประท้วงความขาดอาหารขาดน้ำตาลมาเติมเต็มให้ร่างกายทั้งวัน เมื่อเช้าที่แวะไปหาเสี่ยฮายก็คิดว่าจะออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันแต่ทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่าเลย
“หนูไปไหนมา!?” เสียงนี้มันคุ้นๆจังเลยนะ
“ไอติมเสี่ยเอง” ฮายเดินไปจับมือไอติมที่ดูรีบแปลกๆ
“เอ่อ…มาได้ไงคะ?” สงสัยเล็กน้อยแต่ก็คิดได้ว่าเสี่ยฮายรู้จักที่อยู่เธอเลยอาจจะมาคุยเรื่องวันนี้
“ก็มาง้อหนูไง เสี่ยกับเก๋เราไม่ได้ทำอะไรกันนะ” เขาอธิบายอย่างใจเย็นให้คนตรงหน้าเข้าใจกัน
“หนูก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ เสี่ยฮายเป็นโสดจะคุยกับใครก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่คะ” เธอแกะมือเขาออกแล้วกดลิฟท์ไปชั้นของตัวเอง
“แต่หนูโกรธเสี่ย” คำพูดเหมือนประชดแต่หน้าตาไร้เดียงสามาก และที่สำคัญไม่ยิ้มให้เขาเลยด้วย
“เปล่าโกรธค่ะ เสี่ยฮายไม่ต้องคิดมากนะ” เธอขยับตัวออกห่างแต่ว่านี่มันบังเอิญรึไงถึงไม่มีใครขึ้นลิฟท์เลย เธอขยับหนีเขามาจนถึงมุมลิฟท์ไม่มีทางออกแล้ว พอจะก้าวขาไปข้างหน้าเสี่ยฮายก็เอาแขนมากั้นไว้อีก นี่เขาจะหาทางคาดคั้นเอาคำตอบจากเธอให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย
“ลิฟท์เปิดแล้วค่ะ”
“ไปสิเสี่ยไปด้วย”
“แต่ว่ามันดึกแล้วนะคะ”
“ไอติม เสี่ยไม่ได้มาขึ้นลิฟท์เล่นนะเป็นเด็กๆหรอกนะ เสี่ยอยากคุยกับหนูให้เข้าใจทุกอย่าง” ไอติมปากแข็งเขารู้ แต่เพราะเป็นแบบนี้ไงเลยต้องทำให้ยอมรับเพื่อที่เราจะได้คุยกันให้เข้าใจ
“ก็ได้ค่ะ แต่ว่าหนูขอทำอะไรกินก่อนนะ” เธอตอบอย่างอ่อนใจแล้วเปิดห้องให้เขาเข้ามา
“วันนี้…หนูกินอะไรบ้างรึยัง?” ดูท่าทางเหมือนจะหมดแรงไม่รู้ว่าที่ไปไหนมาก่อนกลับคอนโด
“ยังค่ะ ทั้งวันเลย” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆแล้วเดินไปเทน้ำมาให้เขาได้ดื่ม แล้วนั่งลงอย่างหมดแรงโดยเว้นระยะห่าง
เขาส่ายหน้าเบาๆยังไม่ดื่มน้ำที่เธอเทให้แต่ขยับตัวเข้ามาใกล้แทน แล้ววางแขนโอบไหล่เบาๆก่อนจะดึงให้เธอมาซบไหล่ ไอติมก็เงยหน้ามองกันโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาเลย แต่ว่าขยับตัวออกห่างมากขึ้นไปอีก นี่เธอกำลังเว้นระยะห่างกับเขาอีกแล้ว! เขาไม่ได้ขยับตัวตามไปแต่อย่างใดเพราะเดี๋ยวจะตกใจกลัวแล้วหนีหายทีนี้แหละแย่เลยละ
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“หนูฟังเสี่ยอธิบายทุกอย่างก่อนนะไอติม”
“นอกจากเห็นหนูเป็นแม่บ้านแล้วยังมีเรื่องอื่นอีกเหรอคะ?”
“เสี่ยไม่เคยเห็นหนูเป็นแม่บ้านเลยนะ สิ่งที่ได้เห็นกับได้ยินเสี่ยไม่รู้เรื่องเลยจริงๆว่าจะเกิดขึ้น คือวันนี้เก๋มาขายร้านชาบูให้เสี่ย เขาอยากให้เสี่ยเป็นคนซื้อไว้เพราะว่าเขาจะไปต่างประเทศ” เดาใจไม่ถูกเลยว่าตอนนี้ไอติมคิดอะไรอยู่เพราะนิ่งมากเหลือเกิน แถมยังมีคำพูดประชดเล็กน้อยให้ร้อนรนหนักไปอีก คนอย่างเธอไม่มีทางเป็นแม่บ้านไปได้หรอกเพราะอย่างเดียวที่ให้เป็นคือเมียสุดที่รักต่างหากละ!
“เสี่ยเลิกกับเก๋มาได้สามปีแล้วไม่เคยติดต่อกันเลยสักครั้ง เรื่องนี้เสี่ยผิดเองที่ไม่มีเวลามากพอให้เขา”
“คือเราคบกันมาได้ปีครึ่งแต่นิสัยเราเข้ากันไม่ได้เลย แล้วที่เสี่ยไม่มีใครไม่ใช่ว่าลืมเขาไม่ได้นะแต่ว่าคนที่ใช่มันหาไม่เจอสักที จน…กระทั่งมาเจอหนูนี่แหละ” เขาเว้นวรรคเพื่อรอดูว่าไอติมจะพูดอะไรไหมแต่ก็ไม่เลย เธอเงียบฟังเขาพูดเหมือนเด็กน้อยกำลังผู้ใหญ่อธิบายในเรื่องที่ไม่เข้าใจ
“เสี่ยรักหนูมากนะไอติม หนูรู้ไหมว่าเสี่ยมารอตั้งแต่ตอนบ่ายโมงแล้ว”
“ทำไมไม่โทรบอกหนูละคะ?”
“หนูต่างหากที่ไม่รับสาย! ว่าแต่หนูไปไหนมาเหรอถึงกลับดึกขนาดนี้ ปรกติหนูไม่ชอบออกไปไหนเวลาค่ำๆแบบนี้”
“ไปสตูดิโอของอาชิดค่ะ สงสัยจะนั่งทำงานเพลินไปหน่อยจนลืมเวลา ถ้ารู้ว่าเสี่ยฮายมารอตั้งหลายชั่วโมงคงจะบอกว่าไม่ต้องรอแล้วเพราะบางทีอาจจะไม่กลับมาค้างที่นี่”
“ไอติม…”
“คือว่า…หนูไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี สิ่งที่เสี่ยฮายอธิบายมามันก็มีเหตุผลรองรับทุกอย่าง เรื่องธุรกิจเขาคงอยากให้มีคนที่ไว้ใจดูแลต่อจะได้หมดห่วง แล้วเสี่ยมาแบบนี้อาจจะ…”
“หนูอย่าเบี่ยงเบนเรื่องที่เราคุยกันสิ! เสี่ยมาอธิบายให้หนูเข้าใจเพราะว่าหนูเข้าใจผิดหมดทุกอย่าง เสี่ยกับเขาไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้งหรอก หนูสำคัญกับเสี่ยมากรู้ตัวบ้างไหมไอติม แล้ว…จะโวยวาย จะด่าว่า จะตบตี หรือทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การเงียบแบบนี้ หนูทำให้เสี่ยกลัวนะ”
“น่าเสียดายจังที่หนูไม่ใช่คนขี้โวยวายใช้เสียงดังแบบนั้น หนูไม่เคยขึ้นเสียงด่าว่าหรือทำร้ายใคร เพราะงั้นนี่คือตัวตนของหนู เสี่ยฮายอาจจะมีประสบการณ์แบบนั้นมาก่อน แต่ว่าหนูไม่ใช่ค่ะ ที่หนูนิ่งเพราะกำลังคิดเรื่องของเราอยู่ต่างหาก”
“อย่าคิดจะทิ้งเสี่ยเพราะเรื่องนี้นะไอติม!”
“หนูก็ยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยสักคำ”
“มันไม่มีอะไรจริงๆทำไมไม่เสี่ยบ้างละ! ที่ผ่านมาเสี่ยเคยทำตัวแย่ใส่หนูเหรอถึงไม่ไว้ใจกันเลย แค่สักนิดก็ไม่มีเลย!”
“หนูว่าเราค่อยคุยกันดีกว่านะคะ”
“คุยกันคืนนี้แหละ! ถ้าหนูไม่เข้าใจเสี่ยก็จะไม่กลับบ้าน”
“เสี่ยฮายแค่จับมือถือแขนแฟนเก่าเอง หนูไม่งี่เง่าหรอกค่ะ”
“มันไม่มีอะไร เขามาจับมือเสี่ยเองต่างหาก!” พอได้เห็นแววตาที่เริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอเบ้าแล้วก็ทำอะไรไม่ถูกเลย ไอติมหลบตาแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง เขาไม่รู้ว่าเธอเชื่อรึเปล่า ถ้าหากว่าเราสลับตำหน่งกันในตอนนั้น สถานการณ์ก็คงไม่ต่างกันมาก หรือเผลอๆเขาอาจจะทำเรื่องแย่กว่านั้นตามประสาคนใจร้อน
สุดท้ายก็ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อน ที่ผ่านมาเขาไม่เคยขึ้นเสียงใส่เธอเลยสักครั้ง แล้วไอติมก็ไม่เคยทำแบบนั้นเหมือนกัน ไม่ว่าจะตอนไหนก็มักจะนิ่งสงบ ใจเย็น สดใส ร่าเริงจนอดยิ้มตามไม่ได้เลย ดังนั้นเวลาที่ไม่พอใจอะไรมากสิ่งที่แสดงออกก็ยังคงนิ่งมากกว่าเดิมหลายพันเท่า
ใจร้อนขนาดไหนก็ยอมแพ้!
เธอนิ่งเฉยจนรู้สึกว่าเย็นยะเยือกไปทั้งตัวแล้ว!!
“หนูไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวเสี่ยทำอะไรให้กินเอง เสี่ยก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเหมือนกัน” เขานั่งรอเธอนานมากตั้งแต่บ่ายสองกว่าๆจนตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้วก็เริ่มจะหิวข้าวเหมือนกัน
“เดี๋ยวหนูทำให้ดีกว่าค่ะ หนูว่าจะทำสุกี้ผักในตู้เย็นเหลือเยอะเลย เสี่ยฮายกินได้นะคะ”
“ได้สิ ตามใจหนูเลยงั้นเสี่ยนั่งดูหนังรอนะ” ตอนแรกคิดว่าจะทำแค่ไข่เจียวไม่ก็ข้าวผัดง่ายๆให้ ถึงจะหวั่นใจว่าจะทำครัวเธอไฟไหม้ก็ตาม แต่ได้กินสุกี้ฝีมือว่าที่เมียมันต้องดีกว่าแน่นอน
ผ่านไปแค่สิบกว่านาทีสุกี้รวมร้อนๆก็มาวางตรงหน้าเขาแล้วซึ่งแน่นอนว่าเธอทำให้เยอะมากรสชาติก็อร่อยดีมีกุ้ง หมึก ไก่ หมูเยอะพอๆกับผักเลย ไอติมก็นั่งกินเงียบๆแต่ดูแล้วเหมือนว่าคงจะหิวมากจริงๆแหละ นี่ถ้าอยู่ด้วยกันนะเขาจะไม่ปล่อยให้เธอทำงานจนลืมเวลาแบบนี้หรอก
เด็กคนนี้ต้องมีคนดูแลแบบเขาถึงจะเหมาะสม
“อีกแค่ไม่กี่วันก็วันเกิดเสี่ยแล้วนะ” เขาไม่ได้กลัวเธอจะลืมนะแต่กลัวว่าจะไม่ไปมากกว่า
“ค่ะ หนูจะเอาของขวัญไปให้ที่ออฟฟิศนะ” เธอวาดรูปเขาเสร็จแล้วคิดว่าน่าจะชอบนะ
“หนูไปกับเสี่ยไม่ได้เหรอ? ไปกินอาหารกับเพื่อนน่ะ ไปแบบคนรักกัน” เขาพูดติดขัดเพราะว่ากลัวคำตอบของไอติมจริงๆ เธอเป็นคนที่ปั่นหัวเขาเป็นว่าเล่นเลยนะ เธอมาให้ความหวังก่อนจะพังมันเองกับมือเหมือนทุกครั้งไหม เธอเงียบเอาชามสุกี้ไปเก็บล้างจนเรียบร้อยก่อนจะเดินมานั่งด้วยอีกครั้ง
ตอนนี้เธอน่าจะใจเย็นขึ้นและเริ่มหายโกรธถึงยิ้มหวานให้
ทะเลาะกับคนหิวข้าวนี่แย่จริง!
“เสี่ยฮายจะอายุสามสิบแล้วใช่ไหมคะ?” เธอจำได้ว่าเขาแก่กว่าประมาณสิบปีเลย ส่วนเรื่องที่เขาอธิบายมาเธอจะเชื่อเพราะว่าที่ผ่านมาเสี่ยฮายก็เป็นคนแสนดีมาโดยตลอด แล้วตอนนี้พอได้สติไตร่ตรองทุกอย่างก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเขาแล้วละ แต่ก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง
“ครับ หนูจะว่าเสี่ยแก่เหรอ?” ไม่ต้องมีคำพูดแค่รอยยิ้มยียวนตรงหน้ามันก็ชัดเจออยู่แล้วว่าคิดอะไรอยู่
“จะเอาหนูไปอวดเพื่อนเหรอคะ?”
“อวดก็ได้ไหมละ? เป็นแฟนกันนะไอติมขอมาสามครั้งแล้วนะ ไม่ใจอ่อนให้เสี่ยบ้างเหรอครับ” เขาหันมาสบตาเธอก่อนจะดึงเข้ามากอดแล้วยกขึ้นมานั่งตักต่อเลย ตัวหนูเบาหวิวเชียวนะ! เขานั่งกอดเอวบางไว้หลวมๆวางหน้าไว้ที่บ่าแล้วหันไปยิ้มให้เธอ
“กอดขนาดนี้หนูเป็นแฟนเสี่ยฮายก็ได้ค่ะ” เธอก็ยิ้มหวานตอบเขาไปพร้อมกับหลบแววตาคมที่กำลังจะหลอมละลายเธอทั้งเป็นได้อยู่แล้วนะ
“จริงนะไอติม! หนูไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม?” ได้จริงเหรอวะ ณ จุดนี้ เขาขอจุดพลุฉลองเลยดีไหมเนี่ย!
“จริงสิคะ นี่เสี่ยฮายไม่เชื่อหนูเหรอ?” เธอพูดจริงๆไม่ได้ล้อเล่นเหมือนทุกครั้งเลยนะ แล้วอ้อมกอดก็กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าหล่อก็แดงระเรื่อเล็กน้อย
“เสี่ยดีใจมากที่สุดเลย ขอหอมแก้มทีเถอะไอ้เด็กบ้า!” ทำคนแก่หัวใจแทบวายแบบนี้ต้องหอมแก้มให้หนักๆไปเลย ในที่สุดก็มีแฟนกับเขาสักที แถมแฟนเด็กแม่งโคตรน่ารักเลย
“เสี่ยรักหนูมากนะไอติม แล้วนี่หนูรักเสี่ยบ้างไหมครับ?” ที่ผ่านมีแต่เขาบอกรักเธอตลอดเลยนะ ต่างกับเธอที่ไม่เคยพูดจริงเรื่องความรู้สึกเลย ไอติมเอาแต่ล้อเล่นจนบางครั้งก็เหนื่อยใจ
“ถ้าหนูไม่รักเสี่ยจะได้กอดได้หอมแบบนี้เหรอคะ?” เธอยอมขนาดนี้แล้วทำไมคนฉลาดแบบเขาถึงดูไม่ออกนะ เธอหันหน้าไปสบตาก่อนจะจูบกลางหน้าผากกว้างของเพื่อยืนยันคำตอบ
นาทีนี้คือกูตายแล้วครับ!
วิณญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว ช่วยด้วย!!
อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นเลย ทำไมถึงทำอะไรไม่ถูกแบบนี้วะเนี่ย ไอติมจูบหน้าผากเขา! นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอแสดงออกมา ตอนนี้หัวใจมันเหมือนกำลังจะหยุดนิ่งพร้อมกับสมองที่อื้ออึงคิดประมวลผลอะไรไม่ออก สิ่งเดียวที่รู้คือเด็กน่ารักคนนี้สามารถทำให้เขาตายได้อย่างสงบศพเป็นสีชมพูได้เลย ทั้งที่ใบหน้าใกล้กันมาขนาดนี้แต่จะสบตาเด็กก็ไม่กล้าเลย คำพูดก็ติดขัดอยู่ในลำคอและเหมือนว่ากำลังจะใบ้กิน
เกิดมาตั้งนานพึ่งจะเขินเพราะถูกจูบ!
กูจะบ้าตาย!!
“หนูรักเสี่ยฮายนะคะ” เธอกระซิบชิดใบหูเขาเบาๆให้ได้ยินชัดเจน แล้วเอียงคอมองพร้อมยิ้มหวานให้
“ไอติม”
“คะ?”
“หนูต้องรักเสี่ยแค่คนเดียวนะ! หนูห้ามรักใครนอกจากเสี่ยแล้วอย่าไปน่ารักกับคนอื่นด้วยเดี๋ยวเขาจะแย่งหนูไป!” พอได้เป็นแฟนปุ๊ปก็กลัวถูกแย่งขึ้นมาทันทีเลยทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
“ค่ะ เสี่ยฮายก็…” คำพูดทุกอย่างถูกดูดกลืนผ่านริมฝีปากอุ่นจูบที่แสนหวานของเขา
“เสี่ยขอสัญญาเลยว่าจะมีหนูคนเดียวนะ”
“หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะเดี๋ยวจะอ่านหนังสือต่อ แล้วถ้าเสี่ยฮายจะค้างที่นี่ก็นอนที่โซฟาเหมือนเดิม” เขากอดเอวเธอแน่นแล้วไม่ยอมปล่อยด้วยทั้งที่เธอก็บอกแล้วนะว่าจะอาบน้ำ
“ครับ แต่เสี่ยขออาบน้ำห้องหนูนะ”
“ค่ะ งั้นหนูไปก่อนนะ” เขายอมปล่อยมือออกจากเอวเธอแล้วแต่ก็ยังมองตามจนเธอเข้าห้องเลย
นี่แค่เป็นแฟนกันนะถ้าเป็นมากกว่าจะอาการหนักไหม?
กลัวเขาช็อกจัง!
เธออาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็มานั่งอ่านหนังสือ สักพักเสี่ยฮายก็เดินตามเข้ามาแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงหันหน้ามองเธอเหมือนว่าไม่เคยเห็นอย่างงั้นแหละ เธอเหล่ตามองเขาก็ยิ้มให้จนน่าสงสัยว่าไปโดนตัวไหนมาถึงนอนยิ้มคนเดียวแบบนี้
“ขอนอนด้วยได้ไหม?”
“ไม่ค่ะ หนูเป็นแฟนนะไม่ใช่เมียที่จะมานอนกอดได้”
“ก็เพราะว่าหนูเป็นแฟนไงเสี่ยเลยไม่อยากห่างเลย”
“ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ หนูง่วงแล้ว”
“ก็ได้ครับ ไว้ออกมาบอกฝันดีแล้วจะไปนอนข้างนอกนะ” เขาตามใจเธอก็ได้ถึงจะขัดใจตัวเองก็เถอะ ทุกอย่างในห้องน้ำที่จำเป็นต้องใช้หรือแม้แต่ชุดนอนในคืนนี้ไอติมเตรียมไว้ให้แล้ว
น่ารักจริงๆเลยนะว่าที่เมียของเขา
เมื่ออาบน้ำเรียบร้อยเดินออกมาแฟนเด็กคนสวยก็หลับคาหนังสือแล้ว ทำไมน่ารักแบบนี้วะ! เขาไม่เข้าใจเลยว่าขนาดเคยได้กอดได้จูบแล้วใจยังไม่หายสั่นเวลาอยู่ใกล้ เขาขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วหยิบหนังสือออกพับหัวมุมเล็กน้อยให้รู้ว่าอ่านถึงไหน จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาห่มให้คนน่ารักก่อนจะล้มตัวนอนตะแคงมองหน้าไอติมอยู่อย่างนั้นยังไม่คิดจะออกไปไหน
เฮ้อ…นี่มันไม่ใช่ความฝันใช่ไหมวะ?
“คืนนี้…ฝันดีนะครับไอติมของเสี่ย”